เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S7 ต่างกันอย่างไร มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง?
ในที่สุดเรือธงที่หลายธงรอคอยก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ Samsung Galaxy S8 ที่ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ด้วยหน้าจอแสดงผลเต็มตากว่าเดิม Infinity Display รวมถึงยกเครื่องคุณสมบัติรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ตประมวลผลตัวแรงใหม่ล่าสุด Snapdragon 835 และ Exynos 8895 , กล้องหน้า 8 ล้าน พร้อมระบบ Autofocus ที่จับภาพคมชัดกว่าเดิม รวมไปถึงการผนวกผู้ช่วยอัจฉริยะ ฺฺBixby และระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ที่มีความสะอาดตา และอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์เด่นๆ อีกเพียบ
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนที่กำลังครอบครอง Galaxy S7 หรือ Galaxy รุ่นเก่าๆ อาจกำลังลังเลว่า ควรเปลี่ยนมาใช้งาน Galaxy S8 ดีหรือไม่ รวมทั้งหลายท่านอาจสงสัยว่า Galaxy S8 ต่างจาก Galaxy S7 มากน้อยเพียงใด ซึ่งวันนี้ทางทีมงาน techmoblog ได้นำมือถือทั้งสองรุ่นมาเปรียบเทียบให้ดูกันแบบชัดๆ เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกท่านประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
ดีไซน์ และการออกแบบ
เริ่มด้วยจุดที่เห็นได้ชัดอย่างดีไซน์ตัวเครื่องกันก่อน โดย Samsung Galaxy S8 ในปีนี้ ใช้งานบอดี้ที่ผลิตด้วยโลหะผสานกระจก (Meta-Glass) พร้อมครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและหลัง แต่จะเห็นว่า Galaxy S8 มีรูปร่างที่แปลกตาไปจาก Galaxy S7 มากพอสมควร เนื่องจากได้ขยายพื้นที่หน้าจอให้ยาวมากขึ้น พร้อมกับลดขนาดขอบบน และตัดปุ่มควบคุมต่างๆ ที่ด้านล่างตัวเครื่องออกไป ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยแผงควบคุมบนหน้าจอ On-screen ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่เคยถูกฝังเอาไว้ใต้ปุ่มโฮมนั้น คราวนี้ Galaxy S8 ได้ย้ายไปวางไว้ใกล้กับตำแหน่งกล้องหลังแล้ว ทำให้ผู้ใช้อาจต้องทำความคุ้นเคยกับการสแกนลายนิ้วมือแบบใหม่เล็กน้อย
นอกจากนี้ Galaxy S8 ยังได้ปรับเปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB-Type C ซึ่งเป็นพอร์ตมาตฐานใหม่กว่า และมีคุณสมบัติเสียบได้ทั้ง 2 ด้านอีกด้วย ส่วนช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. ยังคงมีอยู่เช่นเดิม ไม่ได้ถูกตัดออกไปแต สำหรับอีกหนึ่งจุดเด่นอย่างคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นที่มีอยู่ใน Galaxy S7 นั้น Galaxy S8 ก็ยังคงสานต่อฟีเจอร์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยมาพร้อมกับมาตรฐาน IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกสุด 1.5 เมตร เป็นเวลานาน 30 นาที
หน้าจอแสดงผล
Samsung Galaxy S8 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลในชื่อ Infinity Display โดยเลือกใช้เทคโนโยลีการแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 5.8 นิ้ว ขอบโค้งทั้ง 2 ด้าน ความละเอียด 2960 x 1440 พิกเซล พร้อมสัดส่วนหน้าจอแบบใหม่ 18.5:9 ซึ่งหน้าจอของ Galaxy S8 นับว่าใหญ่กว่า Galaxy S7 ที่มีหน้าจอเพียง 5.1 นิ้ว เป็นอย่างมาก ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานด้านความบันเทิงได้เต็มตามากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า Galaxy S8 จะมีจอใหญ่กว่า Galaxy S7 แต่จริงๆ แล้ว ตัวเครื่องกลับมีขนาดที่ใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากขนาดจอที่เพิ่มขึ้นมานั้น เป็นผลจากการลดพื้นที่ขอบบน และขอบล่างออกไปนั่นเอง ทำให้ผู้ใช้งานที่เคยใช้ Galaxy S7 มาอยู่แล้ว ก็สามารถหยิบจับ Galaxy S8 ได้แบบถนัดมือเช่นเดิม
ชิปเซ็ตประมวลผล
Samsung Galaxy S8 ที่จะนำมาวางจำหน่ายในบ้านเรานั้น จะเป็นรุ่นที่ใช้งานขุมพลัง Exynos 8895 ซึ่งนับว่าเป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ ที่อัปเกรดต่อยอดมาจาก Exynos 8890 ของ Galaxy S7 โดย Exynos 8895 รุ่นใหม่นี้ ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 10 นาโนเมตร พร้อมหน่วยประมวลผลแบบ 8 Cores ซึ่งทาง Samsung ระบุว่า มีประสิทธิภาพการประมวลผลทั่วไปที่เร็วกว่ารุ่นก่อน 10% และประมวลผลกราฟฟิกได้เร็วขึ้น 50% ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง 20% ทำให้ประหยัดแบตมากกว่าเดิมนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่า Galaxy S8 รุ่นชิป Exynos 8895 จะมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับรุ่นชิป Snapdragon 835 ขุมพลังตัวแรงจากค่าย Qualcomm หรือไม่? เรื่องนี้ เราไม่ต้องเดากันให้ยุ่งยาก เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการเผยผลทดสอบ Benchmark ให้ทราบกันแล้ว โดยจะเห็นได้ว่า Exynos 8895 สามารถทำคะแนนประมวลผลได้สูงกว่า Snapdragon 835 ทั้งในด้านการประมวลผลแบบ Single-Core และ Multi-Core อย่างเห็นได้ชัด ทำให้ Galaxy S8 ทั้ง 2 รุ่นนี้ มีความเร็วแรง ที่ไม่ทิ้งห่างกันอย่างแน่นอน แต่การประมวลผลกราฟฟิกจะต่างกันมากน้อยเพียงใดนั้น คงต้องรอผล Benchmark กันอีกครั้ง
หน่วยความจำภายใน
Samsung Galaxy S8 ยังคงมาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB เท่ากับ Galaxy S7 เช่นเดิม แต่ได้ขยับหน่วยความจำภายในเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เริ่มต้นที่ 64GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card สูงสุด 256GB ทำให้รวมๆ แล้วจะมีหน่วยความจำรวมกันถึง 300GB เลยทีเดียว
กล้องดิจิทัล
ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy S8 จะไม่ได้ใช้งานระบบกล้องคู่ Dual-Camera เหมือนกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ แต่ก็ทดแทนด้วยกล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุงสุด f/1.7 พร้อมเทคโนโลยี Dual Pixel, ไฟแฟลช LED, ระบบกันภาพสั่นไหว OIS และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K
ซึ่งถึงแม้ว่าสเปกกล้องโดยรวมแล้ว จะคล้ายคลึงกับ Galaxy S7 แต่สำหรับ Galaxy S8 จะเด่นกว่าในเรื่องของระบบประมวลผลแบบใหม่ในชื่อ Enhanced Image Processing ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการรวมภาพถ่ายหลายเฟรมเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น รวมทั้งยังช่วยลดอาการเบลอ และ Noise ของภาพได้อีกด้วย
ในส่วนของกล้องหน้านั้น Galaxy S8 ได้อัปเกรดความละเอียดขึ้นจาก Galaxy S7 เป็น 8 ล้านพิกเซล โดยเลือกใช้เลนส์มุมมองกว้าง รูรับแสง f/.7 พร้อมกับติดตั้งระบบ autofocus และเทคโนโลยี Face Recognition มาให้ด้วย ซึ่งจะคอยช่วยตรวจจับใบหน้าของผู้ใช้งาน รวมทั้งโฟกัสของตัวแบบ ทำให้รูปเซลฟี่มีความคมชัดยิ่งกว่าเดิมนั่นเอง
ฟีเจอร์การใช้งานอื่นๆ
ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจที่ถูกเพิ่มเข้ามาบน Samsung Galaxy S8 มีอยู่หลายจุดด้วยกัน โดยสิ่งแรกที่เพิ่มมาคือ สแกนม่านตา Iris Scanner ซึ่งเป็นระบบยืนยันตัวตนรูปแบบใหม่ ที่มีความปลอดภัยสูง และถูกปลอมแปลงได้ยาก นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถใช้ฟีเจอร์สแกนม่านตา เพื่อยืนยันการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน Samsung Pay นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์จดจำใบหน้าของผู้ใช้งาน และผู้ช่วยอัจฉริยะคนใหม่ Bixby ที่พกความสามารถเด็ดติดตัวมาเพียบ ทั้งการหาข้อมูลต่างๆ ผ่านการส่องกล้อง รวมถึงการเข้าใจบริบทระหว่างการใช้งาน
ส่วนฟีเจอร์กันน้ำฝุ่นที่เคยปรากฏอยู่บน Galaxy S7 นั้น ทางด้าน Galaxy S8 ก็ยังมีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่เช่นเดียวกัน โดยมาพร้อมกับมาตรฐาน IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกสุด 1.5 เมตร เป็นเวลานาน 30 นาที นอกจากนี้ Galaxy S8 ยังมีของเล่นใหม่ที่เปิดตัวมาเคียงคู่กันด้วยนั่นก็คือ Dex หรืออุปกรณ์ที่สามารถแปลง Galaxy S8 ให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมๆ ได้อีกด้วย
โดยในปีนี้ Samsung Galaxy S8 จะมีให้เลือกทั้งหมด 5 สีด้วยกัน ประกอบไปด้วย สี Midnight Black, Orchid Gray, Coral Blue, Arctic Silver และ Maple Gold ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการประกาศราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ทาง Samsung ระบุว่า จะมีการวางจำหน่ายภายในวันที่ 21 เมษายนที่กำลังจะถึงนี้ ซึ่งก็คงต้องลุ้นกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้ว Galaxy S8 จะเปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นเท่าไหร่กันแน่ จะสูงกว่า Galaxy S7 หรือไม่ครับ