รีวิว Samsung Galaxy A6 / Samsung Galaxy A6+ มือถือจอเต็ม อัดแน่นเรื่องกล้อง ราคาเอื้อมถึง
สวัสดีครับ พบกับการทดลองรีวิวมือถือจาก Sanook! Hitech อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ เรายินดีมากที่จะบอกว่ามือถือรุ่นนี้เป็นยีห้อ Samsung ที่มีลักษณะหน้าจอเต็มแบบ Infinty Display พร้อมกับบอดี้โลหะและกล้องขอสู้ตายกับมือถือจากจีนอีกครั้ง และมันก็คือ Samsung Galaxy A6 และ A6+ เครื่องนี้นั่นเอง มาดูรายละเอียดกันว่า รุ่นนี้จะกู้ยอดขายและกลับมาเป็นผู้นำในกลุ่มมือถือ Mid Entry ได้หรือไม่
สเปคของ Samsung Galaxy A6 / A6+
- ขนาดตัวเครื่อง 149.9 x 70.8 x 7.7 มิลลิเมตร (Galaxy A6) / 160.2 x 75.7 x 7.9 มิลลิเมตร (Galaxy A6+)
- สีตัวเครื่อง ดำ, ทอง และ น้ำเงิน
- น้ำหนัก 162 กรัม (Galaxy A6) / 191 กรัม (Galaxy A6+)
- CPU Exynos 7870 Octa Core 1.8GHz (Galaxy A6) / Qualcomm Snapdragon 450 Octa Core 1.8 GHz (Galaxy A6+)
- RAM 3GB (Galaxy A6) / 4GB (Galaxy A6+)
- ความจุในตัว 32GB
- เพิ่มความจำได้ด้วย Micro SD 256GB
- ความถี่ 2G 850 / 900 / 1800 / 1900
- ความถี่ 3G 850 / 900 / 1900 / 2100 HSDPA
- ความถี่ 4G LTE Cat 6 300/150Mbps (ทั้งคู่)
- WiFi 802.11 b/g/n Dual Band , Bluetooth V4.2
- หน้าจอ 5.6 นิ้ว ความละเอียด 1440x720 (Galaxy A6) , 6 นิ้ว (Galaxy A6+) ความละเอียด 2280x1080 แบบ Super AMOLED
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล (F1.7) สำหรับ Galaxy A6 / 24 ล้านพิกเซล (F1.7) สำหรับ Galaxy A6+
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล + Auto Focus และ Flash (สำหรับ Galaxy A6)
/ 16 + 5 ล้านพิกเซล + Auto Focus และ Flash (สำหรับ Galaxy A6+)
- แบตเตอรี่ 3000 mAh (สำหรับ Galaxy A6) / 3500 mAh (สำหรับ Galaxy A6+)
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่องและการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy A6 / A6+
ด้านหน้าของ Samsung Galaxy A6 และ A6+ จะมีหน้าจอแบบไร้กรอบขนาด 5.6 นิ้ว (สำหรับ Galaxy A6) ความละเอียด 1440x720 และ 6 นิ้ว (สำหรับ Galaxy A6+) ความละเอียด อาจจะไม่มาก แต่รองรับมัลติทัช 10 จุดถือว่าใช้ได้แล้วครับ
ส่วนบนมีกล้องหน้าความละเอียดสูง พร้อมกับ LED Flash ลำโพงสำหรับสนทนา
ส่วนล่างเป็นปุ่มกดที่อยู่ในหน้าจอ เนื่องจากอัตราส่วนของหน้าจอแบบ 18:9 ค่อนข้างกว้างใหญ่เอาการ
ด้านข้างของทั้ง 2 รุ่นเป็นแบบโลหะที่น่าใช้อยู่ ฝั่งซ้ายเป็นปุ่มปรับระดับเสียงพร้อมกับ ช่องใส่ซิมแบบ Nano SIM และ อีกช่องจะเป็น Micro SD และ Nano SIM อีกช่อง เท่ากับคุณสามารถใส่ซิมการ์ดได้พร้อมกัน 2 ใบ และ Micro SD อีก 1 โดยไม่ต้องสลับกันอีกต่อไป
ฝั่งขวาจะมีปุ่มเปิด / ปิดเครื่องพร้อมกับลำโพงตัวเครื่องที่อยู่ด้านบน ให้เสียงที่ดีและทำงานได้ไว
ด้านบนจะปล่อยโล่ง โชว์สีสันของตัวเครื่องและเส้นเสาอากาศแบบเด่นชัด
ด้านล่างมีช่องเสียบ Micro USB, ไมโครโฟน และหูฟัง ตำแหน่งจะต่างกันเล็กน้อยเพราะอยู่ด้านขวา เมื่อเทียกับ Samsung Galaxy A8, S9 จะอยู่ด้านซ้าย และไม่มีลำโพงเหมือนกับ 2 รุ่นขั้นต้น
ด้านล่าง พร้อมกับโลโก้ Samsung ส่วนเสาอากาศเป็นตัว U ทั้งคว่ำและหงาย และเป็นบอดี้แบบโลหะด้วย พร้อมกับกล้องและมีระบบสแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลางพร้อมกับ LED Flash อยู่ด้านขวามือ พร้อมโลโก้ตรงกลาง จะสังเกตว่า กล้องของ Samsung Galaxy A6+ จะมีทั้งหมด 2 ตัวทำให้เกิดความแตกต่าง และมีสีให้เลือกตั้งแต่ สีดำ, สีทอง และ สีน้ำเงิน (เฉพาะ Galaxy A6+)
เมื่อได้สัมผัสพบว่าด้านหน้าให้อารมณ์ที่ทันสมัย เพราะการออกแบบของเครื่องเหมือนกับ Galaxy A8 และ A8+ ที่ได้หน้าจอเต็มแต่จองไม่ได้โค้งมนแต่อย่างใด แต่ว่าเมื่อบอดี้โลหะ อาจจะทำให้ฟีเจอร์บางอย่างหายไป เช่น NFC, Wireless Charge อีกเรื่องคือ น้ำหนักของเครื่องที่มีข้อสังเกตคือ Galaxy A6+ น้ำหนักมากไปหน่อย
เปิดเครื่องใช้งาน Samsung Galaxy A6 / A6+ พร้อมการทดสอบฟังก์ชันต่างๆ
ประสิทธิภาพของ Galaxy A6+ ใช้ขุมพลังจาก Qualcomm Snapdragon 450 Octa Core ความเรี็ว 1.8GHz, RAM 4GB ความจำในตัว 32GB เพิ่มความจำได้ด้วย Micro SD 400GB ภาพรวมจากที่เห็นถือว่าใช้เล่นเกมลื่นไหล และไม่ติดขัด รองรับการเชื่อมต่อครบครัน ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 3500 mAh ถือว่าใหญ่และอึดดีใช้ได้ พร้อมระบบจัดการพลังงานมาให้ แต่ไม่มี Quick Charge มาให้ ถ้าใส่กับ Galaxy A6+ จะน่าดึงดูดใจกว่านี้
ส่วน Galaxy A6 จะใช้ CPU Exynos 7870 Octa Core ความเร็ว 1.8GHz, RAM 3GB ความจำในตัว 32GB เพิ่มความจำในตัวเป็น 256GB ที่เหลือนั้นไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ว่าแบตเตอรี่ของเครื่องให้แค่ 3000 mAh กลับอยู่ได้สมตัวมากกว่า
ทั้งคู่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo พร้อมกับ Samsung Experience 9 รุ่นเดียวกับ Galaxy S9 และมือถือที่ได้อัปเดทเป็น Android 8.0 ถือว่าใหม่ล่าสุดและประสิทธิภาพก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เมื่อเป็นมือถือ Samsung ก็อาจจะมี Patch อัปเกรดเรื่องความปลอดภัยต่อ
ฟีเจอร์เด่นที่ได้สัมผัสของเครื่องรุ่นนี้มีหลากหลายตั้งแต่
- ระบบความปลอดภัยที่มีทั้งระบบสแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือ เป็นความปลอดภัยพื้นฐานของเครื่อง
- ความบันเทิงอย่างมาก การแสดงผลที่สดใสผ่านหน้าจอ Super AMOLED ระบบเสียง Dolby ATMOS ที่ต้องเสียบหูฟังถึงจะทำงาน ไม่เหมือนกับรุ่นแพง
- ระบบ Bixby แม้ว่าจะไม่มีปุ่ม Bixby Voice ให้เลือก แต่ก็มีทั้ง Remider แจ้งเตือนอัจฉริยะ เช่น สภาพอากาศ สิ่งที่ต้องทำ เป็นต้น, Home บอกข้อมูลและเรื่องราวที่รู้ และ Vision ไว้ส่องเพื่อให้ AI ภายในเครื่องบอกค้นข้อมูลได้
- ส่วนฟีเจอร์ที่เหลือก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจาก Samsung Galaxy A8 หรือ S9 ไม่ว่าจะเป็นระบบสแกนใบหน้า, เครื่องคิดเลข, ปฏิทิน และ Apps จาก Galaxy Apps เป็นต้น
ประสิทธิภาพกล้องของ Samsung Galaxy A6 และ A6+ เป็นอย่างไร
เริ่มต้นที่กล้องหลังของ Galaxy A6 จะมีเลนส์เดียวคือ 16 ล้านพิกเซล F1.7 พร้อม Auto Focus และ LED Flash สามารถถ่ายภาพได้ดีและมีลูกเล่นมากมายทั้ง Food Mode, Pro Mode (ปรับได้แค่เพิ่มแสง, ISO และ โฟกัส), Sport Mode, และวิดีโอความละเอียด Full HD ถือว่าเป็นฟีเจอร์พื้นฐาน แต่ก็ใช้ได้ดี เนื่องจากรูรับแสงค่อนข้างดีรับแสงได้เยอะ
ความแตกต่างชัดเจนอยู่ที่กล้องหลังที่กล้องหลังของ Samsung Galaxy A6+ จะมี 2 เลนส์แบ่งออกเป็นความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F1.7 และ 5 ล้านพิกเซล F1.9 สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ หรือ Live Focus และมีปรับที่หลังได้ รุ่นนี้จะโปรโมทในชื่อ Art Boken เมื่อลองจริงๆ แล้วจุดเด่นของ Live Focus ในรุ่นนี้ถือว่าดูดีไม่หลอกเกินไป
กล้องหน้าของ Samsung Galaxy A6 จะมีขนาด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.9 พร้อมกับ LED Selfie Flash ส่วนกล้องหน้าของ Samsung Galaxy A6+ จะมีขนาด 24 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับ LED Selfie Flash เช่นกันที่ทำงานแบบ 3 Step กระพริบ สามระดับให้หน้าสว่างสุดๆ และรูรับแสง F1.9 ให้ภาพสว่างชัดเจน สามารถละลายหลังได้เช่นเดียวกัน
สรุปผลหลังทางทีมงาน Sanook! Hitech ได้ทดสอบและลองเล่น Samsung Galaxy A6 / A6+ มาสักระยะ
จากที่ได้ลองเป็นระยะเวลาหนึ่ง พูดเลยว่า เป็นมือถือ Samsung ที่ครบเครื่องและคุ้มค่าอีกรุ่น แม้ว่าจะไม่ได้บอดี้กระจก หรือมี NFC รองรับบริการ Samsung Pay แต่เน้นเรื่องกล้องที่จัดหนักโดยเฉพาะกล้องหน้า ที่มีขนาดใหญ่จนเรือธงยังอาย
ส่วนประสิทธิภาพ เล่นเกมได้สบายมากเลยล่ะครับ ก็ครอบคลุมการใช้งานพื้นฐานของคนทั่วไปแล้ว แต่ถ้าเอาคุ้มค่าสุดคงจะเป็น Galaxy A6+ เพราะได้ทั้งจอใหญ่และสเปคภาพรวมดีกว่า แต่ถ้าไม่อยากได้เครื่องใหญ่ Galaxy A6 ก็เป็นทางเลือกที่ดี
ส่วนราคาของ Samsung Galaxy A6 และ A6+ มีดังนี้
- Samsung Galaxy A6 ราคาอยู่ที่ 8,900 บาท
- Samsung Galaxy A6+ ราคาอยูที่ 10,900 บาท
เมื่อเทียบกับคู่แข่งพูดเลยว่าเยอะ จนรู้สึกว่า การวิเคราะห์คงจะยาวกว่านี้แน่นอน เอาเป็นว่า ถ้าจะตัดสินกับ Galaxy A6 และ A6+ จะเลือกตัวไหนดีก็คือ
ถ้าคุณต้องการมือถือบอดี้โลหะที่กล้องสมเหตุสมผล และสเปคเครื่องกำลังดีพร้อมกับความครบเครื่องเรื่องบันเทิง และได้ Android 8.0 ใหม่ล่าสุด Galaxy A6 ก็พอ
แต่ถ้าต้องการกล้องหลังคู่ Live Focus ละลายหลังได้ และกล้องหน้าความละเอียดสูงเท่าๆ กับคู่แข่ง แต่จะดีในเรื่องของานประกอบ และลูกเล่นต่างๆ ที่ทำงานได้เร็วขึ้น กับราคาถูกกว่าเพื่อนนิดหน่อย แต่ไม่อยากได้ Galaxy A8+ เพราะตัวเครื่องเป็นกระจก หรือแพงไป Galaxy A6+ เป็นทางเลือกที่ดี จนกว่าจะได้เห็นข้อดีข้อเสียดังนี้
สรุปจุดเด่นของ Samsung Galaxy A6 / A6+
- หน้าจอเครื่องเต็ม และบอดี้โลหะ แข็งแรง
- สเปคเครื่องถือว่าดีใช้ได้
- แบตเตอรี่ทนทาน
- กล้องหลังสามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (เฉพาะ Galaxy A6+)
- กล้องหน้าความละเอียดสูง
- ราคาถือว่าดีและน่าใช้
สรุปจุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมหากต้องการซื้อ Samsung Galaxy A6 / A6+
- น้ำหนักของ Galaxy A6+ ค่อนข้างมาก
- ไม่รองรับ NFC, Samsung Pay
- ไม่รองรับ Quick Charge ทั้งคู่
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ