DEPA ใช้ Big Data บูรณาการ Phuket Smart City

DEPA ใช้ Big Data บูรณาการ Phuket Smart City

DEPA ใช้ Big Data บูรณาการ Phuket Smart City
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     สำนักงานส่งเสริมส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA เดินหน้าโครงการยุทธศาสตร์ Phuket Smart City หรือ โครงการส่งเสริมพื้นที่พิเศษสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนแบบคลัสเตอร์ โดยนำเทคโนโลยี Big Data มาจัดการข้อมูลเมืองเพื่อผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตเป็น Smart City ทั้งด้านการค้าและการลงทุน

     พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) และดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอย่างเป็นทางการเพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการ Phuket Smart City ตามที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Digital Economy) ทั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ASEAN Economic Community (AEC)

     ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจทัล Thailand 4.0 โดยพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้มีความพร้อมมากกว่าเดิมทั้งเรื่องการปรับเปลี่ยน แก้ไข ระเบียบข้อบังคับอันเป็นการกำจัดโอกาสในการลงทุน และควรได้รับสิทธิประโยชน์อันเป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นการดำเนินงานและการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ

     รัฐบาลจึงได้กำหนดแนวทางให้กลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในรูปแบบคลัสเตอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยในพื้นที่ จัดให้มีหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ และช่วยกันผลักดันกลุ่มอุตสาหกรรมทางด้านดิจิทัลให้เกิดการพัฒนาอย่างบูรณาการ พร้อมตั้งเป้าให้จังหวัดภูเก็ตเป็น Smart City ทั้งด้านการค้า การลงทุน โดยให้อุตสาหกรรมดิจิทัลขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอื่น ๆ ให้เติมโตไปพร้อม ๆ กัน ทั้งนี้เพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งมีความอ่อนไหว และถ้าโครงการนี้ดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ เชื่อมั่นว่าจะทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4.5% ต่อปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า

     ปัจจุบัน โครงการ Phuket Smart City มีพัฒนาการในหลายด้าน และดำเนินโครงการให้หลายมิติเพื่อผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตเป็น Smart City เช่น การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศดิจิทัลภูเก็ต (Centre of Digital Excellence Phuket : CODE Phuket) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับมาตรการพิเศษสำหรับ Digital Worker หรือบริษัทด้านดิจิทัลคอนเทนต์ ที่จะมาทำงานหรือลงทุนในประเทศไทย

     โดย DEPA ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมุ่งให้คำปรึกษา ถ่ายทอดความรู้ขั้นสูงในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การปรับปรุงกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ การเพิ่มคุณภาพของระบบไอทีและซอฟต์แวร์โดยอาศัยหลักการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ (Software Engineering) การทำโมเดลต้นแบบ (Prototyping) และ Proof of Concept ที่เอื้อให้กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัลในไทยนำไปพัฒนาต่อเพื่อออกสู่เชิงพาณิชย์ได้

      ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA กล่าวว่า โครงการ Phuket Smart City แบ่งการทำงานเป็น 3 Phase ประกอบด้วย
     Phase 1 : นำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการพัฒนาเมืองให้กลายเป็น Smart City ในมิติต่าง ๆ อาทิ มิติด้านการค้าและเศรษฐกิจ (Smart Economy) ด้านการท่องเที่ยว (Smart Tourism) ด้านสาธารณสุข (Smart Health) ด้านการดำเนินชีวิต ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม (Smart Living) โดยมุ่งการผสมผสานข้อมูลทั้งในลักษณะข้อมูลเชิงสำรวจ และข้อมูลที่จัดเก็บผ่านเทคโนโลยี Internet of Things เช่น Sensor, CCTV และการวิเคราะห์ข้อมูลจากสังคมออนไลน์ เพื่อให้เมืองสามารถใช้ข้อมูลในการบริหารได้อย่างชาญฉลาด
     Phase 2 : ยกระดับบริการภาครัฐ (eGovernment) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการเข้าถึงการบริการของภาครัฐ การส่งเสริมการลงทุน การเริ่มทำธุรกิจ และการอนุมัติ อนุญาตต่าง ๆ รวมถึงการเปิดให้เกิดการเชื่อมข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ (Open Data) เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและนำข้อมูลมาใช้ในเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการได้
     Phase 3 : การส่งเสริม Smart City ให้เกิดความยั่งยืน เน้นที่การใช้ประโยชน์จากการเตรียมการด้านดิจิทัลทั้งหมดโดยร่วมมือกับภาคเอกชนและท้องถิ่น

     นอกจากนี้ DEPA ยังมีส่วนในการสร้าง Ecosystem ของ Startup ในภูเก็ต เพื่อให้เกิดการพัฒนา Smart City อย่างยั่งยืนต่อไป โดยงานทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่น การลงทุน ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เพื่อดึงดูดให้เกิดการลงทุนและการหลั่งไหลของ Digital Worker และ Digital Talent จากต่างประเทศ รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการส่งออกผ่านระบบ eLogistic, eMarketplace, ePayment อีกด้วย




[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook