มือถือไม่ใช้ซิม ล้มค่ายโทรคมนาคมกันเลยหรือ?
เมื่อสิบปีก่อนตอนที่เริ่มมีสไกป์ขึ้นมาในโลก ตอนนั้นผมเป็นบรรณาธิการนิตยสารไอทีสมัยใหม่เล่มนึง ผมสั่งให้ลูกน้องไปทำสกู๊ปว่า ถ้าแพลตฟอร์มมันเริ่มใช้งานโทรศัพท์โดยไม่ผ่านซิม แต่ผ่านแอพแทนโอเปอเรเตอร์ทั้งหลายจะอยู่กันยังไง โชคร้ายคือ 10 ปีที่แล้วมันยังไม่มีคำตอบ ด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ตอนนี้มันถึงเวลาต้องกลับมาคิดเรื่องนี้กันใหม่แล้วสินะ
เริ่มจากบอสใหญ่ศุภชัยจากค่ายทรูออกมากล่าวกับผู้ถือหุ้น่วา สิ่งที่น่ากลัวตอนนี้ก็คือ การที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหลายกำลังหาทางที่จะทำให้โทรศัพท์มือถือไม่ต้องใช้ซิม ทำให้การพูดคุยด้วยเสียงผ่านทางอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ซึ่งเท่ากับเป็นการ disrupt ค่ายมือถือทั่วโลก และปล่อยให้ค่าโทรศัพท์กลายเป็นค่าอะไรไม่รู้ที่จะเป็นการกินรวบโดยเจ้าของเทคโนโลยีเพียงรายเดียว เหมือนกับที่ค่าโฆษณาทั่วโลกกำลังถูกดูดเข้าไปหารายใหญ่อยู่ไม่กี่ราย
จะว่าไปเราเห็นกูเกิลโฟนมาหลายปี ก็ยังใช้ซิมกันอยู่ แต่ถ้าอยู่โทรศัพท์มือถือไม่มีซิม แล้วกลายเป็นเฟสบุ๊คส์โฟน กลายเป็นยูทูปโฟน กลายเป็นไลน์โฟน ฯลฯ ธุรกิจโทรคมนาคมคงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เราอาจไม่ต้องมาถามว่า 3g หรือ 4g แต่คงมีมาตรฐานอื่นๆ มาให้เราเลือกใช้กันแน่นอน
จริงๆ เคสนี้คุณศุภชัยไม่ต้องตกใจหรอกครับ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นโอเปอเรเตอร์ของฝรั่งคงต้องตกใจก่อน เพราะแนวทางการทำธุรกิจโทรคมนาคมของบ้านเราก็เดินตามเมืองนอกมาติดๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการคิดค่าบริการ การจัดโปรโมชั่น การขายเครื่องผูกสัญญา ดังนั้นถ้าจะกระทบที่เมืองไทยคงกระทบที่นั่นก่อน แต่ก็ประมาทไม่ได้นะครับพวกนี้พอมาแล้วแปปเดียวล้างบางกันเลย การเตรียมตัวไว้ก่อนไม่ใช่เรื่องเสียหาย
จินตนาการของผมคือ หากมีมือถือแบบไม่ใช่ซิมขึ้นมา ค่ายมือถือในบ้านเราและทุกแห่งทั่วโลกคงต้องสู้กันก่อนหละครับ คงไม่ปล่อยให้มือถือไร้ซิมเกิดในตลาดโดยง่าย เริ่มจากสงครามราคาทั้งตัวเครื่องแบบเก่า กับราคาค่าบริการคงจะกดกันมาจนอยู่ที่ราคาสุดท้าย หรือไม่ก็อาจขายต่ำกว่าทุน เพื่อยังคงรักษาฐานลูกค้าของตัวเองอย่างเหนียวแน่น
จริงๆ แม้จะดูยาก และน่าจะมีเรื่องราวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับระบบไวไฟ หรืออื่นๆ แต่ผมกลับคิดว่าถ้าพวกนี้จะทำ ประเทศแรกๆ ในโลกก็ควรจะเป็นประเทศไทยนี่แหละ เพราะเราเองก็เป็นประเทศที่เล่นโซเชียลกันเยอะที่สุดแล้ว แม้แต่คำว่า เมืองหลวงของเฟสบุ๊คส์เราก็ได้รับฉายามาแล้ว ดังนั้นการที่ต้องเจาะฐานประเทศไทยให้ได้ ถือว่าเป็นเป้าหมายกันเลยทีเดียว
ถ้าถามผมว่าตัวผมเองเห็นด้วยกับการล้มโอเปอเรเตอร์ออกจากระบบโทรคมนาคมโลกหรือไม่ โอ้ย ผมโคตรเห็นด้วยเลย ไม่ได้จงเกลียดจงชังกันแต่อย่างใด แต่ผมมองว่าการไม่มีโอเปอเรเตอร์จะทำให้เทคโนโลยีของโลกก้าวไปไกลกว่าเดิมมาก ที่จริงมันคือการต่อสู้กันของสองฝั่งคือ ฝั่งโทรคมนาคม กับฝั่งไอที ฝั่งแรกค่อยๆ มา อาศัยความชัวร์ แต่การเปลี่ยนแปลงช้ามาก และประเภทเสือนอนกินยังมีให้เห็นอยู่ทั่วโลก ส่วนฝั่งไอทีมาเร็ว เคลมเร็ว ใครไม่ทันก็ตายไป มีสิ่งใหม่ๆ ให้เราเห็นตลอดเวลา ที่ผ่านมาผมก็เชียร์ให้ฝั่งไอทีชนะ ผมมันซาดิสต์ชอบเห็นความเปลี่ยนแปลง
แต่ผมกลับไม่เห็นด้วยกับการแบ่งสรรรายได้ เอาเป็นว่าผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำของยูทูป กูเกิ้ล และเฟสบุ๊คส์ที่ไปถล่มระบบโฆษณาทั่วโลก แล้วเก็บเงินเข้าสู่ส่วนกลางโดยไม่จ่ายภาษีท้องถิ่น นอกจากจะไปทำให้การบริการท้องถิ่นตายแล้ว แย่งชิงส่วนแบ่งรายได้ไป ยังไม่เอากลับคืนให้กับท้องถิ่นอีกด้วย อย่างนี้มันเกินไป
ดังนั้นผมอยากเห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ดีขึ้น ถูกลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยกับระบบ Busuness Model ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ระบบต้องไม่รวมศูนย์ ระบบต้องทำให้กระจายลงสู่ท้องถิ่นได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งทั้งหมดมันย้อนแย้งกันโดยสิ้นเชิง
กระแสที่รายเล็กรายน้อยถูกกินรวบไม่ได้ผุดได้เกิดตอนนี้แก้ไขยังไงก็ไม่ทันแล้ว เราปล่อยเขากินจนชินชา มองเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว คราวนี้เขาก็ไม่ใช่แค่มองเศษเงินอีกต่อไปแล้ว เขาเริ่มมองเงินก้อน เขาหวังจะกินตลาดทั้งหมด ถ้าไม่เตรียมตัวไว้ก่อนเหมือนที่คุณศุภชัยว่าก็คงต้องฉิบหายกันทั่วโลกหละครับ
วันนี้เราได้ใช้อะไรหลายอย่างที่เขาให้ใช้ฟรี ไม่ว่าจะเป็นโซเชียล จะโพสจะเม้นท์จะแชร์ ทำได้หมด โทรศัพท์จะให้ออกแต่เสียง หรือเอาภาพเคลื่อนไหวออกด้วยทำได้หมด จะส่งโลเคชั่น จะส่งไฟล์ขณะไลฟ์เราก็ทำได้ เทคโนโลยีไม่มีขีดจำกัดและเราใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนจะทำพวกนี้ได้ต้องใช้เงินมหาศาล ใช้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ฝีมือดี แต่เดี๋ยวนี้มีเสิร์ฟให้ถึงตัว นึกอย่างจะใช้ก็แค่กด
ของฟรีไม่มีในโลก วันนี้เราใช้ฟรี วันหน้าไม่ใช่แค่เรา แต่เป็นประเทศที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนนี้ นอกจากเราจะวางตัวให้เป็นคนของโลก ไม่มีประเทศ ไม่มีพรมแดน จะทำได้มั๊ยค่อยว่ากัน