7 สิ่งเรื่องการเงินดิจิทัลในปี 2018 ที่คุณจะต้องรู้

7 สิ่งเรื่องการเงินดิจิทัลในปี 2018 ที่คุณจะต้องรู้

7 สิ่งเรื่องการเงินดิจิทัลในปี 2018 ที่คุณจะต้องรู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปีที่ผ่านมาเงินดิจิทัลสร้างความตื่นตระหนกในเมืองไทยอย่างมาก ปรากฏการณ์แชร์ข้อความว่าเงินดิจิทัลก็คือแชร์ลูกโซ่ ภาครัฐยังไม่รับรองมันเป็นความเสี่ยงที่ไม่อยากให้คนไทยเข้าไปแตะต้อง และอื่นๆ อีกมากมาย โทษว่าใครไม่ได้ เมื่อเราอยู่ในยุคข้อมูลข่าวสารที่หลั่งไหลเต็มกระแส มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกรับข้อมูลอะไร เชื่อข้อมูลแบบไหน

istock-880534664www.istockphoto.com

แต่สำหรับปีนี้เงินดิจิทัลจะเป็นอย่างไร ช่วงต้นปีนี้ผมขอรีวิวภาพรวมทั้งหมดที่มันจะเกิดขึ้น เพื่อให้พี่น้องชาวไทยได้รับข้อมูลแต่เนิ่นๆ

ก่อนรู้เรื่องเงินดิจิทัล ต้องรู้จัก Blockchain

istock-680381120www.istockphoto.com

ไม่ถึงกับต้องรู้เรื่องเทคโนโลยีหรือการเขียนโปรแกรมใดๆ แต่จำเป็นต้องรู้เรื่องหลักการมันเล็กน้อยก็พอ นั่นคือบล็อคเชนนั้นถือเป็นตัวแม่ของเงินดิจิทัลทั้งระบบในตอนนี้ ซึ่งในอนาคตอาจมีตัวใหม่ที่ดีกว่า เร็วกว่า เจ๋งกว่าเข้ามาได้

หลักการง่ายๆ ของมันก็คือ การปฏิเสธตัวกลาง เพราะระบบสร้างความเชื่อมั่นกันว่าเงินที่รับรองโดยผู้ซื้อกับผู้ขายโดยตรงนั้นมันเป็นการการันตีมูลค่ากันได้เต็มๆ ไม่มีตัวกลางมาเก็บค่าต๋ง หรือค่าธรรมเนียม ไม่มีเหตุที่ตัวกลางมาสร้างปัจจัยความผันผวน เช่น มาสร้างภาวะเงินเฟ้อ เงินฝืด นอกจากนั้นมันยังสามารถตั้งเป็นมูลค่าของบุคคล บริษัท และอื่นๆ ที่มันสมควรมีมูลค่า เรื่องนี้อาจยากซักหน่อย แต่อีกสองปีเชื่อว่าโลกจะเข้าใจตรงนี้

ดังนั้นในเบื้องต้นระบบเงินดิจิทัลยุคใหม่นั้นปฏิเสธ ธนาคารเอกชน ธนาคารภาครัฐ รวมทั้งปฏิเสธรัฐชาติต่างๆ บนโลกนี้ เงินดิจิทัลไม่เห็นด้วยจะต้องมีเงินบาท เงินดอลลาร์ เงินยูโร ฯลฯ มันจะสร้างเงินสกุลมันเองที่คนสองส่วนคือผู้ซื้อกับผู้ขายยอมรับซึ่งกันและกัน ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่บ้ามากๆ เลยทีเดียว

Cryptocurrency เมื่อเงินโลกดิจิทัล อยู่ก็โผล่ขึ้นมาจากการขุดซะงั้น

istock-822886338www.istockphoto.com

เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเทคนิคมากๆ จริงๆ แต่เชื่อว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรงถ้าจะศึกษามัน แต่สรุปสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ เหมือนกับการออกเงินในโลกอนาล็อคก็คือ มันต้องมีโรงกษาปณ์ มันต้องมีโรงพิมพ์ธนบัตร เช่นกันในโลกของเงินดิจิทัลมันก็ต้องมีคนสร้างเหรียญขึ้นมา เหรียญเหล่านี้ถ้ามันอยู่เฉยๆ ไม่มีใครไปสนใจ ไม่มีใครไปใช้มันก็ไม่เกิดมูลค่า แต่ถ้ามีผู้ใช้ ยิ่งถ้าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกนี้ใช้ มูลค่าของเหรียญก็จะสูงขึ้น

ตัวอย่างเช่น กูเกิ้ล ตัดสินใจใช้เหรียญดิจิทัลใดในการจับจ่ายซื้อขาย เหรียญก็จะได้รับความนิยม มูลค่าของเหรียญก็อาจจะสูงขึ้นตามความต้องการของโลก โลกจะเข้าสู่ demand และ supply โดยไม่มีกำแพงใดๆ มากั้น ซึ่งมีทั้งประโยชน์และโทษ เพราะบางครั้งมันให้คุณมหาศาล แต่ก็ทำให้คุณต้องเจ็บตัวมหันต์ คุณจะขึ้นขี่กระแสโลกแบบไม่สามารถหวนกลับได้อีก

สถานการณ์ของ Bitcoin ปี 2018 จะถูกปรับจูนในที่ที่มันควรจะอยู่

istock-818871806www.istockphoto.com

อย่างที่เราเห็นเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาบิทคอยน์ที่เป็นเงินดิจิทัลสกุลแรกๆ แต่เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีมากมายในขณะนี้ ได้ถูกปั่นขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง เรียกได้ว่า ติดดอย กันเลยทีเดียว และเป็นสาเหตุให้มีการกล่าวเตือนกันในโลกโซเชียลมากมาย แต่ก็มีนักลงทุนเงินดิจิทัลมากมายสวนกระแสและสร้างกำไรให้กับตัวเองได้อย่างงาม ถึงปีนี้บิทคอยน์สมควรที่จะมายืนในจุดที่มันควรจะเป็นแล้ว โดยที่มีเหตุหลายปัจจัย นั่นคือ ด้วยเทคโนโลยี และเชิงธุรกิจ ง่ายๆ ก็คือ การซื้อขายบิทคอยน์นั้นจะมีค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์ตามมูลค่าของเหรียญ ยิ่งเหรียญแพงขึ้นค่าธรรมเนียมการซื้อขายก็จะสูงตามด้วย ดังนั้นขณะนี้ค่าธรรมเนียมที่เป็นอยู่มันสูงกว่าค่าส่วนต่างกำไรที่เกิดจากการซื้อขายแล้ว ดังนั้นตลาดก็จะเห็นว่ามันไม่คุ้มกับการเล่นอีกต่อไป ดังนั้นในปี 2018 นี้ ราคาของบิทคอยน์ก็จะชนเพดาน ไม่มีขึ้นมีแต่ลง ฟันธง

แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่า พวกที่เข้าซื้อขายบิทคอยน์ในยุคแรกๆ นั้น พวกเขาเข้าและออกจากบิทคอยน์ตั้งแต่มันเริ่มติดเพดานกันแล้ว คนพวกนี้ขนเงินที่ได้กำไรไปลงทุนกับเงินดิจิทับสกุลอื่นๆ ซึ่งเหมือนกับเอาเงินจากหุ้นยอดนิยมไปลงทุนในหุ้น IPO หรือหุ้นที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ๆ ปั่นกำไรวนกันไป ดังนั้นเงินดิจิทัลที่เกิดขึ้น มันก็มีลักษณะเหมือนหุ้นที่เล่นกันอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ ถ้าคุณตั้งข้อรังเกียจมันก็ต้องรังเกียจตลาดหุ้นในปัจจุบันด้วยนั่นเอง

เมืองไทยคือเขตปลอดการขุดเงินดิจิทัลอย่างแท้จริง

istock-637164184www.istockphoto.com

ในรอบปี 2017 ที่ผ่านมาคนไทยหลายคนคิดจะลงทุนขุดเงินดิจิทัลกับเขา ส่วนใหญ่คนที่คิดมักจะเป็นพวกสายเนิร์ด หรือพวกล้ำหน้าทางเทคโนโลยี แต่คนพวกนี้บางทีก็แห่ตามกระแส เล่นเอาสนุก แค่อยากรู้แค่นั้น ไม่สนว่ามันจะกำไรขาดทุนแค่ไหน ในระดับโลกนั้นการขุดเงินดิจิทัลเขาทำเป็นฟาร์มกันอย่างจริงจัง ลงทุนกันมหาศาล และใช้เทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่สำคัญหลักการมันก็คือ ยิ่งขุดช้ากว่าคนอื่นต้นทุนในการขุดเงินสกุลนั้นก็จะยิ่งแพงขึ้น ตัวอย่างต้นทุนการขุดบิทคอยน์เมื่อปีที่แล้วในประเทศจีน ซึ่งขึ้นชื่อว่า มีต้นทุนค่าไฟที่เป็นต้นทุนหลักของการขุด เพราะถ้าประเทศที่ต้นทุนค่าไฟแพงอย่างประเทศไทยนั้น ลืมไปได้เลย เนื่องจากจะทำให้ต้นทุนค่าขุดแพงมหาศาล ผลออกมาว่า ต้นทุนอยู่ที่ขั้นต่ำ 40,000 บาทต่อเหรียญ

ดังนั้นการขุดเหรียญเงินแข่งกับแหล่งขุดอื่นๆ ทั่วโลก นอกจากค่าไฟที่ต้องถูกที่สุดในโลก ต้องมีแหล่งขุดที่สามารถพูล หรือใช้พลังเครื่องขุดร่วมกันได้ แบบเป็นพูลขนาดใหญ่มหาศาล การขุดคนเดียว เครื่องเดียว หรือเป็นฟาร์มเล็กๆ ไม่กี่เครื่องนั้น นอกจากจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง หรือขุดได้บ้าง แต่ก็สร้างต้นทุนต่อเหรียญมหาศาล ดังนั้น ถ้าใครมาชวนขุดก็ควรหันไปมองหน้า แล้วถามพวกเขาว่า รู้จักเงินดิจิทัลจริงมั๊ย

แต่ๆๆๆๆๆ เงินดิจิทัลมันมีมากสกุลซะเหลือเกิน เงินดิจิทัลสกุลเล็กๆ ที่ก่อตั้งโดยคนไทยก็มี ดังนั้นเราก็ละเลยตรงนี้ไปไม่ได้เหมือนกันนะ

เงินดิจิทัลไม่ได้มีแค่ Blockchain และ Cryptocurrency

istock-511000941www.istockphoto.com

แต่มันมี ecosystem หรือองคาพยพอื่นๆ ที่เราควรต้องเรียนรู้ คำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทรดเดอร์ หรือ โบรกเกอร์ ซึ่งเป็นคนจัดการเรื่องการซื้อการขายเงินดิจิทัล ตอนนี้กำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก ก็เป็นเรื่องราวที่พวกเราต้องทำความเข้าใจกันใหม่, ICO ซึ่งก็คือ หุ้น IPO ในตลาดหุ้น ก็เป็นเรื่องใหญ่และเรื่องใหม่ที่ต้องเราต้องเรียนรู้ เพราะมันกำลัง Disrupt ธุรกิจหลายอย่างบนโลกทิ้งไป ต่อไปเราจะไม่มี VC หรือ Venture Capital ที่คอยให้เงินทุนพวกสตาร์ทอัพกันแล้ว เหล่าบรรดาธุรกิจเจ๋งๆ ทั้งหลาย สามารถระดมทุนบนโลกเงินดิจิทัลด้วยการทำ ICO ได้เอง โดยไม่ต้องสนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมอีกต่อไป

นอกจากนั้นยังมีอีกคำคือ Token ซึ่งน่าจะเป็นคำศัพท์ที่เราจะคุ้นหูในอนาคต เพราะมันจะเป็นโครงสร้างการทำธุรกิจตามแนวโลกใหม่ได้อย่างชัดแจ้งที่สุด ผมเชื่อว่าในปีนี้จะมีคนออกมาพูดถึงคำนี้กันมากขึ้น และมันจะกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก แต่เชื่อเถอะเมื่อเราคุ้นเราจะบอกว่านี่แหละคือการสร้างโลกใหม่อย่างที่เราต้องการ

เงินดิจิทัลมันจะถูก Hack หรือเจาะระบบ มีการขโมยได้หรือไม่?

istock-817486228www.istockphoto.com

ว่ากันตามเนื้อผ้า ถ้าใครบอกว่าแฮคแพลตฟอร์มบล็อคเชน คงจะตลก บางทีเราอาจจะได้ยินข่าวว่ามีการแฮคบิทคอยน์ อันนี้ก็ไม่เป็นความจริง และตั้งแต่มีระบบเงินดิจิทัลสกุลมากมายที่เกิดขึ้น ยังไม่มีข่าวว่าเงินสกุลไหนถูกแฮคได้ ที่มีข่าวแฮคมีอยู่ส่วนเดียวคือ e-wallet หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล

ตัวอีวอลเล็ทนั้นเป็นกระเป๋าเงินส่วนตัวของคนที่มีเงินดิจิทัลในมือ เวลาเราซื้อขายมันเหมือนเป็นพอร์ตส่วนตัว เราต้องเก็บรักษาพาสเวิร์ด มันก็เหมือนบุ๊คแบงค์เวลาเราไปฝากธนาคาร แต่อันนี้มันไม่มีตัวกลางแล้ว เราออกเองต้องดูแลรักษาเอง ข่าวที่ออกมาจึงเป็นข่าวว่ามีการแฮคไปยังแอคเคาน์รายใหญ่ๆ เกิดขึ้น แต่ถ้าถามว่ามันร้ายแรงมั๊ย ก็ตอบว่าระบบจะแฮคได้แค่คนคนเดียว แต่ในระบบปัจจุบันเช่นธนาคาร เวลาแฮคเข้าธนาคารได้จะร้ายแรงกว่าระบบเงินดิจิทัลมากนัก และก็ขอยืนยันตรงนี้ว่าไม่มีระบบใดในโลกที่แฮคไม่ได้ มันแฮคได้หมด ไม่่มีความปลอดภัยใด 100%

รัฐบาลทั่วโลกจะทำอย่างไรกับเงินดิจิทัลดีหละ

istock-821540718www.istockphoto.com

ไม่แปลกใจเลยที่จะมีธนาคารกลางของแต่ละประเทศ รวมทั้งประเทศไทยจะออกมาเตือนว่าบิทคอยน์คือการเล่นแชร์ลูกโซ่ มีอย่างที่ไหนเงินที่จะเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยน ตัวกลางในการตีค่ามูลค่าต่างๆ กลับสามารถเอาไปเล่นเก็งกำไรได้ ช่างไม่มีความเสถียรเอาซะเลย แบบนี้รัฐไหนก็ไม่ชอบแน่นอน แต่นี่มันเป็นเรื่องใหม่ที่แต่ละรัฐไม่คุ้นเคยเอาซะจริงๆ

แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เงินดิจิทัลมันเหมือนข้อหนึ่งคือ มันไม่ต้องการตัวกลางคือภาครัฐ เป็นการกันรัฐต่างๆ ทั่วโลกออกจากระบบการเงิน แล้วจะมีรัฐไหนจะยอม ตอนนี้เลยมีมาตรการต่างๆ ในรัฐที่ได้รับผลกระทบมากๆ เช่น คนในประเทศแห่เอาเงินไปลงทุนในเงินดิจิทัลมากๆ อย่างประเทศจีนเป็นต้น ประเทศเหล่านี้ถึงกับประกาศงดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะซื้อหรือขาย และโครงสร้างอื่นๆ ในประเทศซะเลย ซึ่งทำให้มันกำลังกระจายไหลออกไปต่างประเทศกันมากมาย

แล้วประเทศไทยหละ ฟันธงตรงนี้กันไปเลยว่า ทางการไทยคงจะทำเป็นหูทวนลม ไม่่สนับสนุนไม่ต่อต้าน แค่ออกมาเตือนเป็นระยะในช่วงที่ความผันผวนสูง แล้วก็คอยชำเลืองมองประเทศต่างๆ ว่าจะมีมาตรการอย่างไร ใครทำแล้วได้ผลที่สุดก็เตรียมที่จะลอกเลียนแบบ สร้างความชอบธรรมในการออกมาตรการนั้นๆ ออกมา

เขียนซะยาว สรุปตรงนี้ว่า เงินดิจิทัลในประเทศไทยกำลังถูกพลวัตรของระบบการเงินโลกพัดหมุนวนไปอย่างรวดเร็วภายในปีนี้ แบบที่ว่ารัฐไทยไม่สามารถตามติดได้อย่างทันท่วงที

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook