รีวิว Plantronics BackBeat 105 หูฟังไร้สายตัวเล็ก ติดตัวง่าย

รีวิว Plantronics BackBeat 105 หูฟังไร้สายตัวเล็ก ติดตัวง่าย

รีวิว Plantronics BackBeat 105 หูฟังไร้สายตัวเล็ก ติดตัวง่าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

หลังจากที่เว็บแบไต๋เคยรีวิวหูฟังรุ่นพี่อย่าง Plantronics Backbeat PRO 2 ที่เป็นหูฟังแบบครอบหูขนาดใหญ่กันไป วันนี้ก็ขอพูดถึงหูฟังตัวเล็กที่เสียงไม่เล็กอย่าง Plantronics BackBeat 105 กันบ้างครับ ว่าจะใช้งานได้ดีแค่ไหน

รูปลักษณ์และการออกแบบของ BackBeat 105

Plantronics BackBeat 105 เป็นหูฟังไร้สายแบบ In-ear ที่สามารถคล้องคอได้นะครับ ซึ่งถ้าคิดถึงเรื่องการพกพาใส่กระเป๋า อาจไม่ได้พกง่ายขนาดม้วนเก็บเป็นถุงเล็กๆ เหมือนหูฟัง in-ear แบบมีสายทั่วไปได้ แต่ดีไซน์ของ BackBeat 105 นั้นเหมาะสำหรับการคล้องคอไปทั้งวันแบบไม่ต้องเก็บลงกระเป๋าเลยมากกว่าครับ เพราะมีน้ำหนักแค่ 29.3 กรัม ทำให้ไม่รู้สึกเป็นภาระอะไรเวลาต้องสวม BackBeat 105 ไปทั้งวัน (แต่สำหรับบางคนที่ไม่คุ้นกับการสวมสร้อยคอ อาจจะรู้สึกแปลกๆ คันๆ ที่คอบ้างนะ แต่ไม่นานก็น่าจะชิน)

วัสดุของ BackBeat 105 ในส่วนที่คล้องคอทำจากพลาสติกกึ่งยางครับ ให้ความยืดหยุ่นสูงมาก งอจนพลิกไปอีกด้านก็ไม่มีปัญหาอะไร ยังใช้งานได้ปกติ ส่วนในจุดที่เป็นปุ่มควบคุม จะเป็นพลาสติกแข็งๆ ประกบกัน ซึ่งส่วนตัวมองว่างานในจุดนี้ยังไม่เนี๊ยบเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีปัญหาในการใช้งานครับ

ไฟบอกสถานะของหูฟัง แต่ก็จะเห็นว่าพลาสติกตรงนี้ประกบกันไม่เนี๊ยบเท่าไหร่

บริเวณหูฟังนั้นมีดีไซน์พิเศษอยู่นิดหนึ่งคือมีแม่เหล็กซ่อนอยู่ด้วย เวลาที่ไม่ได้เอาหูฟังเสียบหู จึงสามารถนำหูฟัง 2 ข้างมาประกบให้ติดกัน เวลาเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันหูฟังจะได้ไม่แกว่งไปมาเยอะครับ

สายชาร์จแบบ 2-in-1 ที่แถมมากับ Plantronics BackBeat 105

จุดที่พิเศษของ Plantronics BackBeat 105 คือแถมสายชาร์จแบบ 2 in 1 มาด้วย ทำให้ผู้ใช้สามารถเสียบชาร์จอุปกรณ์ MicroUSB พร้อมๆ กับการใช้งานพอร์ต USB นั้นได้ ไม่ต้องเสียพอร์ตไปกับการชาร์จเลย ซึ่งถ้าเป็น BackBeat 100 จะแถมแค่สายชาร์จธรรมดาครับ ไม่มีหัวแยก USB แบบที่แถมกับ BackBeat 105

การใช้งานหูฟัง

หูฟัง Plantronics BackBeat 105 มีปุ่มสำหรับใช้งานแค่ 3 ปุ่มคือ เปิด/ปิด และเพิ่มกับลดเสียง ทำให้การใช้งานไม่ยากอะไรครับ เมื่อต้องการเชื่อมต่อหูฟังกับโทรศัพท์ก็กดปุ่มเปิด/ปิดค้างเอาไว้จนไฟสถานะของหูฟังขึ้นกระพริบน้ำเงินสลับแดง แล้วก็เปิด Settings ของโทรศัพท์เชื่อมเข้าไปเท่านั้นเอง

การใช้งานคุยโทรศัพท์ก็เข้าใจไม่ยากครับ

รับสายและตัดสาย ให้กดปุ่มเปิด/ปิดหูฟัง Redial ให้กดปุ่มเปิด/ปิดหูฟังย้ำ 2 ครั้ง Mute (ปิดเสียงไมโครโฟน) กดปุ่มเพิ่มเสียงหรือลดเสียงค้างเอาไว้

และการใช้งานเพื่อฟังเพลง

เล่นเพลง หยุดเพลง กดปุ่มเปิด/ปิดหูฟัง เปลี่ยนเพลง กดปุ่มเพิ่มเสียงค้างไว้จนเปลี่ยนเพลง เล่นเพลงเดิมใหม่ กดปุ่มลดเสียงค้างไว้จนเพลงเริ่มใหม่ ย้อนไปเพลงก่อนหน้า กดปุ่มลดเสียงค้างไว้จนเพลงเริ่มใหม่ แล้วกดปุ่มลดเสียงค้างไว้อีกที

ถ้าอยากใช้งานฟังก์ชั่น Multipoint ที่สามารถเชื่อมอุปกรณ์ 2 ตัวเข้ากับ BackBeat 105 ก็แค่ pair อุปกรณ์ตัวใหม่กับหูฟัง เสร็จแล้วกลับไปที่อุปกรณ์เดิมเพื่อเชื่อมต่อหูฟังอีกครั้ง เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จหูฟังจะรายงานสถานะว่า “Phone 2 Connected” ให้ฟัง เราก็สามารถใช้หูฟังเดียวทำงานกับอุปกรณ์ 2 ตัวได้เลย เช่นฟังเพลงจากเครื่องแรก แล้วโทรศัพท์เข้าจากเครื่องที่ 2 ก็กดรับได้ทันที ไม่ต้องไปเชื่อมต่อกันใหม่

ปุ่มควบคุมหลักของหูฟัง

ที่น่าประทับใจมากคือ BackBeat 105 มันสั่นได้ครับ สั่นแรงด้วย เวลาโทรศัพท์เข้าทีนี่คอแทบสั่นตาม คือไม่ต้องกังวลเลยว่าจะไม่รู้ว่าโทรศัพท์เข้า ถ้าหลับๆ อยู่ก็ตื่นได้อ่ะครับ

Plantronics BackBeat 105 สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 8 ชั่วโมง เปิดหูฟังรอใช้งาน/รับสายได้นาน 10 วัน และชาร์จจาก 0 ถึง 100 ได้ภายใน 90 นาที ก็ถือว่าใช้งานตลอดทั้งวันได้สบายครับ ซึ่งคงมีไม่กี่คนที่ฟังหูฟังเกิน 8 ชั่วโมงต่อวันนะ

ช่องเสียบชาร์จแบบ MicroUSB

เราสามารถดูระดับแบตเตอรี่ของหูฟังได้ง่ายๆ จากโทรศัพท์ที่รองรับการแสดงแบตของอุปกรณ์ Bluetooth อย่าง iPhone หรือฟังเอาจากหูฟังก็ได้ครับ ตอนเปิดหูฟังมันจะพูดว่า “Power On, listen time … Hour” ก็ทราบปริมาณแบตคร่าวๆ ตอนนี้แหละ

นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ BackBeat 105 เรียกใช้ Siri หรือ Google Now ได้ด้วย โดยหลังจากเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับหูฟังแล้ว ให้กดปุ่มเปิด/ปิดค้างเอาไว้ประมาณ 2 วินาทีจนได้ยินเสียงติ๊ก ก็สามารถพูดสั่งงานมือถือได้เลย

ระยะทำการและคุณภาพเสียง

วิธีใช้งานหูฟังแบบ In-ear ที่สำคัญ คือต้องเลือกขนาดจุกยางให้เหมาะกับหู

Plantronics BackBeat 105 ใช้เทคโนโลยี Bluetooth 4.1 ทำให้มีระยะทำการไกลใช้ได้ครับ ทดสอบใช้งานในอาคาร ระยะ 20-30 เมตรจากตัวมือถือ ก็ยังฟังเพลงได้สบายๆ ครับ ถ้าอยู่ในบ้านก็ระยะครอบคลุมไปหลายห้องเลยแหละ แม้ว่าจะสู้ตัวเทพๆ อย่าง BackBeat PRO 2 ไม่ได้ ที่เดินออกไปนอกบ้านก็ยังได้ยินเพลงชัดเจน แต่ก็ไกลพอที่จะใช้งานในชีวิตประจำวันได้ไม่มีปัญหาครับ

สิ่งที่ที่ต้องใส่ใจมากสำหรับการใช้งานหูฟังแบบ in-ear คือต้องเลือกขนาดยางหูฟังให้เหมาะสมสำหรับหูของตัวเอง ผู้เขียนเองก็เคยสอบถามไปยัง Systems2000 ผู้จัดจำหน่าย Plantronics BackBeat 105 ในประเทศไทยว่าทำไมหูฟังตัวนี้ไม่ค่อยมีเบสเลย ทั้งที่ก็ใส่หูฟังแน่นดี จึงได้รับคำแนะนำให้ลองเปลี่ยนยางหูฟังเป็นขนาดอื่นๆ ครับ ซึ่งหลังจากเปลี่ยนยางขนาดกลางเป็นขนาดเล็ก ก็ให้เสียงที่ดีขึ้นมาก เบสกลับมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ต้องทดลองด้วยตัวเองครับว่าหูเราเหมาะกับยางไซส์อะไร

คุณภาพเสียงของ Plantronics BackBeat 105 จัดว่าดีเลย เสียงใสๆ โปร่งๆ สะอาดหู ฟังยาวได้เพลินๆ เบสมีกำลังสวย ไม่แน่นจนรกเกินไป ก็ถือว่าคุณภาพเสียงโอเคกับราคาค่าตัวครับ แต่ถ้าเอาไปเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Plantronics BackBeat PRO 2 (ที่ราคาแพงกว่าหลายเท่า) เสียงของ BackBeat 105 จะแห้งๆ ไม่ได้โทนอบอุ่นเหมือนรุ่นพี่เค้า แล้วก็เบสไม่หนักแน่นเท่า

ที่นี้คุณภาพของการโทร ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งครับ โทรหลายครั้งใช้คุยได้ปกติดี เหมือนคุยแนบหูปกติ ก็ด้วยความที่เป็นหูฟังแบบ in-ear การใส่ 2 หูเพื่อคุยอาจจะอึดอัดหน่อย พูดแล้วเสียงมันก้องในหู ก็ใส่คุยโทรศัพท์หูเดียวกำลังสบายครับ

แต่การโทรบางครั้งผู้รับสายทักมาว่าไม่ค่อยได้ยิน อาจเพราะว่าตัวไมโครโฟนของ BackBeat 105 นั้นมีอยู่จุดเดียวบริเวณปุ่มควบคุมหูฟังครับ ซึ่งจุดนี้มันอยู่ใกล้คอเลยแหละ ทำให้การรับเสียงมีจำกัดหน่อย และด้วยความที่มีไมโครโฟนเดียว ทำให้ฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนแบบ DSP + Echo reduction ต้องใช้การประมวลผลสัญญาณเสียงจากแหล่งเดียวเป็นหลัก จึงสู้หูฟังสำหรับสนทนาที่มี 2 ไมโครโฟนไม่ได้ครับ แต่ก็คิดว่า BackBeat 105 ออกแบบมาสำหรับการฟังเพลงเป็นหลักเนอะ

สรุป Plantronics BackBeat 105 หูฟังเบาๆ ใส่ได้ทั้งวัน

อุปกรณ์ภายในกล่อง Plantronics BackBeat 105

สำหรับใครที่ต้องการหาหูฟังไร้สายแบบ in-ear คุณภาพดีๆ BackBeat 105 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ ด้วยราคา 2,990 บาท แต่ได้การออกแบบและน้ำหนักที่ใช้สวมไปได้ทั้งวันโดยไม่เป็นภาระ ชาร์จครั้งเดียวใช้งานได้นาน คุณภาพเสียงดีสมราคา แม้ว่าการใช้งานด้านสนทนาอาจจะมีปัญหาสำหรับบางคนบ้าง แต่ก็ยังใช้คุยโทรศัพท์ได้โอเคอยู่ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook