รีวิว vivo V7 ย่อส่วนจากรุ่นท็อป แต่ฟีเจอร์ยังครบเครื่องพร้อมสแกนใบหน้าได้

หลังจากที่ได้ลอง vivo V7 Plus ที่พูดเลยว่าขนาดเครื่องนั้นถือได้ง่ายมีจอใหญ่ใช้ได้ และสเปคถือว่าดี แต่ราคาหลายคนบอกว่าสูงไป อยากได้ที่ใกล้ ๆ กันแต่ขอถูกกว่านี้มีหรือเปล่า มีคำ นั่นคือ vivo V7 ที่จะรีวิวให้ได้อ่านกันต่อไปนี้ มาดูกันว่ามันแตกต่างอะไรบ้างและมีดีมีด้อยอะไรบ้างนะครับ

รายละเอียดของ vivo v7

- ขนาดตัวเครื่อง 149.3 x 72.8 x 7.9 มิลลิเมตร

- สีตัวเครื่อง ทอง และ ดำ

- น้ำหนัก 139 กรัม

- CPU Qualcomm Snapdragon 450 Octa Core 1.8GHz

- GPU Adreno 506

- RAM 4GB

- ความจุในตัว 32GB

- รองรับสัญญาณเครือข่าย : 2G/3G/4G Cat 4 150/50 Mbps

- WiFi 11 b/g/n, Bluetooth V4.0

- หน้าจอ 5.7 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด 1440x720

- กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล พร้อมกับ LED Selfie Flash

- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับระบบ Auto Focus + LED Flash

- แบตเตอรี่(ประมาณ) 3000 mAh

- ระบบปฏิบัติการ Fun Touch OS 3.2 พื้นฐาน Android 7.1 Marshmallow

รูปร่างของ vivo V7 Plus

ด้านหน้าของ vivo V7 ใช้รูปทรงแบบเดียวกับ V7+ แต่ขอบส่วนบนและล่างของหน้าจอจะหนากว่าเล็กน้อย และใช้หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1440x720 และ รองรับมัลติทัช 10 จุดถือว่ามากพอสมควร

ส่วนบนของเครื่องมีกล้องหน้าขนาด 24 ล้านพิกเซล และ LED Flash ที่มีชื่อว่า Softlight Flash

ส่วนล่างมีปุ่มกด Option, Home และ Back ทั้งหมดฝั่งในหน้าจอ

ด้านข้างเป็นสีดำทำให้ดูดีใช้ได้พลาสติกถือว่าจับแล้วละมุนดี ฝั่งซ้ายมีช่องใส่ซิม แบบ Nano SIM 2 ช่อง พร้อมกับเพิ่มความจำผ่าน Micro SD ได้

ฝั่งขวามีปุ่มเปิดเครื่อง พร้อมปุ่มปรับระดับเสียง

ด้านบนมีไม่มีช่องเสียบอะไร แต่มีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน

ด้านล่างมีไมโครโฟน, ช่องเสียบ Micro USB, ช่องเสียบ หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และลำโพง 1 ลูกและไมโครโฟน

ด้านหลังของ vivo v7มีกล้องขนาด 16 ล้านพิกเซลและมี LED Flash ให้พร้อมกับ โลโก้ vivo แบบโครเมี่ยม พร้อมตกแต่งส่วนบนและล่างด้วยโครเมี่ยม และมีระบบสแกนลายนิ้วมือให้

 

แม้ว่าภาพรวมของ vivo V7 จะเป็นการนำ vivo V7 Plus ย่อส่วน แต่ก็มีความคุ้นมือเพราะตำแหน่งการจับเครื่องยังคงง่ายต่อการใช้งาน และมีความบางที่มากกว่าเดิมจึงทำให้เครื่องเบา แต่ถ้าจะติก็คงเป็นเรื่องของเส้นเสาอากาศ ที่ดูแล้วยังไม่ลงตัวสักเท่าไหร่

ประสิทธิภาพของ vivo v7

จากที่ได้ทดสอบจากโปรแกรม Antutu ได้คะแนนออกมาที่ 57,148 คะแนน แม้ว่าจะด้อยกว่า V7+ เล็กน้อยแต่ก็ถือว่าทำได้ดี เมื่อลองใช้งานพบว่าการทำงานของเครื่องถือว่ารวดเร็ว ราบรื่นเมื่อใช้งาน

ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh มีการลดความจุแบตเตอรี่ลงตามขนาดหน้าจออย่างที่ทราบกัน แต่ก็ทำให้การ ทดสอบแบตเตอรี่จาก PCMark ทำได้ที่ 11 ชั่วโมง 10 นาที และเมื่อใช้งานปกติ เช่นการโทรเข้า ออก ดู Social Network มีฟังเพลงบ้าง และเล่นเกมเบา ๆ 1 วันอยู่ได้สบาย แต่น่าเสียดาย ไม่มีระบบ Quick Charge เช่นเคย

คุณสมบัติอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

นอกจากสเปคเครื่องที่เปลี่ยนนิดหน่อย แต่ฟีเจอร์ต่าง ๆ นั้นยังคงเหมือนเดิม และมีอะไรบ้างนั้น มาดูกัน

 

Vivo v7 ใช้ระบบปฎิบัติการ Android 7.1.2 พร้อมกับ Funtouch OS 3.2 รุ่นใหม่ล่าสุดรองรับกับหน้าจอไร้กรอบแบบนี้ โดยคำสั่งเหมือนเดิมปัดขึ้นเพื่อเรียกตั้งค่าเบื้องต้น ส่วนปัดลงเป็น Notification

ลูกเล่นที่เด็ดสุดของ Vivo V7 นั้นมีหลายเรื่องที่น่าสนใจได้แก่

• มีระบบสแกนลายนิ้วมือที่ปลดล็อคและเปิด Apps และซ่อน Apps ได้
• ระบบสแกนใบหน้า จดจำใบหน้าแล้วสแกนปลดล็อคได้เลย
• Smart Split สามารถใช้งานพร้อมกันได้ 2 หน้าจอ
• App Clone สามารถงอก Application ได้ 2 ตัวขึ้นไปเผื่อใช้งานเฉพาะทาง
• Smart Motion สั่งงานด้วยท่าทางต่าง ๆ
• รองรับการปล่อยไฟให้กับมือถือเครื่องอื่นได้

ส่วนระบบเสียงของ vivo v7 ยังคงให้ระบบ HiFi ผ่านชิปเสียง AK4376A ที่ไม่ว่าจะเป็นเกมหรือเพลงก็ให้คุณภาพเสียงที่จัดว่าดีมาก และเสียบหูฟังทำได้ดี

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือต่าง ๆ ครบไม่ว่าจะเป็นเครื่องคิดเลข, บันทึกสิ่งที่ต้องทำ, ไฟฉาย, รวมทั้งสมุดจดครบถ้วน

 

กล้องหลังของ vivo v7 มีขนาด 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับระบบ Phase Detection Auto Focus พร้อมกับ LED Flash และมีฟีเจอร์ช่วยให้การถ่ายภาพได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการ ถ่ายภาพเอกสาร, HDR, Panorama และอื่น ๆ ภาพรวมการทำงานของกล้องดีใช้ได้ การจัด ความสว่างของภาพนั้นถือว่ากำลังดีไม่ดูจัดจ้านเกินไปและไม่น้อยเกินไป ส่วนการถ่ายวีดีโอนั้นทำได้แบบ Full HD

(ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ vivo v7)

จุดเด่นของ vivo V7 นั้นอยู่ที่กล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล แต่มีกล้องหน้าอีกตัวขนาด 8 ล้านพิกเซล ไว้ในการจับภาพเพื่อให้สามารถละลายหลัง(Bokeh) และและสามารถปรับ Beauty Mode ได้หลากหลายแบบ

(ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ vivo v7)

สรุปหลังจากลอง vivo v7 มาดูกันว่าผลจะเป็นยังไง?

การเปลี่ยนแปลงของ vivo V7 จะเป็นเรื่องของขนาดตัวเครื่อง, หน้าจอ, แบตเตอรี่ รวมไปถึงความจำในตัว ที่เหลือก็ยังคงคล้ายกับ vivo V7 เหมือนเดิม นั่นเอง ทำให้ตัวเครื่องจับได้ง่ายมากขึ้น สำหรับคนที่ไม่ชอบเครื่องใหญ่อย่างผม แต่ถ้ามองแล้วชอบใหญ่แล้ว vivo V7+ ก็ดูน่าสนใจ

ส่วนราคานั้นอยู่ที่ 9,990 บาท ซึ่งถูกลงกว่ารุ่นเดิมที่น่าสนใจ แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งก็มีทั้งถูกและแพงกว่าได้แก่ Samsung Galaxy J5 Pro, OPPO F5, Nubia M2, Huawei GR5 2017 ซึ่งมือถือรุ่นนี้จะได้เปรียบตรงที่ หน้าจอจะใหญ่กว่าเพื่อ แบตเตอรี่ทนกว่า และราคาที่ถูกกว่า นั่นเอง

ข้อดี

• หน้าจอเล็กลงแต่ละเอียดขึ้น
• ลูกเล่นครบถ้วน
• ระบบเสียงจัดว่าดี
• แบตเตอรี่อึดเหมือนเดิม
• กล้องหน้าคมชัดมาก
• เครื่องถือง่ายและน้ำหนักเบา

ข้อควรปรับปรุง

• หน้าจอละเอียดน้อยไปนิด
• เมื่อเทียบกับราคา อาจจะขั้นกลางทำให้ตัดสินใจยาก
• ลูกเล่นไม่ได้แตกต่างจาก V7+

สรุปทิ้งท้ายกับ Vivo V7 เป็นข้อมูลให้คนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ไว้ใช้งาน สำหรับคนที่ชอบเครื่องที่ราคาสมเหตุสมผลกว่า V7+ ได้สเปคที่ใกล้กัน แม้ความจำน้อยกว่านิดหน่อย แต่ก็เป็นเครื่องที่น่าสนใจไม่เบาเลยล่ะครับ