ก้าวสู่ปีที่ 11 ! Apple เปิดตัว iPhone X วิวัฒนาการอีกขั้นของไอโฟน

ก้าวสู่ปีที่ 11 ! Apple เปิดตัว iPhone X วิวัฒนาการอีกขั้นของไอโฟน

ก้าวสู่ปีที่ 11 ! Apple เปิดตัว iPhone X วิวัฒนาการอีกขั้นของไอโฟน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Apple เขียนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับตัวเองอีกครั้ง เปิดตัว iPhone X วิวัฒนาการอีกขั้นของไอโฟน พลิกโฉมทั้งดีไซน์ พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เปิดจอง 27 ตุลาคม ก่อนวางจำหน่าย 3 พฤศจิกายน นี้

 iPhone X 

เป็นชื่อที่สอดคล้องกับวาระการครบรอบ 10 ปีของ iPhone ตัวเครื่องด้านหน้าและด้านหลังเป็นกระจก กรอบทั้งสี่ด้านเป็นสแตนเลสสตีล จอแสดงผล OLED ขนาด 5.8 นิ้ว Super Retina display ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล (458ppi) พร้อมเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ True Tone สามารถแสดงผลแบบ HDR ได้ เพื่อการรับชมภาพยนตร์หรือซีรีส์ในแบบ Dolby Vision และ HDR10 ได้

1

2

3

iPhone X ไม่มีปุ่มโฮมอีกต่อไป

เป็นครั้งแรกที่ Apple ตัดปุ่มโฮมแบบดั้งเดิมทิ้งไป หากผู้ใช้ต้องการกลับไปที่ home screen ให้กวาดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นบน (ชมได้จากคลิปวีดีโอตัวอย่างด้านล่าง) นอกจากยังทำให้ Touch ID หรือสแกนลายนิ้วมือหายไปอีกด้วย

Video Player00:0000:02 Touch ID ไม่มีแล้ว ทดแทนด้วย Face ID

4

Face ID หรือเรียกง่ายๆ ว่า “สแกนใบหน้า” เกิดจากการผสมผสานของกล้องหน้า, เซนเซอร์ต่างๆ อาทิ Proximity sensor, Flood Illuminator, Ambient Light, Dot Projector พร้อมกันนี้ยังได้พัฒนา Neural engine ชิปขนาดเล็กแบบ Dual-core เพื่อให้การสแกนใบหน้าสามารถทำได้สมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งในที่มืดก็ตาม สามารถจดจำลักษณะใบหน้าของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะผู้ใช้จะเปลี่ยนการแต่งหน้า เปลี่ยนทรงผม หรือสวมใส่เครื่องประดับต่างๆ ซึ่ง Apple ระบุว่า Face ID มีโอกาสเพียง 1 ใน 1,000,000 ที่จะมีบุคคลอื่นปลดล็อคผ่าน Face ID ได้

5

คุณสมบัติของ Face ID นอกจากใช้ปลดล็อคเครื่องแทน Touch ID แล้ว ยังสามารถใช้ยืนยันตัวตนเพื่อชำระเงินผ่าน Apple Pay และแอพอื่นๆ ได้ด้วย

นอกจากนี้ Apple ยังได้พัฒนา “Animoji” เทคโนโลนีการติดตามใบหน้า ลูกเล่นที่ให้ผู้ใช้ได้เปลี่ยนใบหน้าเป็นตัวการ์ตูนสัตว์ต่างๆ ซึ่งคุณสมบัตินี้จะคอยทำตามการพูด การขยับใบหน้าได้แบบเรียลไทม์ สำหรับการสนทนาผ่าน iMessage

6

อัพเกรดกล้องหลังและกล้องหน้า

7

ทุกวันนี้กล้องถ่ายภาพไม่ได้แข่งกันที่ความละเอียดอีกต่อไป ซึ่งใน iPhone X ยังคงความละเอียดของกล้องหลังคู่ไว้ที่ 12 ล้านพิกเซล เพิ่มระบบกันสั่นเข้ามาไว้ทั้งสองเลนส์ (dual OIS) กล้องหลังตัวแรกใช้รูรับแสง f/1.8, กล้องหลังเลนส์ Telephoto ใช้รูรับแสง f/2.4, ลักษณะกล้องเป็นแนวตั้ง มีแฟลชแบบ Quad-LED True Tone พร้อม Slow Sync ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 2 เท่า ซึ่งใน Portrait mode มีการพัฒนาเพื่อรองรับการถ่ายภาพบุคคลให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายในที่แสงน้อยด้วยโหมดที่เรียกว่า “Portrait Lighting” สามารถจัดแสงของภาพถ่ายให้เหมาะกับแสงธรรมชาติได้ รองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 4K@60fps

8

กล้องหน้าเป็นหนึ่งจุดที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเช่นกัน มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า “TrueDepth Camera” สามารถใช้ Portrait mode ได้เช่นเดียวกับกล้องหลัง ส่วนความละเอียดคงที่ 7 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2 พร้อม Retina Flash

ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ แถมฉลาดมากขึ้น

9

ใน iPhone X มาพร้อมชิปประมวลผล A11 “Bionic” (ใช้ใน iPhone 8 และ 8 Plus ด้วย) แบบ Six-core, 64-bit เร็วขึ้นกว่าชิป A10 25% พร้อมมีระบบ Machine Learning ที่ช่วยการเรนเดอร์เกม, AR และการถ่ายภาพให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

แบตเตอรี่อึดกว่าเดิม

ภายในงานเปิดตัว Apple เคลมว่า iPhone X มีแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานขึ้นกว่า iPhone 7 ถึง 2 ชั่วโมง

ถึงเวลาชาร์จไร้สาย

หลังจากกั๊กมานาน ในที่สุด iPhone X ก็สามารถรองรับ Wireless Charging หรือชาร์จไร้สายได้แล้ว และยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า “AirPower” แท่นชาร์จที่สามารถใช้ทั้ง iPhone X, Apple Watch และ Apple EarPods ได้ในคราวเดียว

10

11

มาแค่ 2 ความจุ

ใน iPhone X มีให้เลือก 2 ความจุ คือ 64GB และ 256GB

มีให้เลือก 2 สี 

ตัวเครื่อง iPhone X มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Space Gray กับ Silver

12

ราคาและวันวางจำหน่าย

iPhone X จะเปิดตัวสั่งจองในวันที่ 27 ตุลาคม ก่อนจะเริ่มขายอย่างเป็นทางการในบางประเทศ 3 พฤศจิกายน ราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 33,000 บาท

คุณสมบัติอื่นๆ ได้แก่ กันน้ำ กันฝุ่นได้ (ไม่บอกมาตรฐานที่ใช้), ใช้ Bluetooth 5.0, ลำโพงแบบ Stereo, ปุ่มเรียกใช้ Siri ถูกย้านมาอยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นต้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook