ส่อง 11 เทรนด์สมาร์ทโฟน 2018 กับฟีเจอร์และสเปกยอดนิยมในอนาคต
หลังงาน MWC 2018 ที่ผ่านมา ก็มีสมาร์ทโฟนเปิดตัวใหม่หลายรุ่นตามธรรมเนียม และยังเป็นงานที่ทำให้เราได้เห็นทิศทางของสมาร์ทโฟนใหม่ด้วย โดยปีนี้ก็มีการพัฒนาสเปกและฟีเจอร์ที่แปลกใหม่มากขึ้น ซึ่งมีอะไรบ้างมาดูเทรนด์สมาร์ทโฟน 2018 ทั้ง 11 อย่างกันครับ
หลายคนคงบอกว่า “สมาร์ทโฟนมันเริ่มตันแล้ว” หลังปีที่ผ่าน ๆ มา ส่วนมากจะมีแต่รุ่นที่มาพร้อมสเปกเดิม ๆ ไม่ต่างจากรุ่นก่อนเท่าไร แต่ในงาน MWC 2018 ที่ผ่านมา ก็เริ่มเห็นการพัฒนาสเปกและฟีเจอร์ที่แปลกใหม่มากขึ้น (ให้ชื้นใจนิด ๆ) จนพอสรุปออกมาได้ทั้งหมด 11 อย่าง ที่ต่อไปจะกลายเป็นทิศทางใหม่ของสมาร์ทโฟนด้วย โดยเทรนด์สมาร์ทโฟน 2018 ปีนี้จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
จอไร้ขอบ
แม้จะเคยมีสมาร์ทโฟนจอไร้ขอบตัวแรกอย่าง Sharp Aquos Crystal ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 แต่เทรนด์นี้เพิ่งจะมาดังจริง ๆ ตอนปี 2016 หลัง Xiaomi Mi Mix เปิดตัว และเริ่มตาม ๆ กันมา หลังเปิดตัว Samsung Galaxy S8 กับ Note 8 และ iPhone X นี้เอง
สำหรับฟีเจอร์ไร้ขอบ ส่วนมากจะมาพร้อมสัดส่วน 18:9 มีข้อดีตรงที่ทำให้เครื่องสวยขึ้นมาก และยังช่วยให้สมาร์ทโฟนมีหน้าจอใหญ่ขึ้น แต่ตัวเครื่องไม่ใหญ่ตามด้วย อย่างไรก็ตามก็มีข้อเสียที่รอการแก้ไขอย่าง แอพฯ บางตัวยังไม่รองรับการแสดงผลกับจอนี้ และการดูวิดีโอแบบเปิดเต็มจอ อาจทำให้ภาพถูก Crop ไปบางส่วยด้วยเช่นกัน
กล้องคู่ (๐๐)
ต่อจากเทรนด์ไร้ขอบ ก็มีฟีเจอร์ที่ตีคู่กันมาอย่าง Dual Camera หรือกล้องหลังคู่ (๐๐) ที่ทุกวันนี้เริ่มมีในสมาร์ทโฟนระดับเรือธงเกือบทุกรุ่นแล้ว อย่าง Samsung ที่เพิ่งมายัดใน S9+ ไม่นานนี้เอง และทาง Sony ก็เริ่มแงมฟีเจอร์นี้ให้เห็นแล้ว คาดมาใน “Sony Xperia XZ Pro” ที่ล่ำลือกันเร็ว ๆ นี้
ส่วนกล้องหลังคู่ในที่นี้ ก็หมายถึงเลนส์สองตัว แบ่งเป็นเลนส์ Telephoto และเลนส์ Wide หรือ Normal มาติดตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน โดยการทำงานก็จะสลับกันตามการใช้งาน เช่น ถ้าเรากดซูมภาพ มันก็จะสลับไปใช้เลนส์ Telephoto ทันที วิธีนี้จะช่วยให้สมาร์ทโฟนถ่ายรูปได้สวยขึ้นนั้นเอง จากปกติมีเลนส์เดียว และเซ็นเซอร์ไม่ใหญ่มากเพราะขีดจำกันด้านพื้นที่ของสมาร์ทโฟน (กับเปลี่ยนเลนส์เหมือนกล้องใหญ่ไม่ได้) ทำให้เกิดเป็นฟีเจอร์กล้องหลังคู่นี้เอง ด้วยการยัดเลนส์ขนาดเล็กสองตัว แล้วแยกหน้าที่ไปเลย
ปัจจุบันฟีเจอร์กล้องคู่นี้ แม้จะมีในสมาร์ทโฟนระดับบน ๆ ซะส่วนใหญ่ แต่ในอนาคตอาจเริ่มมีในรุ่นกลาง – ล่างแล้ว หลังทาง Samsung เปิดตัวเซ็นเซอร์ ISOCELL Dual เป็นโซลูชันหรือชุดพัฒนาเซ็นเซอร์กล้องคู่ (Kit) สำหรับใช้บนสมาร์ทโฟนระดับกลาง ที่มีราคาย่อมเยาโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้คนทั่วไปเข้าถึงฟีเจอร์นี้ได้ง่ายขึ้น
กล้องวิดีโอ Slow Motion
สำหรับฟีเจอร์นี้ก็คือการถ่ายวิดีโอแบบสโลโมชั่นตามชื่อ ทำให้เราสนุกกับการถ่ายวิดีโอมากขึ้น และสำหรับแบรนด์แรกที่ทำได้ก่อนคือ Sony ในรุ่น XZ1 เมื่อปีที่แล้ว ที่สามารถถ่ายภาพวิดีโอสโลโมชั่นแบบ 960fps ต่อวินาที ในความละเอียด HD (720p) กระทั้งในงาน MWC 2018 ทาง Samsung เปิดตัว Galaxy S9 และ S9+ ที่มาพร้อมกล้อง Slow Motion ด้วยเหมือนกัน ทำให้ฟีเจอร์นี้ถูกพูดถึงอีกครั้ง (ด้วยพลังการตลาดของ Samsung) แต่ยังฮือฮาไม่ทันไร ทางค่าย Sony ก็โชว์ฟีเจอร์ถ่ายภาพวิดีโอสโลโมชั่นแบบ 960fps ที่ความละเอียด Full HD (1080p) !! ใน XZ2 ที่เพิ่งเปิดตัวไปนี้เอง โดยตัว S9 ใช้ความละเอียดที่ 720p ในขณะที่ XZ2 ไป 1080p เรียบร้อย…..เอวัง
RAM 6GB+
มาดูกันที่ด้านสเปกกันบ้าง ปัจจุบันสมาร์ทโฟนเกือบทุกรุ่น จะมาพร้อมแรมขนาด 4GB ขึ้นไปเลย เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหล และเนื่องจากมีทั้งแอพฯ ที่ต้องใช้แรมมากขึ้น กับพฤติกรรมผู้ใช้ ที่ชอบเปิดแอพฯ หลาย ๆ ตัวพร้อมกัน (Multitasking) ทำให้ต้องใช้พื้นที่ในส่วนนี้พอควร
ทั้งนี้ในงาน MWC 2018 ที่ผ่านมา ทาง Asus ได้เปิดตัว Zenfone 5Z ที่มาพร้อมแรมขนาดให้เลือกถึง 8GB กันเลย ส่วนรุ่นอื่น ๆ ที่เปิดตัวในงาน ส่วนมากก็มาพร้อมแรมขนาด 6GB เช่น Samsung Galaxy S9+, LG V30S ThinQ และ Nokia 8 Sirocco กลายเป็นว่า แรมสมาร์ทโฟนสมัยใหม่ต้องมาพร้อมขนาดความจุที่ 6GB ขึ้นไปแล้ว
ช่องหูฟัง 3.5 mm ที่หายไป… (แทนที่ด้วยพอร์ต USB-C)
สำหรับพอร์ต USB-C อาจไม่ได้แปลกใหม่มากนัก เพราะเริ่มมีมาได้พักใหญ่แล้ว แต่ประเด็นคือ “มันมาแทนที่ช่องหูฟัง 3.5 mm ซะงั้น” คือเริ่มมาจากตอนเปิดตัว iPhone 7 ที่ตัดพอร์ต 3.5 mm นี้ออกไป เพราะช่วยให้เครื่องบางขึ้น และเป็นการชวน (เชิงบังคับ) ให้ทุกคนมาร่วมใช้การเชื่อมต่อแบบไร้สายมากขึ้น หลังเปิดตัวครั้งนั้นก็มีเสียงแตกทั้งว่าดีและไม่ดีกันไป กระทั้งฝั่ง Android ก็เอากับเค้าด้วย อาทิ Google Pixel, Moto Z, HTC U11, Xiaomi Mi 6 และรุ่นที่เพิ่งตัดไปหมาด ๆ อย่าง Sony XZ1 กับ XZ1 Compact โดยทาง iPhone 7 แทนที่ด้วยพอร์ต Lightning ส่วนฝั่งสมาร์ทโฟน Android ก็แทนที่ด้วยพอร์ต USB-C นี้เอง
ที่สแกนลายนิ้วมือใต้จอ
ตอนนี้มีแบรนด์เดียวที่ลุยคือ Vivo ในงาน CES 2018 ก็โชว์ตัวต้นแบบกันไป จากนั้นก็โผล์ใน Vivo X20 Plus UD แบบเต็มตัวครั้งแรก ล่าสุดในงาน MWC 2018 ก็โชว์ตัวต้นแบบอีกรุ่น ในชื่อว่า “Apex” ที่มาพร้อมสแกนลายนิ้วมือใต้จอเหมือนกัน แต่รอบนี้มีพื้นที่สแกนกว้างกว่าเก่ามาก และนอกจากสแกนลายนิ้วมือใต้จอนี้แล้ว ยังมาพร้อมหน้าจอที่เรียกได้ว่าไร้ขอบจริง ๆ ด้วย
ระบบ Security ใหม่
ระบบ Security หรือฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยในที่นี้ ก็มีทั้งฟีเจอร์ปลดล็อคเครื่อง และระบบความปลอดภัยภายใน ที่ส่วนมากมีอยู่ให้ระบบปฏิบัติการอยู่แล้ว โดยมีอัพเดตกันทุก ๆ เดืือนเลย แต่ดูเหมือนจะยังไม่พอ หลังที่ผ่านมานี้ มีรายงานเรื่องสมาร์ทโฟนถูกแฮกอยู่บ่อย ๆ จนในงาน MWC 2018 มีเปิดตัวรุ่นที่มาพร้อมระบบความปลอดภัยชั้นสูงอย่าง SikurPhone สมาร์ทโฟนสาย Cryptocurrency ที่มาพร้อม e-Wallet ในตัวกับระบบความปลอดภัยระดับสูง กับทาง Samsung ก็มีเปิดตัว Galaxy Note 8 และ Galaxy S8 รุ่น Enterprise Edition (EE) หรือเวอร์ชั่นองค์กรด้วย เชื่อว่าสมาร์ทโฟนรุ่นต่อ ๆ ไป จะมาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นแน่นอน
e-SIM
แม้ยังไม่มีในสมาร์ทโฟน แต่เชื่อว่าต่อไปต้องมาแน่ ๆ หลังทาง Apple ได้ยัดฟีเจอร์นี้ใน Apple Watch Series 3 ซึ่งวางขายในไทยแล้วด้วย แต่ในบ้านเราคงใช้งานมันได้ไม่เต็มที่เท่าไรนัก สำหรับ e-SIM ก็คือซิมการ์ดแบบใหม่ จากที่เป็นชิปรูปแบบการ์ดขนาดเล็ก ก็เปลี่ยนมาเป็นชิปฝังในอุปกรณ์เลย ส่งผลให้อุปกรณ์นั้น ๆ ไม่สามารถถอดเปลี่ยนซิมการ์ดได้ แต่แลกกับข้อดีคือ ไม่ต้องทำถาดใส่ซิมการ์ดให้เปลื้องพื้นที่ ทำให้ผู้ออกแบบสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อื่น ๆ มีพื้นที่สำหรับใส่ฟีเจอร์เพิ่มเติมได้มากขึ้น
AI
ในปีที่ผ่านมา เราได้ตื่นตัวกับสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในตัว ซึ่งก็ช่วยให้สมาร์ทโฟนมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ตามมาด้วย โดยบทบาทที่เด่นสุดก็ไม่พ้นเรื่องกล้อง ซึ่งนอกจากช่วยให้ถ่ายรูปได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเป็นตาวิเศษ สามารถวิเคราะห์วัตถุตรงหน้าได้เลย อย่าง Bixby ใน Samsung Galaxy หรือแปลภาษาผ่านกล้องด้วย Google Assistant ในสมาร์ทโฟน Android เกือบทุกรุ่น และฝั่ง Apple ก็มี Siri ที่อยู่คู่กับ iPhone มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยช่วยให้เราสามารถป้อนคำสั่งผ่านเสียงได้เลย ทำให้การใช้งานสมาร์ทโฟนมีความหลากหลายกว่ากว่า ซึ่งในอนาคตจะหลากหลายยิ่งกว่านี้
AR
สำหรับ AR หรือ Augmented Reality การซ้อนเสมือนจริงในโลกแห่งความจริง หรือพูดง่าย ๆ ก็ฟีเจอร์ 3D Emoji หรือ Animoji ที่เห็นใน Galaxy S9/S9+ และ iPhone X นี้เอง ที่มันจะซ้อนภาพ Emoji แบบสามมิติ บนใบหน้าของเราจริง ๆ ผ่านกล้องสมาร์ทโฟน นอกจากส่วนนี้แล้ว ก็ยังมีการใช้ร่วมกับแว่น Mixed Reality หรือ MR ด้วย ที่ช่วยให้มองเห็นภาพ AR ได้แบบผ่านตาตัวเองเลย โดยไม่ต้องมองผ่านจอสมาร์ทโฟนเหมือนก่อน
ติ่งบนหน้าจอ
ปิดท้ายด้วยอภิมหาเทรนด์สมาร์ทโฟน 2018 ที่พูดได้เต็มปากว่า “ลอกตามกัน” แม้ตอนที่เปิดตัว Essential Phone ก็เคยมีกระแสอยู่พักหนึ่ง แต่มาหนักสุดคือตอนเปิดตัว iPhone X ที่มาพร้อมกล้อง TrueDepth ช่วยสแกนใบหน้าแบบ 3D และเซ็นเซอร์อื่น ๆ อีกเพียบ
แต่เซ็นเซอร์ทั้งหมดนั้น ก็มากระจุกอยู่ในขอบบนของหน้าจอ จนมีลักษณะคล้าย “ติ่ง” หรือรอยบากขนาดใหญ่บนจอ สร้างความขัดตากับผู้ใช้บางคนอยู่ไม่น้อย แต่แล้วสมาร์ทโฟนฝั่ง Android ก็เอากับเค้าด้วย
หลังในงาน MWC 2018 ก็โชว์กันแบบไม่เกรงใจ อย่าง Asus ZenFone 5Z ที่ยอมรับตรง ๆ ว่าลอกมา แต่คุยว่า “เราเล็กกว่า” ใน LG G7 ว่าที่เรือธงตัวใหม่ของ LG ก็มีภาพหลุดโชว์หน้าจอเครื่องพร้อมรอยติ่งเหมือนกัน จากนั้นก็มีสารพัดติ่งบนสมาร์ทโฟนอีกหลายรุ่นตามมา โดยเฉพาะฝั่งจีนอย่าง Oukitel U18 และ Leagoo S9