เทียบ Samsung Galaxy Note 8 vs iPhone 8 ศึกสมาร์ทโฟนหมายเลข 8 จากสองค่ายยักษ์ใหญ่
สิ้นสุดการรอคอยสำหรับเรือธงพร้อมปากกา S Pen รุ่นล่าสุดจากค่ายยักษ์ใหญ่ Samsung อย่าง Samsung Galaxy Note 8 ที่เผยโฉมให้เห็นของจริงผ่านอีเวนท์ Unpacked ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งภายในปีนี้ Samsung Galaxy Note 8 ได้มีการปรับเปลี่ยนทั้งในเรื่องของดีไซน์ และยกเครื่องประสิทธิภาพการทำงานแบบรอบด้าน ทั้งจอไร้กรอบ Inifinity Display ที่ใหญ่ยิ่งกว่ารุ่นก่อน, ขุมพลังตัวแรงระดับแถวหน้า Exynos 8895, ระบบกล้องคู่ที่สามารถซูมภาพแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ 2 เท่า พร้อมรองรับการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ รวมทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สแกนม่านตา และผู้ช่วยอัจฉริยะคนใหม่ Bixby ตั้งแต่แกะกล่อง
และหากพูดถึงสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่เตรียมเปิดตัวในช่วงระยะเวลาไล่เลี่ยกัน แถมยังเป็นคู่แข่งคนสำคัญคงหนีไม่พ้น iPhone 8 ที่คาดว่าจะมีการเผยโฉมให้เห็นของจริงภายในช่วงเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งภายในวันนี้ทางทีมงาน Techmoblog จึงขอนำสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นด้านต้นมาเปรียบเทียบคุณสมบัติโดยรวมให้เห็นกันแบบชัดๆ แต่อย่างไรก็ดี ต้องเรียนให้ทุกท่านทราบก่อนว่า ข้อมูล iPhone 8 เป็นเพียงข้อมูลที่รวบรวมมาจากข่าวหลุดล่าสุดที่มีอยู่เท่านั้น (ซึ่งปกติมักจะตรงกับข้อมูลจริง) ยังไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่การเปรียบเทียบครั้งนี้ก็เพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการ และความแตกต่างของสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้แบบล่วงหน้าเท่านั้น หากเข้าใจตรงกันแล้ว เราไปติดตามพร้อมๆ กันเลยดีกว่าครับ
ดีไซน์ และการออกแบบ
Samsung Galaxy Note 8 ในปีนี้มาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบไร้กรอบ ไร้ปุ่มโฮม พร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ที่ได้มีการลดพื้นที่ขอบบน และขอบล่างให้เหลือน้อยลง พร้อมตัดปุ่มโฮม และปุ่มควบคุมที่อยู่ด้านล่างออก พร้อมหันไปใช้งานแถบสัมผัสบนหน้าจอแบบ On-Screen ส่วนตัวบอดี้เป็นดีไซน์แบบ Metal-Glass ที่ผลิตจากอลูมิเนียมซีรีย์ 7000 ผสานกระจก Gorilla Glass 5 พร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 กันน้ำลึกสุดได้ที่ 1.5 เมตร เป็นระยะเวลานานสุด 30 นาที
ทางด้าน iPhone 8 ในปีนี้ก็จะพลิกโฉมใหม่ด้วยดีไซน์จอไร้ขอบ พร้อมตัดปุ่มโฮม Touch ID ที่เคยอยู่ด้านล่างออก และหันไปใช้งานปุ่มโฮมบนหน้าจอเช่นเดียวกัน แต่จอของ iPhone 8 นั้น จะไม่มีความโค้งแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ปุ่มโฮมบนหน้าจอของ iPhone 8 นั้น จะติดตั้งเอาไว้บนแถบสัมผัสแบบใหม่ด้านล่างของหน้าจอ ที่มีชื่อเรียกว่า Function Area ซึ่งจะคอยเปลี่ยนเมนูให้เข้ากับแอปพลิเคชันที่กำลังเปิดใช้งานอยู่ได้ ส่วนบอดี้ของ iPhone 8 จะผลิตด้วยกระจกที่มีความเงางาม ขึ้นโครงด้วย Stainless Steel พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นแบบ IP68
หน้าจอแสดงผล
สำหรับ Samsung Galaxy Note 8 มาพร้อมกับเทคโนโลยีจอแสดงผลแบบ Super AMOLED พร้อมดีไซน์หน้าจอแบบ Infinity Display ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K QHD+ (1440 x 2960 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass เพื่อเสริมความพร้อมฟีเจอร์ Always On Display ที่สามารถแสดงข้อความแจ้งเตือนภายในตัวเครื่องได้ แม้ว่าผู้ใช้งานจะดับหน้าจอไปแล้ว
ส่วน iPhone 8 ได้การอัปเกรดเทคโนโลยีการแสดงผลใหม่ยกชุด ด้วยการเลือกใช้จอแบบ OLED ที่มีจุดเด่นด้านสีสัน, ประหยัดพลังงาน และการแสดงสีดำที่ดำสนิท โดยมาพร้อมกับขนาดเล็กกว่าที่ 5.8 นิ้ว ความละเอียด 1242x2800 พิกเซล พร้อมเทคโนโลยีแยกแยะแรงสัมผัสบนหน้าจอแบบ 3D Touch ที่สามารถตอบสนองการทำงานได้หลายระดับ ขึ้นอยู่กับแรงกดของผุ้ใช้งานนั่นเอง
ฮาร์ดแวร์ภายใน
Samsung Galaxy Note 8 เลือกใช้งานขุมพลังตัวล่าสุดอย่าง Exynos 8895 แบบ Octa-Core Processor ที่สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้น และประมวลผลกราฟิกได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำงานควบคู่กับหน่วยความจำ RAM ไซส์ใหญ่ถึว 6GB พร้อมความจุภายในตัวเครื่องที่ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมผ่าน microSD Card ได้อีก 256GB ด้วยกัน
ในขณะที่ iPhone 8 นั้น คาดว่าจะมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผลตัวใหม่ที่ทางค่ายพัฒนาขึ้นมาเองอย่าง Apple A11 พร้อมจับคู่การทำงานกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 3GB พร้อมหน่วยความจำภายในความจุ 64GB และ 256GB ซึ่งยังไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกได้
กล้องดิจิทัล
Samsung Galaxy Note 8 ชูโรงด้านการถ่ายภาพด้วยระบบกล้องคู่ Dual-Camera ซึ่งเป็นออกเป็น กล้องเลนส์ Wide-Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 และกล้องเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวคู่แบบ Dual OIS, ฟีเจอร์การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ และฟีเจอร์ Dual Capture ที่สามารถเก็บภาพทั้งมุมกว้าง และมุมแคบเพียงแค่กดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมกับความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Autofocus
ด้าน iPhone 8 ยังคงเลือกใช้งานระบบกล้องคู่ Dual-Camera เหมือนกับที่เคยใช้บน iPhone 7 Plus เรือธงรุ่นปัจจุบัน แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนการจัดวางเป็นแนวตั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยให้ iPhone 8 รองรับการใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีการผสานโลกเสมือนจริงเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง หรือ AR ได้นั่นเอง โดยกล้องคู่ของ iPhone 8 12 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ Wide-Angle และเลนส์ Telephoto เช่นเดิม แต่ครั้งนี้ Apple จะอัปเกรดกล้องถ่ายภาพใหม่ ด้วยการใส่ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ที่ระดับ 60fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังด้วย
ฟีเจอร์การใช้งานด้านอื่น
Samsung Galaxy Note 8 ได้ยกฟีเจอร์เด่นที่มีอยู่บน Galaxy S8 และ S8+ มาติดตั้งไว้แบบครบครัน ทั้งฟีเจอร์สแกนใบหน้า รวมถึงฟีเจอร์สแกนม่านตา ที่นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง, ปลอมแปลงได้ยาก และสามารถใช้ยืนยันตัวตนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Samsung Galaxy Note 8 ยังมาพร้อมกับผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ที่คอยรับคำสั่งเสียงจากผู้ใช้งาน ซึ่งมาพร้อมกับความสามารถด้านการค้นหาข้อมูลต่างๆ อีกทั้ง ยังหาข้อมูลจากสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าได้อีกด้วยเพียงยกกล้องมือถือส่องเท่านั้น
ทางฝั่ง iPhone 8 ในปีนี้ก็มีรายงานว่า จะยกระดับความปลอดภัยครั้งใหม่ ด้วยการมาพร้อมกับฟีเจอร์สแกนใบหน้าผู้ใช้งานแบบ 3D Face Recognition แทนที่การสแกนลายนิ้วมือแบบ Touch ID ที่เคยใช้งานมาตั้งแต่รุ่น iPhone 5s ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2013 ส่วนผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri นั้น ก็ได้รับการอัปเกรดใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วบน iOS11 ด้วยการปรับปรุงเสียงพูดให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น, เพิ่มฟีเจอร์แปลภาษา และรองรับการทำงานที่หลากหลายมากกว่าเดิม ซึ่ง iPhone 8 ก็จะรันด้วย iOS 11 ตั้งแต่แกะกล่องเช่นเดียวกัน
จะเห็นได้ว่าทั้ง Samsung Galaxy Note 8 และ iPhone 8 ต่างก็มีจุดเด่นและความน่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ดี ต้องย้ำให้ทุกท่านทราบกันอีกครั้งว่า ข้อมูลของ iPhone 8 เป็นเพียงการรวบรวมจากเบาะแสล่าสุดเท่าที่มีอยู่เท่านั้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต แต่ในเดือนกันยายนที่กำลังจะถึงนี้ เราก็จะได้เห็น iPhone 8 กันแล้ว ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไปว่า มือถือรุ่นล่าสุดจากค่าย Apple จะมาพร้อมกับฟีเจอร์เด็ดที่สามารถท้าชนมือถือเรือธงค่ายอื่นๆ รวมถึง Samsung Galaxy Note 8 ได้หรือไม่