ปี 2018 เตรียมตัวถูก (คอมพิวเตอร์) แย่งงาน

ปี 2018 เตรียมตัวถูก (คอมพิวเตอร์) แย่งงาน

ปี 2018 เตรียมตัวถูก (คอมพิวเตอร์) แย่งงาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปี 2561 หรือ 2018 จะเป็นอีกปีที่ “เทคโนโลยี” จะสอบผ่านจุดความสามารถสำคัญในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในการที่จะเริ่มทำงานแทนมนุษย์ได้

เป็นที่หวาดกลัวกันมาต่อเนื่องหลายปีว่าจะมีคอมพิวเตอร์มาแย่งงาน ถือเป็นภัยคุกคามทางเทคโนโลยีที่ปรากฏให้เห็นได้ชัด นับตั้งแต่ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เกิดมาล้างเผ่าพันธุ์เครื่องพิมพ์ดีดอย่างช้า ๆ ตั้งแต่เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน
การที่เครื่องจักรกลมาแทนที่คนในโรงงาน แทนสัตว์ใหญ่ในงานด้านการเกษตร แทนแรงงานในงานด้านการบริการ ก็เป็นภาพที่พอจะยังมีร่องรอยให้ได้ทันเห็นกันบ้าง หลายคนชอบความเสถียรภาพ แม่นยำ ทำงานง่าย ไม่ประท้วง ไม่งอแง รวมทั้งงานที่เสี่ยงอันตรายมาก ๆ จักรกลก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี

ต่อจากยุคแทนที่ “แรงงาน” ก็จะเป็นยุคแทนที่ “ความจำ” เราอาจเคยเห็นคนพยายามท้าแข่งหมากรุกหมากล้อมกับคอมพิวเตอร์มาได้ แต่อย่าไปท้าในเรื่องความจำกับมันนะ เพราะมันมีระบบการจัดการความทรงจำที่มีประสิทธิภาพกว่ามนุษย์มาก

แน่นอนว่าสมองคนเราถูกสร้างมาให้มีความจุเก็บข้อมูลได้มหึมา หลายคนเสียชีวิตไปโดยยังใช้สมองไม่ถึงเสี้ยวหนึ่ง แต่ว่าถ้าเราไม่มีระบบการจัดการความจำที่มีประสิทธิภาพพอ เราก็จะหลง ๆ ลืม ๆ ต่างจากเจ้าคอมพิวเตอร์มันตรง ๆ ไม่ซับซ้อน ให้เก็บคือเก็บ ให้เรียกข้อมูลขึ้นมา ก็เรียกมาได้ไม่ช้านาน

และผลของความจำทรงพลังของคอมพิวเตอร์ มันจึงเกิดเป็นยุคที่เรียกว่า Big Data ที่มนุษย์สามารถถลุงทองคำจากเหมืองข้อมูลมหาศาลนี้ได้ ในขณะที่เราฝากคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้ จนแม้แต่ข้อมูลสำคัญของเราเองก็ลืมสนใจใฝ่เก็บไปแล้ว เช่นคำถามคลาสสิก… เราจำเบอร์โทรศัพท์คนใกล้ตัวได้สักกี่คน ?

ไม่แค่ “แรงงาน” และ “ความจำ” ยุคต่อมาคือ “การทำงานเป็นทีม” คอมพิวเตอร์ในยุคใหม่สามัคคีกันยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก ทำงานด้วยกันได้โดยแทบไม่มีความขัดแย้ง (เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาให้ใช้ชีวิตด้วยกัน) มันจึงประสานพลังในการทำงานกันได้อย่างน่าเอาแบบอย่าง และยิ่งเมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์จากทั้งโลกก็ติดต่อสื่อสารกันได้ง่าย ๆ และที่สำคัญ มันพูดภาษาเดียวกัน!

ในช่วง 2-3 ปีมานี้ คอมพิวเตอร์ก็ได้รับการฝึกฝนทักษะใหม่ที่เตรียมจะมาทำหน้าที่แทนมนุษย์อีกแล้ว นั่นคือ “การเรียนรู้” และ “การคิด” โดยที่มันสามารถทำตัวเองให้ “ฉลาด” ขึ้นได้ด้วยตัวมันเอง และมันสามารถ “คิดพิจารณา” ได้ดียิ่งขึ้น ซับซ้อนยิ่งขึ้น

Google เองประกาศแล้วว่าขยับวิสัยทัศน์สู่บริษัท AI-First หรือการมุ่งพุ่งไปข้างหน้าด้วย “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ Artificial Intelligent (A.I.) ก่อนหน้านี้ Google ขอเป็น Mobile First แต่ตอนนี้มาถึงยุคใหม่ที่จะใช้นวัตกรรมที่คอมพิวเตอร์คิดเองได้เพื่อทำสิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

www.istockphoto.com

คอมพิวเตอร์ของ Google กำลังขุดวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลในโลกใบนี้ แล้วเรียนรู้เพื่อเก่งขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมมันมีหน้าที่แค่จำ ๆ ไปไม่ต้องรู้ความหมาย แต่เดี๋ยวนี้ภาพทุกภาพที่เข้าสู่ระบบมันจะต้องเข้าใจและเรียนรู้ด้วยว่า ภาพเหล่านั้นคือภาพอะไร สถานที่ไหน หรือแม้แต่ภาพใคร

รถยนต์ TESLA มีระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เริ่มคิดเองได้ว่า รถควรจะแล่นไปทางไหน อย่างไร จึงจะปลอดภัยที่สุด หรือแม้แต่เว็บโป๊แห่งหนึ่งก็ประกาศว่าได้นำระบบ Machine Learning มาเพื่อจัดแบ่งหมวดหมู่หนังโป๊ทั้งหมดในคลังข้อมูล แทนที่จะต้องจ้างคนมานั่งดูจนตาแฉะ

หลายประเทศเริ่มขยับตัวเตรียมเสนอกฎหมายเพื่อควบคุมจำกัดการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ให้อยู่กับร่องกับรอย เพื่อไม่ให้มันกลายเป็นเครื่องจักรกลสังหารที่คิดจะครองโลกแบบในหนังหลายเรื่อง

ความจริงคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์มาแทนที่หลายตำแหน่งงานไปแล้ว และกำลังจ่อคิวอีกหลายตำแหน่ง เช่น คนขับรถ คนจัดคิว คนคัดแยก คนพิมพ์เอกสาร คนเก็บค่าโดยสาร และอีกหลายตำแหน่งที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “คน…” นักบริหารหลายท่านเสนอแนวทางเพื่อไม่ให้เราตกงานในยุคดิจิทัล นั่นคือเราจะต้อง อย่าตกใจ (แต่มองการณ์ไกลและเตรียมพัฒนาตัวไว้) เป็นนายเหนือดิจิทัล (อย่ากลัว รู้จักเอาเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผล) สั่งงานมันให้เป็น (รู้จักประยุกต์สั่งงาน เขียนโปรแกรม) และก้าวขยับไปทำในสิ่งที่มันทำไม่ได้ และหนึ่งในสิ่งที่มันยังทำไม่ได้คือการ “สร้างสรรค์” ครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook