ตลาดกล้องมิลเลอร์เลสโตต่อเนื่อง
สินค้าเทคโนโลยีที่ขายดีที่สุดชนิดหนึ่งก็คือกล้องดิจิทัล ซึ่งขายดีไม่แพ้สมาร์ทโฟน และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีกล้องดิจิทัลก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และบริษัทต่างๆก็แข่งกันพัฒนาสินค้าของตัวเองเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด โดยเฉพาะกล้องประเภทมิลเลอร์เลส ที่มียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับกล้องประเภทอื่นๆที่มียอดขายลดลง
ตลาดกล้องถ่ายรูปดิจิทัลทั้งของไทยและตลาดโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มการเติบโตที่ค่อนข้างทรงตัวหรือโตเพียงเล็กน้อย ซึ่งหากดูมูลค่าของตลาดกล้องดิจิทัลในไทย เมื่อปี 2014 มีมูลค่าอยู่ที่ 5,340 ล้านบาท, ปี 2015 มีมูลค่าอยู่ที่ 5,600 ล้านบาท และปีที่แล้ว ปี 2016 มีมูลค่าอยู่ที่ 6,200 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วโตที่ประมาณปีละ 7% ซึ่งหากเราดูยอดขายของกล้องแต่ละประเภทจะพบว่ามีแค่กล้องประเภทมิลเลอร์เรสเท่านั้นที่มียอดขายโตขึ้นถึง 90% ขณะที่กล้องประเภท DSLR ซึ่งเป็นกล้องขนาดใหญ่ที่มืออาชีพนิยมใช้กันมียอดขายลดลง 30% และกล้องคอมแพคที่เป็นกล้องพกพาขนาดเล็กมียอดขายลดลง 20%
สาเหตุที่ทำให้กล้องดิจิทัลแบบคอมแพคมียอดขายลดลง ก็เป็นเพราะว่าปัจจุบันกล้องถ่ายรูปที่มากับสมาร์ทโฟนพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาจนสามารถถ่ายรูปได้คุณภาพเทียบเท่ากับกล้องคอมแพค ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้สมาร์ทโฟนถ่ายรูปแทนกล้องคอมแพค ส่วนกล้อง DSLR ซึ่งเป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ขนาดใหญ่ แม้จะถ่ายรูปได้สวยงามระดับมืออาชีพ แต่ก็มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก จนไม่สะดวกที่จะพกติดตัวเพื่อถ่ายรูป ทำให้กล้องมิลเลอร์เรส ซึ่งเป็นกล้องที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้เหมือนกับกล้อง DSLR แต่ว่าไม่จำเป็นต้องมีกระจกสะท้อนภาพเหมือนกับกล้อง DSLR ทำให้กล้องมิลเลอร์เลสมีขนาดที่เล็กกว่ากล้อง DSLR มาก ทำให้พกพาไปเที่ยวได้สะดวก และกล้อง Mirrorless จำนวนมากยังมีขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ จึงมีคุณภาพไฟล์ที่ดีไม่แพ้กล้อง DSLR อีกด้วย
นอกจากนี้ สาเหตุที่ทำให้กล้องมิลเลอร์เรสได้รับความนิยม คือมีตัวเลือกหลากหลายให้ผู้บริโภคได้ใช้งาน ตั้งแต่กล้องมิลเลอร์เรสระดับเริ่มต้นที่มีราคาเพียงหมื่นกว่าบาท สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดถ่ายภาพ ไปจนถึงกล้องราคาหลักแสนที่มีความสามารถรอบด้านไม่แพ้กล้อง DSLR ราคาแพงๆ ทำให้กล้องมิลเลอร์เรสสามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้ทั้งมือใหม่ที่ซื้อกล้องตัวแรก และมืออาชีพที่เปลี่ยนใจจากการกล้อง DSLR มาใช้กล้องมิลเลอร์เรสแทน
ในส่วนของบริษัทผู้ผลิตกล้องมิลเลอร์เรส ก็มีความหลากหลายมากกว่ากล้อง DSLR ขณะที่กล้อง DSLR มีแบรนด์หลักที่แข่งขันกันอยู่เพียง 2 แบรนด์คือ แคนนอน และ นิคอน แต่กล้องมิลเลอร์เรสมีแบรนด์ที่แข่งขันกันอยู่หลายแบรนด์ ซึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดคือ ฟูจิฟิล์ม มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 38 %, อันดับสองคือโอลิมปัสอยู่ที่ 24.1%, อันดับสามคือ โซนี อยู่ที่ 22.1% และอันดับสี่คือ พานาโซนิก อยู่ที่ 7.3% และแบรนด์อื่นๆอีก 8.5% ซึ่งการที่มีหลายแบรนด์เข้ามาแข่งขันกันก็เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคที่จะมีตัวเลือกมากขึ้น เพราะแต่ละแบรนด์ก็ชูจุดขายที่แตกต่างกัน รวมทั้งลักษณะและโทนสีของภาพที่ได้จากกล้องแต่ละแบรนด์ก็ไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งผู้บริโภคก็จะสามารถเลือกลักษณะของกล้องที่ตอบโจทย์งบประมาณและการใช้งานของตัวเองได้มากที่สุด
ในส่วนของแนวโน้มการพัฒนากล้องมิลเลอร์เรสในปีหน้า คาดว่าผู้ผลิตแต่ละแบรนด์จะมุ่งเน้นไปที่การผลิตกล้องในระดับกลางขึ้นไปถึงระดับสูง เพราะว่ามีอัตรากำไรต่อหน่วยที่สูงกว่ากล้องระดับล่าง นอกจากนั้นแล้วเทคโนโลยีของกล้องบนสมาร์ทโฟนที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ทำให้กล้องระดับล่างจะถูกสมาร์ทโฟนแย่งชิงตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่ากล้องระดับกลางจนถึงระดับบนยังคงให้คุณภาพที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนอยู่มาก ยอดขายจึงยังน่าจะเติบโตต่อเนื่องไปได้อีกหลายปี ขณะที่ผู้ใช้งานกล้องราคาแพงก็มีแนวโน้มที่จะซื้อเลนส์ราคาแพงเพื่อใช้งานคู่กันด้วย การตั้งเป้าขายกล้องระดับ high end จึงสร้างผลกำไรให้กับบริษัทได้มากกว่า