รวม 5 มือถือเรือธงรุ่นเก่า ที่ยังคุ้มค่าน่าจับจองเป็นเจ้าของ รุ่นไหนมีจุดเด่นอะไรบ้าง ไปดูกัน!

รวม 5 มือถือเรือธงรุ่นเก่า ที่ยังคุ้มค่าน่าจับจองเป็นเจ้าของ รุ่นไหนมีจุดเด่นอะไรบ้าง ไปดูกัน!

รวม 5 มือถือเรือธงรุ่นเก่า ที่ยังคุ้มค่าน่าจับจองเป็นเจ้าของ รุ่นไหนมีจุดเด่นอะไรบ้าง ไปดูกัน!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สมาร์ทโฟนซีรีส์เรือธงของแต่ละค่าย เรียกได้ว่าถูกพัฒนาขึ้นไปมาก ทั้งในเรื่องของดีไซน์ และสเปกแบบจัดเต็มแบบไม่มีใครยอมใคร ซึ่งมือถือเรือธงบางรุ่นนั้น ถึงแม้ว่าจะเปิดตัวมาหลายปี จนตกรุ่นไปแล้ว แต่ก็ยังมีความน่าสนใจไม่แพ้มือถือรุ่นใหม่ๆ ที่ทยอยเปิดตัวออกมาเลยทีเดียว ซึ่งภายในวันนี้ทางเว็บไซต์ Android Authority ก็ได้หยิบยก 5 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นเด็ดที่ถึงแม้จะเก่าไปบ้าง แต่ยังมีความเก๋าอยู่พอตัว มาแนะนำให้ทุกท่านได้รับชมกัน แต่จะมีรุ่นไหนบ้างนั้น เราลองไปติดตามพร้อมๆ กันดีกว่าครับ

Samsung Galaxy Note Edge

2

สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือรุ่นเก่า แต่ยังมีสเปกพอฟัดพอเหวี่ยงกับเรือธงสมัยนี้ได้ Samsung Galaxy Note Edge อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตามองไม่ใช่น้อย ซึ่งนอกเหนือจากการดีไซน์หน้าหน้าจอแบบขอบโค้ง ความละเอียดระดับ 2K Quad HD แล้ว สเปกภายในก็ถือว่ายังคงตอบโจทย์การทำงานได้แบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น หน่วยความจำ RAM ขนาด 3GB, หน่วยความจำภายในความจุ 64GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริม microSD Card, กล้องกันสั่น 16 ล้านพิกเซล, NFC หรือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็ติดตั้งมาให้เช่นเดียวกัน อีก Galaxy Note Edge ก็ยังได้รับการอัปเดตเป็น Android 6.0 Marshmallow เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่เรือธงบางรุ่นยังคงเลือกใช้งานอยู่

สำหรับชิปเซ็ตประมวลผลของ Galaxt Note Edge อาจดูเป็นจุดด้อยไปบ้าง เนื่องจากเป็นชิปเซ็ตรุ่นเก่าอย่าง Snapdragon 805 แต่ก็เป็นชิปเซ็ตที่อยู่ในซีรีส์ระดับท็อปเลยทีเดียว สำหรับรายละเอียดฟีเจอร์เด่นของ Samsung Galaxy Note Edge มีดังต่อไปนี้

  • หน้าจอแสดงผลแบบขอบโค้ง Super AMOLED ขนาด 5.6 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 805 แบบ Quad-Core Processor
  • หน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 420
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 3GB
  • หน่วยความจำภายในความจุ 32GB / 64GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 256GB
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุด f/1.9
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS และไฟแฟลช LED รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC
  • รองรับการใช้งานกับปากกา S Pen
  • แบตเตอรี่ความจุ 3000mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 2.0
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.4 Kit Kat (สามารถอัปเดตเป็น Andorid 6.0 Marshmallow ได้)

HTC One (M8)

3

ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน HTC อาจไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่สำหรับมือถือเรือธงของ HTC ที่เคยเผยโฉมให้เห็นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา อย่าง HTC One (M8) ยังคงมีความน่าสนใจอยู่เช่นเดิม เนื่องจาก เป็นสมาร์ทโฟนที่คงคอนเซ็ปท์การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ HTC เอาไว้ นอกจากนี้ งานดีไซน์ยังถูกจัดวางให้อยู่ในระดับพรีเมียมด้วยการเลือกใช้บอดี้แบบโลหะสุดแกร่งทั้งตัวเครื่อง แต่ในส่วนของสเปกนั้น ถึงแม้ว่าอาจกลายเป็นมือถือระดับกลางเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบันไปแล้ว แต่ก็ทดแทนด้วยระบบเสียง BoomSound สุดกระหึ่ม พร้อมรองรับการเล่นไฟล์เสียงแบบ 24-bit รวมถึงเทคโนโลยี adtX Bluetooth

นอกจากนี้ ยังมี NFC, ระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 2.0 และสามารถอัปเกรดเป็น Android 6.0 Marshmallow ได้ด้วย ทำให้ฟีเจอร์การใช้งานหลักๆ ทัดเทียมกับมือถือในปัจจุบันเลยทีเดียว สำหรับฟีเจอร์เด่นของ HTC One (M8) มีดังต่อไปนี้

  • หน้าจอแสดงผลแบบ Super LCD3 ขนาด 5.0 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Full HD)
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 801 แบบ Quad-Core Processor
  • หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 330
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 2GB
  • หน่วยความจำภายในความจุ 16GB / 32GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ความจุ 256GB
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ Dual-Camera ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมไฟแฟลชแบบ dual-LED
  • ลำโพงคู่ BoomSound
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC
  • แบตเตอรี่ความจุ 2,600mAh
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.4 Kit Kat (สามารถอัปเดตเป็น Android 6.0 Marshmallow ได้)

LG Nexus 5

4

ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2013 ในขณะที่สมาร์ทโฟนสายพันธุ์ Pure Android อย่าง Nexus ของ Google กำลังถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในรุ่น Nexus 5 นั้น ทาง Google ยังได้จับมือกับ LG ร่วมผลิตอยู่เช่นเดิม โดย LG Nexus 5 ถือว่า ได้รับการปรับปรุงต่อยอดมาจาก Nexus 4 หลายจุดด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ การเพิ่มระบบการชาร์จไร้สายแบบ Qi wireless Charging รวมถึงการเพิ่ม NFC ทำให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมบนมือถือร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับได้ด้วย ซึ่งในปัจจุบัน Nexus 5 ยังคงได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานในต่างประเทศพอสมควร โดยเราจะเห็นได้จากการพัฒนา รอมโม (Custom ROM) อย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้ LG Nexus 5 สามารถรันบน Android 7.0 Nougat ได้แล้ว ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะมีอายุกว่า 4 ปีแล้วก็ตาม ซึ่งนับว่ามาไกลพอสมควร

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่า LG Nexus 5 จะมีสเปกแบบครบครัน แต่ข้อด้อยของรุ่นนี้ก็คือ กล้องดิจิทัล และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แต่โดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นเรือธงรุ่นเก่าที่ยังคงคุ้มค่า น่าจับตามองอยู่ไม่ใช่น้อย สำหรับฟีเจอร์เด่นของ LG Nexus 5 มีดังต่อไปนี้

  • หน้าจอแสดงผลแบบ True HD IPS+ ขนาด 4.95 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Full HD) ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 800 แบบ Quad-Core Processor
  • หน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 330
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 2GB
  • หน่วยความจำภายในความจุ 16GB / 32GB (ไม่รองรับหน่วยความจำเสริม microSD Card)
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS และไฟแฟลช LED
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC
  • แบตเตอรี่ความจุ 2300mAh
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop (สามารถอัปเดตเป็น Android 6.0 Marshmallow ได้)

Sony Xperia Z Ultra

5

ข้ามมาที่ฝั่ง Sony บ้าง โดยเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา ทาง Sony ได้เผยโฉมสมาร์ทโฟนด้วยกันหลากหลายรุ่น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Xperia Z Ultra มือถือตัวท็อปซีรีส์เรือธง พร้อมจอไซส์ใหญ่เต็มตาถึง 6.4 นิ้ว บนบอดี้บางเฉียบเพียง 6.5 มม. โดยจุดขายของรุ่นนี้นอกเหนือจากขนาดหน้าจอแสดงผล และตัวเครื่องที่บางเบาแล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์กันกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP58 ซึ่งสามารถกันน้ำกระเซ็นได้ในระดับหนึ่งด้วย สำหรับฟีเจอร์เด่นของ Sony Xperia Z Ultra มีดังต่อไปนี้

  • หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 800 แบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 2.2GHz
  • หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 330
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 2GB
  • หน่วยความจำภายในความจุ 16GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 64GB
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 พร้อมระบบ Autofocus
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC
  • เทคโนโลยีการแสดงผลแบบ Triluminos และ X-Reality Engine
  • แบตเตอรี่ความจุ 3050mAh
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.2 Jelly Bean (สามารถอัปเดตเป็น Android 5.1 Lollipop ได้)

LG G4

6

ปิดท้ายด้วยเรือธงที่น่าจะเป็นรุ่นใหม่ที่สุดในลิสต์นี้กันบ้างกับ LG G4 โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ทาง Android Authority ระบุว่า ยังคงเป็นมือถือที่คุ้มค่าน่าซื้อสำหรับคนที่มีงบจำกัด ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ LG G4 ติดโผมาด้วย เป็นผลมาจากกล้องดิจิทัล และโหมดการถ่ายภาพแบบ Manual นั่นเอง โดยในส่วนของกล้องดิจิทัลนั้น LG G4 ถือว่าสามารถทำงานได้น่าประทับใจใช่น้อย หลังได้รับคะแนนบนเว็บไซต์ DxOMark ไปทั้งหมด 83 คะนน ซึ่งมากกว่ามือถือรุ่นใหม่ๆ บางรุ่นเสียอีก

นอกเหนือจากเรื่องกล้องแล้ว การออกแบบเรียกได้ว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากทาง LG ได้ปรับโฉมใหม่ให้ดูสวยงามแฝงความลึกลับ ก่อนที่ดีไซน์ของ LG ซีรีส์ G จะถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้งใน LG G5 ที่กลายเป็นสมาร์ทโฟนถอดเปลี่ยนได้ Modular Phone ไปแล้ว ส่วนสเปกภายในของตัวเครื่องถือว่า ยังคงทัดเทียมกับมือถือรุ่นใหม่ๆ อยู่ ไม่ว่าจะป็นการเลือกใช้งาน ขุมพลัง Snapdragon 808 จับคู่ RAM 3GB พร้อมหน่วยความขำภายในความจุ 32GB และรองรับการเล่นไฟล์เสียงแบบ 24-bit สำหรับฟีเจอร์เด่นของ LG G4 มีดังต่อไปนี้

  • หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 808 แบบ Hexa-Core Processor
  • หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 418
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 3GB
  • หน่วยความจำภายในความจุ 32GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุงสุด f/1.8 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS แบบ 3 แกน และไฟแฟลช LED
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC
  • แบตเตอรี่ความจุ 3000mAh ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop (สามารถอัปเดตเป็น Android 6.0 Marshmallow ได้)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook