ทรัมป์ทำเงินให้ทวิตเตอร์เกินกว่าจะถูกแบน
ไม่นานมานี้ ทวิตเตอร์ประกาศแบนทวิตเตอร์ของฝ่ายขวาจัดและพวกหัวสุดโต่ง แต่ทวิตเตอร์ก็ยืนยันว่าจะไม่แบนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทวีตข้อความยั่วยุมากมาย โดยนักวิเคราะห์มองว่า ทรัมป์มีค่าทางธุรกิจต่อทวิตเตอร์มากเกินว่าจะถูกแบน
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือเป็นคนที่ใช้ทวิตเตอร์บ่อยมาก ซึ่งเขาเคยระบุว่า เขาจะไม่ใช้ทวิตเตอร์ทางการของประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่จะใช้ทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาเอง โดยอ้างว่า นี่เป็นวิธีการสื่อสารของผู้นำสมัยใหม่ แต่ทวีตของนายทรัมป์จำนวนมากก็เป็นการสร้างความเกลียดชังให้กับบางคน บางกลุ่ม หรือยั่วยุ เช่น นายทรัมป์ทวีตตอบโต้นายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือว่า เขามีปุ่มสั่งยิงอาวุธนิวเคลียร์ที่ใหญ่กว่านายคิม ทำให้หลายคนเรียกร้องให้ทวิตเตอร์แบนนายทรัมป์
แม้ไม่นานมานี้ ทวิตเตอร์จะเริ่มจัดการบัญชีของกลุ่มสุดโต่งและฝ่ายขวาจัดอย่างจริงจังมาก ขึ้น แต่ทวิตเตอร์ก็ยืนว่าจะไม่บล็อกหรือเซ็นเซอร์ผู้นำโลก เพราะบุคคลสาธารณะมีคุณค่าข่าว ไม่ควรปกปิดข้อมูลสำคัญที่ประชาชนควรรู้และร่วมกันถกเถียง เนื่องจากเป้าหมายในการสร้าง "บทสนทนาที่เป็นสาธารณะและครอบคลุมทั่วโลก"
นักวิเคราะห์ของเว็บไซต์เอ็นแก็ดเจ็ทอธิบายว่า กฎเกณฑ์ต่างๆของทวิตเตอร์อนุญาตให้มีพื้นที่สีเทาที่ใหญ่มาก และนับตั้งแต่ที่นายทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขามักทวีตข้อความที่อยู่ในพื้นที่สีเทานั้น โดยเปรียบเทียบช่วงก่อนที่นายทรัมป์จะเป็นประธานาธิบดี เขาจะทวีตข้อความโจมตีนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งของเขาและโจมตีมุสลิมขึ้นมาโดยตรง ซึ่งอาจตีความได้ว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ
แต่พอนายทรัมป์เป็นประธานาธิบดี เขาไม่ได้เอ่ยคำว่า "มุสลิม" ออกมาโดยตรง แต่กลับใช้คำว่า "บุคคลอันตราย" แทน ตอนที่เขาทวีตว่า ผู้พิพากษายกเลิกนโนบายแบนพลเมืองจากประเทศมุสลิม
ด้านอดีตผู้บริหารทวิตเตอร์ที่ไม่ประสงค์ออกนามเคยบอกกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า เขาเชื่อว่าทีมงานทวิตเตอร์ก็คงไม่ชอบที่ทรัมป์ใช้ทวิตเตอร์แบบนี้ แต่การแบนนายทรัมป์จะทำให้พวกเขาต้องทำงานหนักมากในการแบนบัญชีผู้ใช้ที่เข้าข่ายคุกคามผู้อื่นด้วย ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลย
แม้ที่ผ่านมา นายแจ็ก ดอร์ซี ซีอีโอทวิตเตอร์จะต่อต้านนโยบายของนายทรัมป์หลายอย่างรวมถึงการแบนพลเมือง จากประเทศมุสลิม แต่ทวิตเตอร์ก็เคยนำภาพของนายทรัมป์มาโฆษณาในญี่ปุ่นว่า ทวิตเตอร์จะช่วยให้ผู้ใช้อัพเดทข่าวแบบเรียลไทม์
นายเจมส์ แค็กแม็ก นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ Monness, Crespi, Hardt & Co. อธิบายให้สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นฟังว่า หากมองจากมุมมองด้านธุรกิจแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลยที่จะแบนนายทรัมป์ เพราะเพียงช่วงไตรมาสแรกของปี 2017 ที่นายทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี จำนวนผู้ใช้ทวิตเตอร์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยร้อยละ 50 ของจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น ล้วนมีเหตุจูงใจทางการเมืองในการใช้ทวิตเตอร์ และ engagement ที่เพิ่มขึ้นก็สามารถแปลงให้ทวิตเตอร์มีรายได้จากโฆษณาได้มากขึ้นด้วย