รวม 10 แอปแต่งภาพบน iPhone ที่น่าสนใจ พร้อมฟังก์ชันถ่ายรูปในตัว มีแอปไหนให้เลือกบ้าง มาดูกัน!
หากพูดถึงแอปพลิเคชันจำพวกตกแต่ง แก้ไข และถ่ายภาพบน iPhone นั้น ถือว่ามีให้เลือกดาวน์โหลดมาใช้งานแทบนับไม่ถ้วน ทำให้หลายท่านเกิดความสงสัยว่า แต่ละแอปพลิเคชันต่างกันอย่างไร และควรใช้แอปพลิเคชันตัวไหนดี ซึ่งในวันนี้ทาง iPhone Photohraphy School สื่อที่ให้ข้อมูลด้านการถ่ายภาพด้วย iPhone โดยเฉพาะ จึงได้รวบรวม 10 แอปพลิเคชันสำหรับตกแต่ง แก้ไข และถ่ายภาพบน iPhone ที่น่าสนใจมาให้เราได้รับชมกัน แต่จะมีแอปไหนบ้างนั้น เราลองไปดูกันเลยครับ
Snapseed
จุดเด่น
- มีชุดเครื่องมือหลากหลายสำหรับปรับแต่ง exposure, color และ sharpness
- มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้ในตัว
- เลือกปรับแต่งแค่บางจุดในภาพได้
- หน้า UI ถูกออกแบบมาเน้นใช้งานง่าย
สำหรับ Snapseed ถือว่าเป็นหนึ่งแอปแต่งภาพที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานมือสมัครเล่น และมือโปร จากทั้งฝั่ง iOS และ Android เนื่องจากสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้แบบฟรีๆ พร้อมทั้งยังมีลูกเล่นสำหรับตกแต่งภาพให้มีความสวยงามหลายต่อหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การปรับ exposure, สีสัน, ครอปภาพ, ปรับความคมชัด และปรับ perspective ของภาพ
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเครื่องมือ Healing tool ที่ช่ยให้ผู้ใช้สามารถแตะเพื่อลบวัตถุที่ไม่ต้องการให้ปรากฏอยู่บนภาพ รวมไปถึงช่วยลบรอยสิวบนใบหน้าได้อีกด้วย ส่วนอีกหนึ่งลูกเล่นสำคัญของฟิลเตอร์ ก็มีให้เลือกใช้งานแบบหลากหลาย เพื่อช่วยปรับแต่งโทนสีของภาพให้ออกมาในแนวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วินเทจ, Portrait รวมไปถึงปรับความเรียบเนียนของผิวตัวแบบ
VSCO
จุดเด่น
- มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้งานหลากหลาย พร้อมฟิลเตอร์แต่งภาพแบบกล้องฟิล์ม
- มีเครื่องมีสำหรับปรับแต่ง exposure, สีสัน และอื่นๆ อีกเพียบ
- มีฟังก์ชันกล้องถ่ายภาพในตัว พร้อมโหมด Manual สำหรับตั้งค่ากล้องเอง
- มีฟังก์ชันแชร์ภาพลงคอมมิวนิตี้ของ VSCO สำหรับแลกเปลี่ยน หรือแชร์ไอเดียการแต่งภาพกับผู้ใช้รายอื่นๆ
VSCO (ออกเสียงว่า Visco) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแอปที่หลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่องของฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกใช้อย่างมากมาย ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งโทนสีของภาพได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ภายในแอปพลิเคชันยังมีฟิลเตอร์แต่งภาพอื่นๆ ให้เลือกซื้อตามความชื่นชอบของแต่ละบุคคลด้วย
อีกหนึ่งจุดเด่นของ VSCO ก็คือ ฟังก์ชันกล้องถ่ายภาพในตัวพร้อมโหมด Manual ทำให้เราสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ของตัวกล้องได้ ไม่ว่าจะเป็น Shutter Speed, ISO, White Balance รวมไปถึงระยะโฟกัส นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเส้นช่วยวัดระดับ ซึ่งจะคอยบอกว่า ภาพที่กำลังถ่ายอยู่นั้นมีอาการเอียงหรือไม่
สำหรับ VSCO เป็นแอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี แต่ฟิลเตอร์ที่แถมมาให้ค่อนข้างมีให้เลือกใช้แบบจำกัด อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดฟิลเตอร์อื่นๆ เพิ่มเติมภายในแอปได้ ซึ่งบางอันสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรี แต่บางอันอาจต้องเสียเงินเล็กน้อยเพื่อสนับสนุนผู้พัฒนาครับ
Camera+
จุดเด่น
- ฟังก์ชันกล้องถ่ายภาพ พร้อมโหมด Manual ที่ปรับค่าต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น ISO, Shutter Speed, White Balance และโฟกัส
- ตั้งเวลาถ่ายภาพได้สูงสุด 30 วินาที
- เครื่องมือสำหรับปรับแต่งแบบยกชุด
- มีฟิลเตอร์ฟรีให้ดาวน์โหลด
- ฟังก์ชัน Layers ทำให้สามารถใส่ฟิลเตอร์ซ้อนทับกันได้หลายอัน
ถ้าใครที่ชื่นชอบการปรับแต่งค่าต่างๆ เหมือนกับกล้อง DSLR แอป Camera+ ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว เพราะมีออฟชันให้ปรับแต่งหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Shutter Speed, White Balance รวมไปถึง Manual Focus สำหรับปรับระยะโฟกัสของวัตถุได้ด้วยตนเอง ซึ่งมีประโยชน์ในตอนที่ต้องการถ่ายวัตถุที่อยู่ใกล้ๆ นั่นเอง
Camera+ ยังมีจุดเด่นในเรื่องของการตั้งเวลาถ่ายภาพได้สูงสุด 30 วินาที ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เราสามารถตั้งกล้องเพื่อถ่ายภาพตัวเอง หรือถ่ายภาพแบบกลุ่มได้ง่ายขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเมนูที่มีชื่อเรียกว่า The Lap ซึ่งเป็นส่วนที่รวบรวมเครื่องมือสำหรับปรับแต่งภาพเอาไว้ เช่น การปรับความเที่ยงตรงของสี, exposure และความคมชัดของภาพ รวมทั้งยังมีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้งานด้วย และที่สำคัญผู้ใช้สามารถเพิ่มฟิลเตอร์ซ้อนทับกันได้ โดยการเลือกที่เมนู Add Filter
Cortex Camera
จุดเด่น
- มีฟังก์ชันสำหรับถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย และเวลากลางคืนโดยเฉพาะ
- มีฟังก์ชันประมวลผลภาพถ่ายหลายๆ ใบรวมกันเป็นใบเดียว เพื่อช่วยลด Noise บนภาพ
- มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Electronic image stabilization (EIS) ในตัว
Cortex Camera หรือที่รู้จักกันแบบย่อๆ ว่า Cortex Cam ค่อนข้างเป็นแอปพลิเคชันที่น่าสนใจอีกหนึ่งตัว เนื่องจากช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้โดยจำไม่เป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง เนื่องจากตัวแอปมาพร้อมกับกระบวนการโปรเซสภาพถ่ายเพื่อลดการเกิด Noise ต่างจากแอปกล้องตัวอื่นๆ ที่เมื่อถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยนั้น จะมีการดัน ISO ให้สูงขึ้นเพื่อช่วยให้ภาพมีความสว่างมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับ Noise ที่มากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
โดยวิธีการทำงานของ Cortex Cam นั้น จะคอยเก็บภาพเป็นจำนวนหลายๆ ใบ ในระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นจะนำภาพที่ถ่ายทั้งหมดมาซ้อนกันเพื่อลด Noise ให้น้อยลง ส่งผลให้ภาพที่ได้มีความคมชัดมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งหากใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปหาซื้อแอปพลิเคชัน Cortex Camera ได้ที่ App Store ซึ่งทางผู้พัฒนาตั้งราคาเอาไว้ที่ 2.99 ดอลลาร์สหรัฐ
Enlight
- มีเครื่องมือสำหรับปรับแต่งภาพให้เลือกใช้หลากหลาย
- มีฟิลเตอร์สำหรับปรับแต่งโทนสีของภาพในตัว
- ฟังก์ชัน Mixer สำหรับนำภาพทั้งสองใบมารวมกัน เพื่อทำภาพแบบ Double-exposure
- มีฟิลเตอร์ Mask สำหรับปรับแต่งแก้ไขภาพถ่ายเฉพาะจุด
Enlight เป็นแอปพลิเคชันที่ค่อนข้างเหมาะกับผู้ใช้กึ่งมือโปร ซึ่งแม้ว่าลูกเล่นในการแต่งภาพค่อนข้างจะเป็นเครื่องมือพื้นฐาน อย่างเช่น การปรับแต่ง exposure, color หรือการครอปภาพ แต่จุดที่น่าสนใจของแอปตัวนี้นั่นก็คือ ฟิลเตอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ผู้ใช้สามารถแต่งภาพในโทนสีต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือ Mixer สำหรับนำภาพทั้งสองใบมาผสานรวมกันในภาพๆ เดียว เพื่อสร้างภาพแนว Double-exposure เหมือนกับภาพตัวอย่างด้านต้นนั่นเอง
รวมทั้งในฟังก์ชัน Mask ยังช่วยให้เราเลือกเติมสีในบางส่วนของภาพได้ด้วยตามภาพด้านต้น ทั้งนี้ เนื่องจาก Enlight ไม่ใช่แอปพลิเคชันฟรี ทำให้เราต้องจ่ายเงินสนับสนุนนักพัฒนาเป็นจำนวน 3.99 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดาวน์โหลดแอปครับ
TouchRetouch
จุดเด่น
- มีฟังก์ชันแตะเพื่อลบจุดที่ไม่ต้องการในภาพได้
แม้ว่าแอปพลิเคชันแต่งรูปอื่นๆ ด้านต้น จะมีฟีเจอร์ Healing หรือ Cloning สำหรับช่วยลบจุดที่ไม่ต้องการบนภาพ แต่ TochRetouch สามารถทำได้ดีกว่านั้น โดยวิธีการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ลากนิ้วลงบนวัตถุที่เราต้องการลบ จากนั้นตัวแอปจะทำการประมวลผลด้วยการนำพิกเซลต่างๆ ที่อยู่รอบวัตถุมารวมกัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความเนียนตาคล้ายกับการใช้ฟังก์ชัน Content Aware Fill บน Photoshop นั่นเอง
นอกเหนือจากการลบวัตถุที่ไม่ต้องการแล้ว TouchRetouch ยังสามารถลบสิ่งที่ไม่ต้องการอย่างอื่นได้ด้วย เช่น แสงแฟร์, คน หรือต้นไม้ ซึ่งเรียกได้ว่าครบเครื่องเลยทีเดียว โดยแอปพลิเคชัน TouchRetouch กำลังวางขายอยู่บน App Store ในขขณะนี้ ในราคา 1.99 ดอลลาร์สหรัฐ
SKRWT
จุดเด่น
- ฟังก์ชันแก้ไขอาการบิดเบี้ยวของภาพ เวลาถ่ายภาพภายในอาคารต่างๆ
- ฟังก์ชันแก้ไขอาการภาพบิดเบี้ยวของ iPhone, กล้อง GoPros และกล้องตัวอื่นๆ
- มี Grid ให้เลือกใช้งานแบบหลากหลาย ทำให้จัดภาพให้ตรงง่ายยิ่งขึ้น
SKRWT เป็นแอปที่เหมาะสำหรับแก้ไขอาการภาพเบี้ยวบน iPhone เป็นอย่างมาก เนื่องจากกล้องของ iPhone นั้นเลือกใช้เลนส์มุมกว้างกว้าง (Wide-Angle) ซึ่งแม้จะช่วยให้เก็บภาพได้กว้างขึ้น แต่บางครั้งบริเวณขอบภาพจะปรากฏอาการเบี้ยวให้เห็นซึ่งเป็นผลมาตจากตัวเลนส์นั่นเอง นอกจากนี้ SKRWT ยังเหมาะกับการนำไปแก้ไขอาการภาพเอียงเวลาถ่ายภาพตามอาคารต่างๆ ด้วย เนื่องจากมาพร้อมกับ Grid หลายรูปแบบ ซึ่งช่วยให้เราสามารถวัดระดับความเอียงได้อย่างแม่นยำ
สำหรับ SKRWT เปิดราคาวางจำหน่ายบน App Store เอาไว้ที่ 1.99 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใครที่สนใจสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ลิงก์ด้านล่างครับ
Superimpose
จุดเด่น
- ฟังก์ชันรวมภาพทั้งสองใบเป็นภาพเดียว
Superimpose เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนามาสำหรับการรวมภาพหลายๆ ภาพให้อยู่ในภาพเดียวโดยเฉพาะ เพื่อสร้างภาพในมุมแปลกๆ รวมไปถึงภาพที่ผู้ใช้ต้องการ ส่วนการตัดวัตถุบนภาพก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ใช้นิ้วมือลากเท่านั้น โดยตัวแอปจะคอยจัดการเองให้ทั้งหมด รวมทั้งยังมีเครื่องมือสำหรับรวมภาพคล้ายกับที่มีอยู่บน Photoshop ให้เลือกใช้งานด้วย
Mextures
จุดเด่น
- ฟังก์ชันตกแต่งสีสัน และ Texture
- ฟังก์ชัน Layers ทำให้สามารถใส่ฟิลเตอร์และเอฟเฟ็กต์ซ้อนทับกันได้หลายอัน
Mextures ถือว่าเป็นแอปพลิเคชันที่ค่อนข้างตอบโจทย์การตกแต่งสีสันบนภาพเป็นอย่างมาก เนื่องจากมี Preset ให้เลือกปรับแต่งโทนสีที่ต้องการได้ทันที นอกจากนี้ ยังสามาถซ้อน Layer เพื่อปรับแต่งสีสันของภาพแบบแปลกๆ ได้อีกด้วย รวมทั้งยังสร้าง Preset รูปแบบสีที่ต้องการเป็นของตัวเองได้
จุดเด่น
- แพลตฟอร์มสำหรับแชร์ภาพยักษ์ใหญ่ มีผู้ใช้งาน 500 ล้านคนต่อเดือน
- แก้ไขภาพและวิดีโอได้ภายในแอป
- ฟีเจอร์ Stories สำหรับแบ่งปันภาพ หรือวิดีโอ ได้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ก่อนจะถูกลบหายไป
- Direct Massage สำหรับติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้รายอื่นแบบส่วนบุคคล
นอกเหนือจากจะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับแชร์ภาพถ่ายที่บ่งบอกเรื่องราวของแต่ละบุคคลแล้ว Instagram ยังมีจุดเด่นในเรื่องของฟิลเตอร์ที่ช่วยตกแต่งภาพถ่ายให้สวยงามเพียงปลายนิ้ว พร้อมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้เห็นได้เลยทันที โดยเครื่องมือตกแต่งที่มีให้ก็ถือว่าครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น การปรับ Shadow, Higlight, Perspective corretion หรือ Sharpness เป็นต้น
อย่างไรก็ดี แอปพลิเคชันทั้ง 10 อันดับก็เป็นเพียงการรวบรวมมาจากสื่อต่างประเทศอย่าง iPhone Photography School เท่านั้น ซึ่งอาจจะมีแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่น่าสนใจแต่ไม่ได้ติดอยู่ในลิสต์นี้ด้วย อย่างไรก็ดี แอปด้านต้นก็ถือว่าเป็นเครื่องมือที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งผู้ใช้งานทั้งมือสมัครเล่น รวมไปถึงมือโปร ด้วยจุดเด่นที่แต่ละแอปมีให้เลือกใช้งานครับ