พรีวิว (Preview) Huawei P20 Pro ที่สุดแห่งเรือธงพร้อมกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera)
พรีวิว (Preview) Huawei P20 Pro ที่สุดแห่งเรือธงพร้อมกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) พร้อมที่มาพร้อมสเปกระดับไฮเอนด์ บนบอดี้กันน้ำสีใหม่ที่สวยเฉียบมากยิ่งขึ้น!
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย สำหรับ Huawei P20 และ P20 Pro สองสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Huawei ที่เปิดตัวออกมาได้อย่างน่าประทับใจด้วยความสามารถ และประสิทธิภาพที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ยอดเยี่ยม และล้ำยุคยิ่งกว่าเดิม
ด้วยจุดเด่นอย่าง กล้อง Leica ถึง 3 ตัว (Triple-Camera) กับความละเอียดสูงถึง 40 ล้านพิกเซล, หน้าจอไร้ขอบแบบ OLED FullView Display ขนาด 6.1 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ Full HD+, ขุมพลัง Kirin 970, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบเต็มพิกัดถึง 128GB, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) ที่สามารถแสตนบาย 4.5G ทั้งคู่, แบตเตอรี่สุดอึดกับความจุ 4000 mAh และได้ใช้งานระบบปฏิบัติการ Android 8.1 เป็นกลุ่มแรก
นอกจากคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้นที่กล่าวมาในย่อหน้าข้างต้นแล้ว Huawei P20 Pro ยังจัดหนักจัดเต็มกับฟีเจอร์อื่นๆ ที่ซ่อนอยู่อีกมากมาย ซึ่งในวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter ก็ได้ Huawei P20 Pro เครื่องจริงมาอยู่ในมือแล้ว เราจึงจะมาทำการพรีวิว (Preview) ตัวเครื่องในเบื้องต้นให้ทุกท่านได้รับชมกัน เรามาดูไปพร้อมๆ กันครับว่า Huawei P20 Pro มีทีเด็ดอะไรซ่อนอยู่บ้าง ติดตามชมได้ในบทความพรีวิวฉบับนี้เลยครับ
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้นของ Huawei P20 Pro
- ตัวเครื่องมีขนาด 155x73.9x7.8 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 180 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบไร้ขอบ OLED FullView Display ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2240x1080 พิกเซล) ในอัตราส่วน 18.7:9
- ชิปเซ็ตประมวลผล Huawei Kirin 970 ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.36GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G72 MP12
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB
- กล้องด้านหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) ความละเอียด 40+20+8 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8+F/1.6+F/2.4 พร้อมฟีเจอร์ Super Slow Motion 960fps และเทคโนโลยี Huawei AIS (AI Image Stabilization)
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนเครือข่าย LTE
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับระบบ SuperCharge
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 8.1
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- ฟีเจอร์ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยใบหน้า
- คุณสมบัติป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นมาตรฐาน IP67
พรีวิวรูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Huawei P20 Pro มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 155x73.9x7.8 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 180 กรัม ส่วนหน้าจอแสดงผลเป็นแบบไร้ขอบ OLED FullView Display ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2240x1080 พิกเซล) ในอัตราส่วน 18.7:9
ด้านหน้าส่วนบนประกอบด้วย ตัวรับสัญญาณ, Accelerometer Sensor, Proximity Sensor และ Ambient Light Sensor, ลำโพงสำหรับการสนทนา และกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่ม Home Edgeless Fingerprint แบบใหม่ ที่ใช้งานแบบ Smart Navigation พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ไว้ในตัว
ด้านขวาประกอบด้วย ปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง
ด้านซ้ายประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 2 Slot ซึ่งสามารถแสตนบายการใช้งานอินเทอร์เน็ต 4.5G ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด
ด้านล่างประกอบด้วย ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และช่องเชื่อมต่อ USB Type-C
ด้านบนประกอบด้วยไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และเซ็นเซอร์อินฟราเรด
ด้านหลังประกอบด้วย กล้องด้านหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) ความละเอียด 40+20+8 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8+F/1.6+F/2.4 พร้อมฟีเจอร์ Super Slow Motion 960fps และเทคโนโลยี Huawei AIS (AI Image Stabilization)
ตัวเครื่องด้านหลังของ Huawei P20 Pro ใช้ดีไซน์แบบ Metal-Glass ทำให้ด้านหลังถูกครอบทับด้วยกระจกทั้งหมด ซึ่งช่วยให้ Huawei P20 Pro ดูหรูหราพรีเมียมขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่เป็นกระจก จึงอาจทำให้เกิดรอยนิ้วมือ และอาจลื่นหลุดจากมือได้ง่ายเช่นเดียวกัน
เปิดเครื่องทดสอบแอปพลิเคชัน และการใช้งานต่างๆ
เมื่อเปิดเครื่องเข้าใช้งาน ก็จะพบกับหน้าจอเมนูของ Huawei P20 Pro ที่มาพร้อมกับ Theme UI ที่เรียบหรู และเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มมือถือเรือธงของ Huawei โดย Huawei P20 Pro ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo เวอร์ชันใหม่ล่าสุดเป็นกลุ่มแรกของโลก และถูกครอบทับด้วย EMUI 8.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดด้วย
ส่วนรอยบากด้านบนที่ยื่นลงมานั้น หากใครที่อยากปิดไว้ก็สามารถไปตั้งค่าได้ตามเมนูข้างต้น โดยจะมีให้เลือก 2 แบบคือ แสดงผลเต็มพื้นที่ หรือปิดแถบดำนั้นทั้งหมด
Huawei P20 Pro มาพร้อมกับ Home Screen แบบไม่มี App Drawer ซึ่งจะทำให้ไอคอนแอปพลิเคชันถูกติดตั้งอยู่บนหน้าจอทั้งหมด แต่ถ้าหากเปิดใช้งาน App Drawer ก็สามารถเลือกเฉพาะไอคอนที่เราต้องการได้
ระบบรักษาความปลอดภัยของ Huawei P20 Pro มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า
ขยับมาดูในส่วนของคุณสมบัติตัวเครื่อง โดย Huawei P20 Pro มาพร้อมกับ ชิปเซ็ตประมวลผล Huawei Kirin 970 ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.36GHz, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 2.1 ขนาด 128GB
ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ Huawei P20 Pro ด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu BenchMark ได้คะแนนทดสอบ 208,396 คะแนน และได้ผลคะแนนทดสอบจากแอปพลิเคชัน GeekBench 4 ได้คะแนนในส่วนของ Single-Core ที่ 1,907 คะแนน และในส่วนของ Multi-Core ได้ 6,736 คะแนน
สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 2,986 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 3,318 คะแนน
สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่องนั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor
เรามาดูกันต่อในส่วนของฟีเจอร์พระเอกอย่าง กล้องด้านหลังจำนวน 3 ตัว (Triple-Camera) กับความละเอียดสูงถึงระดับ 40 ล้านพิกเซล โดยจะเห็นว่าหน้าตา Interface เมนูกล้องของ Huawei P20 Pro นั้นจะมีลักษณะแตกต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย โดยโหมดการถ่ายภาพแบบต่างๆ จะถูกนำมาเรียงไว้ที่บริเวณด้านล่าง
ฟีเจอร์เด่นของ Huawei P20 Pro ที่มีการพัฒนาต่อยอดเพิ่มขึ้นมาก็คือ ระบบ Master AI ที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์ภาพเพื่อเลือกโหมดถ่ายภาพให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ
โหมดถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ถูกพัฒนาขีดความสามารถให้เพิ่มมากขึ้น โดยการใช้งาน Sudio Lightning หรือการปรับแสงแบบต่างๆ ให้กับตัวแบบ เพื่อความเหมาะสม และอารมณ์ของภาพในขณะนั้น ซึ่งมีให้เลือก 5 สภาพแสงด้วยกัน คือ Soft Lightning, Butterfly Lightning, Split Lightning, Stage Lightning และ Classic Lightning
ส่วนโหมดถ่ายวิดีโอก็มีโหมดบิวตี้ (Beauty) ให้ใช้งาน พร้อมทั้งการถ่ายวิดีโอด้วย Huawei P20 Pro จะมีความนิ่งมากยิ่งขึ้นแม้ถือถ่ายด้วยมือเปล่า เพราะ Huawei P20 Pro ใช้งานระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ AIS (AI Image Stabilization
สำหรับโหมดโปร (Pro) บน Huawei P20 Pro ก็มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด อีกทั้งยังมี AI Assist Composition ระบบมาตรวัดระดับน้ำเพื่อรักษาความสมมาตรไม่ให้ภาพเอียงให้ใช้งานด้วย แต่สำหรับฟีเจอร์สุดเด็ดอย่าง ISO ที่สูงถึง 102400 นั้นจะใช้งานได้ในการอัปเดตเวอร์ชันครั้งต่อไป ซึ่งในตอนนี้ยังใช้งาน ISO ได้สูงสุดที่ ISO 3200 เท่านั้นครับ
โหมดถ่ายภาพอื่นๆ จะอยู่ในหัวข้อ More ซึ่งในช่วงแรกๆ ผู้ใช้อาจสับสน และใช้งานไม่ลื่นไหลนัก เพราะแต่ก่อน UI ของ Huawei จะแสดงโหมดทั้งหมดให้ดูในทันที แต่สำหรับ UI เวอร์ชันนี้ต้องปัดซ้าย-ขวาอย่างเดียวเท่านั้น
ฟีเจอร์เด่นของ Huawei P20 Pro อีกประการหนึ่งก็คือ การถ่ายวิดีโอ Super Slow Motion กับความเร็วสูงถึง 960fps ในความละเอียดระดับ HD 720p
นอกจากนี้ Huawei P20 Pro ยังรองรับการซูมมากถึง 5 เท่า ผ่านระบบ Hybrid Zoom โดยเป็นแบบ Optical Zoom ที่ 3 เท่า (Optical Zoom 3x)
สำหรับกล้องด้านหน้าก็ยังคงมีฟีเจอร์ให้ใช้งานคล้ายกับกล้องด้านหลังแต่จะไม่สามารถใช้งานโหมดรูรับแสง (Aperture) ได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล
สรุปราคา และวันวางจำหน่าย
เรียกได้ว่าสัมผัสแรกกับ Huawei P20 Pro นั้นสร้างความประทับใจให้กับผู้เขียนได้ตั้งแต่แรกเห็น เพราะสีสันตัวเครื่องแบบใหม่ในสี Twilight นั้น ตัวเครื่องจริงมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ผนวกกับบอดี้ดีไซน์แบบ Metal-Glass ที่ด้านหลังเป็นกระจกก็ยิ่งทำให้ตัวเครื่องมีความหรูหราพรีเมียมมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของคุณสมบัติตัวเครื่องก็เร็วแรงแบบจัดเต็มด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Kirin 970, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 2.1 ขนาด 128GB ซึ่ง Huawei P20 Pro ทำคะแนนทดสอบในเบื้องต้นได้ค่อนข้างสูงมากทีเดียว รวมไปถึงหน้าจอแสดงผลแบบไร้ขอบ OLED FullView Display ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2240x1080 พิกเซล) ในอัตราส่วน 18.7:9 ที่แสดงผลได้คมชัดเต็มตา
ส่วนเรื่องของกล้องถ่ายภาพนั้น จากการทดสอบเบื้องต้นก็พบว่า กล้องหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) กับความละเอียด 40 ล้านพิกเซลนั้น ถ่ายภาพได้คมชัดมาก และการถ่ายใน Portrait Mode ซอฟต์แวร์มีการตัดขอบได้เนียนมากยิ่งขึ้น ทำให้ตัวแบบดูโดดเด่นออกมาจากฉากหลังได้มากทีเดียว และสำหรับรายละเอียดแบบเจาะลึกเรื่องกล้องสามารถติดตามชมได้รีวิวฉบับเต็มครับ
สำหรับราคาเปิดตัวของ Huawei P20 และ P20 Pro ในยุโรป มีราคา 649 ยูโร หรือประมาณ 25,000 บาท และ 899 ยูโร หรือประมาณ 34,700 บาท ตามลำดับ ส่วนผู้ใช้ในประเทศไทยน่าจะได้จับจองเป็นเจ้าของ Huawei P20 Series กันได้ในเร็วๆ นี้แน่นอน ซึ่งก็ต้องติดตามกันอีกครั้งนะครับว่า Huawei (ประเทศไทย) จะเปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยประมาณเท่าใด ถ้าหากมีข้อมูลเพิ่มเติมทางทีมงานจะรีบนำมาอัปเดตให้ทุกท่านได้ทราบโดยเร็วที่สุดครับ