พบ "Huawei" จูนเครื่องเพื่อเร่งคะแนน "Benchmark" อ้าง “ใครๆ ก็ทำกัน”
ผลทดสอบ Benchmark เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งเพราะสามารถใช้เป็นตัวชี้วัดความแรงของเครื่องได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกแบรนด์จะใช้รูปแบบการทำงานปกติเมื่อทดสอบ Benchmark เสมอไป
ในงาน IFA 2018 ที่ผ่านมา Huawei ยอมรับอย่างเป็นทางการว่าตนได้ใช้ซอฟท์แวร์ตรวจจับผล Benchmark โดยเครื่องจะแรงขึ้นมากกว่าความเร็วปกติชั่วขณะเมื่อทำการทดสอบ Benchmark เพื่อให้ได้ผลทดสอบที่ออกมาดีที่สุดเพื่อให้สมาร์ทโฟนของตนแรงทัดเทียมกับคู่แข่งรายอื่นๆ ได้
ตัวอย่างการทดสอบที่ผ่านซอฟท์แวร์ช่วย
ตัวอย่างการทดสอบจาก Honor Play หรือสมาร์ทโฟนสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ เปรียบเทียบระหว่าง การปิดซอฟท์แวร์สำหรับตรวจจับทดสอบ Benchmark
Dr. Wang Chenglu ประธานฝ่ายซอฟต์แวร์ของ Huawei’s Consumer Business Group และผู้สื่อข่าวอีกสองคนเผยว่า ผลของ Benchmark นั้นจริงๆ แล้วไม่สามารถใช้ชี้วัดอะไรได้ มันไม่ได้แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์การใช้งานจริงแต่อย่างใด ทั้งนี้ Dr. Wang ระบุว่า “ใครๆ เขาก็ทำกัน ดังนั้น Huawei จึงไม่อาจอยู่เฉยได้”
อย่างไรก็ตาม Huawei ระบุว่า บริษัทร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่างเสมอมาเพื่อพัฒนาสมาร์ทโฟนให้ตอบสนองต่อการใช้งานและประสบการณ์ในชีวิตจริงมากที่สุด ซึ่ง Dr. Wang บอกว่า “ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้วนะ” ซึ่ง Huawei ระบุว่าต้องการร่วมมือกับผู้ผลิตรายอื่นในประเทศจีนเพื่อหามาตรฐานที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน ตัวเลขที่ได้จากการทดสอบนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย
อ้างอิงผลการทดสอบ
แถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากหัวเว่ย
หัวเว่ยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้มากกว่าคะแนน Benchmark โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคะแนนการวัดประสิทธิภาพนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกับประสบการณ์ผู้ใช้ในปัจจุบันได้ เพราะสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยใช้เทคโนโลยีอย่าง AI เพื่อปรับแต่งการทำงานของระบบทั้ง CPU, GPU และ NPU เสมอ
เช่นเมื่อเปิดกล้องถ่ายรูปหรือเล่นเกมที่มีกราฟิกหนักๆ ระบบอัจฉริยะของหัวเว่ยจะเร่งความเร็วของเครื่องขึ้นให้เหมาะสมกับงาน ระดับความร้อนและระดับแบตเตอรี่ภายในเครื่อง แล้วเมื่อใช้งานแอปที่ใช้ทรัพยากรระบบไม่หนัก ก็จะปรับฮาร์ดแวร์ให้ใช้พลังเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
และเมื่อเข้าสู่การทดสอบ Benchmark ซอฟต์แวร์ระบบของหัวเว่ยจะปรับเครื่องเข้าสู่ “Performance Mode” เพื่อให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเท่าที่เครื่องจะทำได้ ซึ่งหัวเว่ยก็มีแผนจะเปิดให้ผู้ใช้สามารถเปิด Performance Mode ด้วยตัวเองได้ถ้าต้องการ
หัวเว่ยจะทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อพัฒนามาตรฐานการทดสอบที่วัดผลเทียบกับประสบการณ์ผู้ใช้ได้ต่อไป