สัมผัสแรกของ Samsung Galaxy S8 ครั้งแรกกับมือถือจอใหญ่เปลี่ยนโลกบนมือคุณ
หลังจากที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วของ Samsung Galaxy S8 และ S8+ นั้นก็ทีมงาน Sanook! Hitech ได้สัมผัสของจริง ซึ่งเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่น่าตื่นเต้นไม่เบากับมือถือเรือธงตัวนี้ และแน่นอนว่า ข้อกังวลและเรื่องราวต่าง ๆ นั้นจะถูกตอบสั้น ๆ จากบทความนี้ก่อนที่จะเจอกันแบบจริง ๆ ในรีวิวที่จะพูดในอีกเมื่อทาง Samsung ประเทศไทยพร้อม มาเริ่มกันเลยดีกว่า
รูปร่างของ Samsung Galaxy S8 ต้องพูดก่อนเลยเมื่อเห็นครั้งแรกบนมือถือคือหน้าจอนั้นกินพื้นที่ด้านหน้ามากถึง 90% โดน 2.5% ที่เหลือทั้งบนและล่าง ด้านล่างฝั่งเซนเซอร์ช่วยปุ่ม Home แบบแรงกด ส่วนด้านบนเนื่องจากกล้องหน้าและระบบ Iris Scan ยังคงอยู่จึงต้องทำให้ด้านบนมีที่เหลือไว้เล็กน้อย และจอโค้งทั้ง 2 ข้าง ซึ่งไม่ได้โค้งแบบไร้สาระอีกต่อไป มันจะโค้งลงในแบบเดียวกับ Galaxy Note 7 คือ หักลงไปเลย แต่ด้านหลังโค้งรับให้เฟรมโลหะอยู่ตรงหลางพอดี และแน่นอนว่าเมื่อเทียบกับ Galaxy S7 มันใหญ่กว่าทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ
ด้านข้างนั้นแม้จะดูบางแต่ความจริงโลหะนั้นหนาขึ้น เมื่อเทียบกับ Galaxy S7 เดิมพบได้ว่ามีความหนาเพิ่มขึ้น และมีปุ่มกดที่เล็ก ซึ่งเครื่องที่ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสื่อไหนยังเป็นสีดำ ฝั่งซ้ายจะมีปุ่มปรับระดับเสียง พร้อมปุ่มเรียกผู้ช่วย Bixby
ฝั่งขวายังคงมีเฉพาะปุ่มเปิดเครื่อง หรือ Power เท่านั้น
ด้านบนมีช่องใส่ซิมแบบ Hybrid SIM ซึ่งสามารถสลับใส่ Micro SD ได้เหมือน Samsung Galaxy S7
ด้านล่างมีช่องเสียบ USB-C พร้อมกับช่องเสียบหูฟังของตัวเครื่องและลำโพงที่ตัวเลขแต่กลับให้เสียงที่ดีใช้ได้
ด้านหลังมาพร้อมกับกระจกกันรอยและกล้องขนาด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Heart rate Sensor, Flash และระบบสแกนลายนิ้วมือ หลายคนบอกว่ามันคือปุ่ม จากที่สัมผัส มันเป็นแผ่นสัมผัสเท่านั้น
ภาพรวมของเครื่องแม้จะตัวใหญ่แต่ด้วยการออกแบบให้กระจกนั้นงุ้มลงน้อยกว่าเดิม แต่ออกแบบให้ทั้ง 2 ด้านเท่ากันทำให้จับได้ถนัดมือมากขึ้น และพื้นที่ของหน้าจอเหลือมากกว่าเดิมทำให้เวลาดูหนังนั้นได้ อรรถรสมากขึ้น และการใช้งานอีกกับ Apps ที่ต้องรองรับจอแบบ 18.5:9 นั้นจะต้องรอดูว่ามีอะไรนอกจากโปรแกรมหนังหรือไม่ เบื้องต้นเท่าที่ลองมา หนังและ YouTube ได้แบบไร้ปัญหา
ประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy S8+ นั้นเนื่องจากสเปคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 2 จุดด้วยกัน ถึงในงานจะไม่ได้พูดว่าใช้ CPU อะไร แต่ขอพูดไว้ว่าเครื่อง Samsung Galaxy S8+ ที่ได้ลองนี้ ใช้ CPU Exynos 8895 Octa Core พร้อมเทคโนโลยีการผลิตขนาด 10 นาโนเมตร ซึ่งรีดประสิทธภาพได้ดีกว่าเดิม 10% พร้อมกับกราฟฟิกการ์ดตัวใหม่ Mali G71 พร้อมกับ RAM 4GB ความจำในตัว 64GB รองรับความถี่ 4G LTE Cat 16 ด้วยเช่นกัน ถือว่าเป็นอีกเครื่องหนึ่งที่ให้สเปคเต็ม โดยเบื้องต้น Antutu ทดสอบได้ที่ 121,336 คะแนน ซึ่งดีกว่า Galaxy S7 นิดหน่อย แต่นี่ยังเป็น Firmware ที่ยังไม่สมบูรณ์เชื่อว่า ถ้าสมบูรณ์มันจะไวกว่านี้แน่นอน
เอาเข้าจริงก็ลื่นไหลดีใช้ได้ เรียกได้ว่าทันใจเลยดีกว่า อย่างไรก็ดีสิ่งที่ยังคงเหมือนกับ Samsung Galaxy S7 คือแบตเตอรี่ รุ่น S8 ให้มาที่ 3000 mAh และ S8+ ให้มาที่ 3500 mAh พร้อมระบบ Fast Charge และ Wireless Charge แต่ไม่ได้เคลมว่าชาร์จไฟเร็วเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะเท่ากับ Galaxy S7 ซึ่งจัดว่าเป็นมือถือที่ชาร์จไฟเร็วระดับต้น ๆ แต่เท่าที่เล่นราว ๆ 1 ชั่วโมง แบตเตอรี่ไม่ได้ลงเร็วอย่างที่คิด
สิ่งที่น่าสนใจไม่ควรพลาดสำหรับ Samsung Galaxy S8
นอกจากจออลังการงานสร้างที่เห็นนี้ยังคงให้ความละเอียดมากถึง 2960x1440 แต่สามารถปรับลดความละเอียดลงได้เหลือ Full HD, HD ปกติ ซึ่งความละเอียดหน้าจอก็จะแปรผันตามขนาดของเครื่อง โดย UX แบบใหม่ให้ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่ต้องมีการกดปุ่มอะไรให้มากมาย เน้นการปัด หรือ Swipe มากขึ้น เช่นถ้าคุณต้องการดู Apps ทั้งหมด ให้เลื่อนจากล่างขึ้นบน, ต้องการดู Notification เลื่อนจากบนลงล่าง และ ซ้ายเป็นที่อยุ่ของ Home Bixby ที่รวมการบอกเล่นวิธีการใช้ และข่าวสารที่อยู่ด้านล่าง
สิ่งถ้าคุณคิดว่าจะซื้อ Galaxy S8 มาและต้องลองทันทีนั้น ทีมงาน Sanook! Hitech แนะนำฟีเจอร์ต่าง ๆ เหล่านี้
- ระบบ Iris Scanner พร้อมกับระบบจดจำใบหน้า ซึ่งเป็นฟีเจอร์ระบบความปลอดภัยที่ล้ำและใช้งานไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่ขอให้แสงเพียงพอ แต่ถ้าไม่สามารถปลดล็อคได้ ระบบสแกนลายนิ้วและการตั้งรหัสผ่านอื่น ๆ คอยช่วยคุณได้แน่นอน การแสดงผล Iris Scan เป็นกล้องสีแล้วไม่ใช่ขาวดำเหมือนกับ Galaxy Note 7 ถือว่าล้ำขึ้นอย่างชัดเจน
- Bixby ระบบคำสั่งเสียงที่ค่อนข้างจะฉลาดและสามารถสั่งงานได้ทันที แต่จากที่ลองยังคงมีข้อจำกัดสำหรับภาษาไทยอยู่บ้าง
- Samsung DeX ซึ่งตอนที่ทดลองยังไม่ได้เห็นภาพจริงจังเพราะยังไม่มีอุปกรณ์จริงออกมา แต่ภาพรวมจากที่ดูจากข้างใน Live มันคือการทำให้มือถือเชื่อมกับจอคอมพิวเตอร์ แล้วทำงานได้เทียบเท่าคอมพิวเตอร์นั่นเอง หรือง่าย ๆ มันก็เหมือน Continuum ของ Microsoft ดี ๆ นี่เอง
มาในส่วนของกล้องแล้ว Samsung Galaxy S8 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงกล้องเล็กน้อย แต่ยังคงความละเอียดกล้องหลังที่ 12 ล้านพิกเซล F1.7 พร้อมกับ Dual Pixel และมีระบบ Smart OIS และสามารถถ่ายภาพได้ทั้งแบบเคลื่อนไวได้รวดเร็ว และที่แสงน้อย พร้อมกับ Clear Zoom ที่เรียกได้ว่าซูมไม่แตก
ส่วนกล้องหน้าเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ได้แก่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล F1.7 ครั้งนี้ใส่ระบบ Auto Focus พร้อมฟีเจอร์ Smart Focus ที่ถ่ายหลายคนก็สามารถทำให้ชัดได้หมด ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่น่าสนในไม่เบา
แม้การสัมผัสนี้จะมีเวลาแค่ 1 ชั่วโมง แต่ก็บอกอะไรได้หลาย ๆ เรื่องทั้งความตั้งใจทีทำให้หน้าจอใหญ่แต่แบตเตอรี่นั้นไม่ได้ให้มากกว่าเดิม แต่ประหยัดไฟกว่ารุ่นเพราะ CPU และนอกจากนี้ยังมีความล้ำหน้าในตัวฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ในราคานั้นตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยในประเทศไทยแต่ก็คาดการณ์ว่าตัวท็อปจะหลุด 3 หมืนค่อนข้างแน่นอน แต่อย่างไรก็ดี มันคือการพัฒนารุ่นที่ 8 ของตระกูล Galaxy S ที่เปลี่ยนแปลงวงการมือถือได้ดีไม่น้อย
ส่วนลองจริง ๆ และระยะเวลานานกว่านี้ต้องติดตามในรีวิวกันต่อไป เร็ว ๆ นี้
อัลบั้มภาพ 71 ภาพ