เปรียบเทียบสเปก iPad (2017), iPad Air 2 และ iPad Pro แตกต่างกันอย่างไร มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

เปรียบเทียบสเปก iPad (2017), iPad Air 2 และ iPad Pro แตกต่างกันอย่างไร มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

เปรียบเทียบสเปก iPad (2017), iPad Air 2 และ iPad Pro แตกต่างกันอย่างไร มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปรียบเทียบสเปก iPad (2017), iPad Air 2 และ iPad Pro แตกต่างกันอย่างไร มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

ได้ฤกษ์เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ iPad (2017) รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ทาง Apple ได้พัฒนามาเป็นตัวแทนของ iPad Air 2 โดย iPad รุ่นใหม่นี้แม้ว่าจะยังคงมีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว เท่ากับ iPad Air 2 อยู่เช่นเดิม แต่สำหรับสเปกภายในแล้ว ถือว่าได้ถูกยกเครื่องหลายจุดด้วยกัน ซึ่งหากพูดถึง iPad ที่มีขนาดจอเทียบเท่ากับ iPad (2017) แล้ว ก็ยังมี iPad Pro พี่ใหญ่สุดของตระกูลแท็ปเล็ตจาก Apple ด้วย

มาถึงตรงนี้ ใครที่กำลังใช้ iPad Air 2 หรือ iPad รุ่นอื่นๆ คงกำลังลังเลว่า จะเปลี่ยนมาใช้ iPad (2017) ดีหรือไม่? และมีอะไรเปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนๆ บ้าง ซึ่งภายในวันนี้ ทางทีมงาน techmoblog ก็ได้นำทั้ง iPad (2017), iPad Air 2 และ iPad Pro มาเปรียบเทียบสเปกให้รับชมกัน เพื่อให้เห็นว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นในด้านใดบ้าง

1

จากตารางด้านต้นจะเห็นได้ว่า iPad (2017), iPad Air 2 และ iPad Pro 9.7" นั้น ยังคงมีขนาดตัวเครื่องที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่จะแตกต่างในเรื่องของความหนาของตัวเครื่องที่ iPad รุ่นใหม่หนากว่ารุ่นอื่นๆ และมีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นกว่า iPad Air 2 ส่วนในด้านการประมวลผล ถึงแม้ว่า iPad (2017) จะไม่ได้ใช้งานชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Apple A9X เหมือนกับ iPad Pro ด้วย แต่ก็ทดแทนด้วยขุมพลังที่มีความสดใหม่กว่า iPad Air 2 ด้วยการใช้งาน Apple A9 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตตัวเดียวกับที่ใช้บน iPhone 6s และ iPhone SE นั่นเอง แต่ประสิทธิภาพ Benchmark ของทั้ง 3 รุ่นจะแตกต่างกันมากเพียงใดนั้น คงต้องรอผลทดสอบอีกครั้ง

ข้ามมาที่กล้องถ่ายรูปกันบ้าง โดยจะเห็นได้ว่า iPad (2017) ยังคงเลือกใช้งานกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล เหมือนกับ iPad Air 2 ทุกประการ ซึ่งยังไม่มีการติดตั้งไฟแฟลชแบบ LED มาให้แต่อย่างใด อีกทั้ง iPad รุ่นใหม่นี้ รุ่นใหม่นี้ ยังไม่รองรับการใช้งาน Apple Pencil หรือ Smart Keyboard ด้วย ซึ่งหากใครที่ต้องการ iPad ที่สามารถตอบโจทย์การทำงานได้แบบครบเครื่อง iPad Pro น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

ปิดท้ายที่ราคาวางจำหน่าย จะเห็นได้ว่า iPad (2017) ได้ปรับราคาเริ่มต้นถูกลงกว่าเดิมพอสมควรที่ 12,500 บาท ส่วน iPad Pro มีราคาสูงกว่าเกือบเท่าตัวเริ่มต้นที่ 22,990 บาท แต่ก็แลกมากับฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันมากกว่า ซึ่งคงอยู่กับผู้ใช้งานว่าต้องการ iPad เพื่อใช้งานในด้านใดครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook