เผยฟีเจอร์ใหม่บน iPhone 8 ที่ Apple เป็นคนปล่อยออกมาเอง

09 ก.ย. 60 (06:53 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

Apple ปล่อยอัปเดต iOS 11 GM หรือเวอร์ชั่นสุดท้ายของรุ่นทดสอบ แต่อาจจะเป็นความผิดพลาดหรือตั้งใจไม่สามารถทราบได้เพราะเวอร์ชั่นนี้ดันปล่อยข้อมูลของ iPhone 8 ออกมาเพียบจนแทบไม่ต้องลุ้นกันเลยทีเดียวครับ

ฟีเจอร์ใหม่

Portrait Lightning ซึ่งคาดว่าจะเป็นการพัฒนาต่อจาก Portrait mode บน iPhone 7 Plus ซึ่งช่วยให้ภาพดียิ่งขึ้น ใกล้เคียง DSLR มากขึ้นกว่าเดิม และรองรับหลายสภาพแสงมากยิ่งขึ้น เช่น Contour Light, Natural Light, Stage Light, Stage Light Mono, และ Studio Light โดยมีความเกี่ยวข้องกับแฟลชขณะถ่ายภาพ
รองรับการถ่ายวิดีโอหลากหลายความละเอียดและหลากหลายเฟรมแรท ได้แก่
- 1080p HD at 240 fps 480 MB with 1080p HD at 240 fps
- 4K at 24 fps (Footer) 270 MB with 4K at 24 fps (film style) (HEVC Footer) 135 MB with 4K at 24 fps (film style)
- 4K at 60 fps (Footer) 450 MB with 4K at 60 fps (ความละเอียดยิ่งสูงยิ่งลื่น) (HEVC Footer) 400 MB พร้อม 4Kที่ 60 fps (ความละเอียดยิ่งสูงยิ่งลื่น)

ในส่วนของหน้าจอก็จะถูกเปลี่ยนมาใช้ OLED แทน LCD ที่ความละเอียด 1125×2436 พิกเซล (ไม่เหมือนชาวบ้านสักอย่าง อินดี้จริงๆ) และรองรับหน้าจอ True Tone Display เหมือนใน iPad Pro ด้วย

ระบบจดจำใบหน้าหรือคาดว่าจะใช้ชื่อ Pearl ID มีข้อมูลการจดจำใบหน้าตัวอย่างคร่าวๆ ออกมาแล้วคืออาจจดจำใบหน้าได้หลายมุมเพื่อไม่จำเป็นต้องยกเครื่องขึ้นมามองตรงเพื่อเข้าตัวเครื่อง

ที่ชัดเจนคือโครงสร้างหน้าตาของ iPhone 8 คงไม่ได้ต่างจากที่หลุดมาก่อนหน้านี้แล้ว เฟิร์มแวร์ยังยืนยันว่าด้านหน้าของ iPhone 8 จะมีรอยบากด้านบนสำหรับกล้องและลำโพงสำหรับฟัง ซึ่งมีไอคอนหลุดออกมาแล้วเช่นเดียวกัน และยังสามาถใช้โหมด SOS ได้โดยการกดปุ่มเปิดเครื่องและเพิ่มเสียงด้วย

อย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้คือ iPhone 8 จะไม่มีปุ่มโฮมจึงต้องมาพร้อมกับระบบควบคุมแบบใหม่ที่มีขีดด้านล่างของทุกแอปเช่นเดียวกับข่าวก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างชัดเจนว่าจะใช้งานอย่างไร

อื่นๆ นอกจาก iPhone

iOS 11 มีการเพิ่มอีโมจิแบบใหม่ที่อาจใช้ชื่อเรียกว่า Animoji หรืออีโมจิแบบสามมิติที่สามารถขยับได้นั่นเอง

ทั้งนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับ AirPods รุ่นที่สองที่อาจเปิดตัวพร้อม iPhone 8 โดยใช้รหัสว่า AirPods 1,2 ในขณะที่รุ่นแรกใช้รหัส AirPods 1,1 ครับ

สุดท้ายคือ Apple Watch LTE โผล่มาอย่างชัดเจนในส่วนของสัญญาณด้านซ้ายบน งานนี้ใครอยากได้ก็เตรียมเงินไว้เลยครับ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าราคาจะเพิ่มจากตัวปกติเท่าไหร่