สรุปรายชื่อผลิตภัณฑ์จากงาน Apple Special Event 2018 ก่อนขายจริงในประเทศไทย
จบกันไปแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับงานเปิดตัว Apple Special Event 2018 ครั้งนี้ Apple เปิดตัวสินค้าเยอะใช้ได้เลยทีเดียว และรวมถึงภาค Software ด้วย มาดูว่ามีอะไรใหม่และน่าติดตามกันบ้าง
ก่อนที่จะเริ่ม Tim Cook ได้บอกว่าอุปกรณ์ iOS ตอนนี้มากกว่า 20 ล้านอุปกรณ์ด้วยกัน และในครั้งนี้จะเปิดตัวกับอุปกรณ์ที่ตื่นเต้น
Apple Watch Series 4
เพื่อรักษาอันดับ 1 ในกลุ่มของ Smart Watch ที่มีความหลากหลายที่น่าตื่นเต้นขึ้น ก็ได้มีการเปิดตัว Apple Watch Series 4 เน้นเรื่องการติดต่อสื่อสาร ออกกำลังกาย และ สุขภาพของคุณ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นที่ 40 มม. และ 44 มม. มาพร้อมกับหน้าปัดที่ออกแบบเพื่อการบอกข้อมูลได้ละเอียดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- Watch Face แบบใหม่ที่มีความสวยงามและขยับได้ เปลี่ยนไปตามกรอบสี แน่นอนว่ามันดูสดใสกว่าเดิม
- Digital Crown เปลี่ยนแปลงใช้งานได้ง่ายและสามารถเรียก Podcast ได้ง่าย พร้อมกับลำโพงของเครื่องที่เสียงดังขึ้น และไมโครโฟตัดเสียงรบกวนได้
มีการเปลี่ยนแปลงให้ส่วนวัดชีพจรมีความบางและสวยขึ้นกว่าเดิม ภายในมาพร้อมกับ CPU Apple S4 แบบ Dual Core 64 bit เคลมว่าเร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า ติดตั้ง Acetometer และ Gyroscope
ทั้งหมดนี้สามารถจับได้ว่าถ้าเกิดมีการขยับท่าทางผิดพลาดเช่นการเดินแล้วจะล้มหรือหัวทิ่ม จะมีการส่ง SOS ออกทันที
ระบบวัดชีพจรมีการเปลี่ยนแปลงให้สามารถวัดได้เร็วขึ้นละเอียดมากขึ้น โดยแบ่งออกเป็น Low Heart Rate (ต่ำเกินไป), High Heart Rate (สูงเกินไป) และสามารถคำแนะนำในการทำให้การเต้นของหัวใจเหมาะกับคุณ ติดตั้ง ECG เมื่อคุณแตะกับ Digital Crown จะสามารถวัดจังหวะการเต้นของหัวใจได้ง่ายและรายงานเป็นผล ทำให้คุณอาจจะไม่ต้องไปตรวจสุขภาพบ่อย
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่แทบหมดห่วงได้เพราะเคลมว่าใช้งานได้ทั้งวัน สีสันมีให้เลือกทั้ง สีทอง, เงิน, และ Space Gray เปลี่ยนสายได้หลายแบบเหมือนเดิม และมีเวอร์ชั่น Nike Plus
ราคาของ Apple Watch Series 4 อยู่ที 399 สำหรับรุ่น Bluetooth 499 ดอลลาร์ สำหรับรุ่น Cellular และ Apple Watch Series 3 ลดราคาเหลือ 279 ดอลล่าร์สหรัฐ เปิดจอง 14 กันยายน ขายจริง 21 กันยายน เฉพาะในกลุ่มประเทศกลุ่มแรกนะ
iPhone Xs / iPhone Xs Max
รายละเอียดสเปกของคร่าวๆ ของ iPhone Xs
- หน้าจอแสดงผลขนาด 8 นิ้วความละเอียด 1125 x 2436 พิกเซล ใช้หน้าจอแบบ OLED รองรับ 3D Touch
- ขนาด : ยาว 143.6 x กว้าง 70.9 x หนา 7.7 มม.
- หนัก : ยังไม่ระบุ
- ชิปเซ็ตประมวลผล : Apple A12 Bionic
- RAM : 4GB
- ความจุ(ROM) : 64 / 256 / 512GB
- กล้องหลัง : เลนส์คู่ 12 ล้านพิกเซล F1.8 + 12 ล้านพิกเซล Tele Photo F2.4 พร้อมกับ Smart HDR, Quad LED Flash, Auto Focus
- กล้องหน้า : 7 ล้านพิกเซล
- ตัวเชื่อมต่อเสียง Lightning Port
- ซิมแบบนาโน + e SIM
- ระบบความปลอดภัย Face ID ใช้สแกนหน้าเพียงอย่างเดียว
- เชื่อมต่อ 4G LTE LTE ระดับ Gigabit
- แบตเตอรี่ขนาด ไม่ระบุความจุ รองรับ Quick Charge และ Wireless Charge
- สีตัวเครื่อง ทอง, เงิน, Space Gray
รายละเอียดสเปกของคร่าวๆ ของ iPhone Xs Max
- หน้าจอแสดงผลขนาด 5 นิ้วความละเอียด 1242 x 2688 พิกเซล ใช้หน้าจอแบบ OLED รองรับ 3D Touch
- ขนาด : ยาว 157.5 x กว้าง 77.4 x หนา 7.9 มิลลิเมตร
- หนัก : 208 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล : Apple A12 Bionic
- RAM : 4GB
- ความจุ(ROM) : 64 / 256 / 512GB
- กล้องหลัง : เลนส์คู่ 12 ล้านพิกเซล F1.8 + 12 ล้านพิกเซล Tele Photo F2.4 พร้อมกับ Smart HDR, Quad LED Flash, Auto Focus
- กล้องหน้า : 7 ล้านพิกเซล
- ตัวเชื่อมต่อเสียง Lightning Port
- ซิมแบบนาโน + e SIM
- ระบบความปลอดภัย Face ID ใช้สแกนหน้าเพียงอย่างเดียว
- เชื่อมต่อ 4G LTE LTE ระดับ Gigabit
- แบตเตอรี่ขนาด ไม่ระบุความจุ รองรับ Quick Charge และ Wireless Charge
- สีตัวเครื่อง ทอง, เงิน, Space Gray
ในปีก่อน iPhone X หรือ ไอโฟนเท็นมีการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งเรื่องระบบความปลอดภัย และการใช้งานในหลายๆ สิ่งรวมถึงกับการสร้างประวัติศาตร์หน้าใหม่ใน iOS จนกลายเป็นมือถือที่ยังเป็นที่ 1
สำหรับในปีนี้ iPhone รุ่นใหม่มีชื่อว่า iPhone Xs (ไอโฟน เท็น เอส) มีการใช้วัสดุ สแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือ ศัลยกรรม เปลี่ยนแปลงคือสีทองใหม่ และมีการยังคงทำให้ตัวเครื่องเงาขึ้นกว่าเดิม และทนรอยขีดข่วนได้มากกว่าเดิม หน้าจอใช้กระจกที่ทนทานขึ้นกว่าเดิม และมีสี 3 สีคือ ทอง, เงิน และ Space Gray ออกแบบให้ทนทานขึ้นด้วยมาตรฐาน IP68 ลงน้ำได้ 2 เมตร นาน 30 นาที
หน้าจอละเอียดขึ้นใช้แบบ Super Retina Display ทั้งคู่ โดย iPhone Xs Max จะได้หน้าจอใหญ่กว่าถึง 6.5 นิ้ว ที่ละเอียดขึ้นกว่าเดิม และใช้หน้าจอแบบ OLED ตัวนี้ยังมี 3D Touch อยู่พร้อมกับ Tap to Wake และมีการเปลี่ยนมาใช้ True Tone Display ที่รองรับการแสดงผล HDR10 และ Dolby Vision ให้สีสันที่แม่นยำและจำนวนพิกเซลมากถึง 3 ล้านพิกเซล
Face ID เหมือนเดิม แต่มีการเปลี่ยนเรื่องของ CPU ใหม่ Apple A12 Bionic ที่มี Neural Engine พร้อมกับ CPU 6 แกนสมอง และ GPU 4 แกนสมอง ทั้งหมดนี้มีขนาดเล็กเพียง 7 นาโนเมตร และมีความจุใหม่ 512GB
ทั้งหมดนี้ออกแบบให้ทำงานกับ iOS 12 ได้คล่องตัวมากขึ้น และสามารถเรียนรู้พฤติกรรมมาใช้ปรับตัวให้ดีขึ้น รองรับ Core ML ทำให้ตัวเครื่องช่วยให้ทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม คราวนี้สามารถแสดงผล AR ได้ลื่นไลวมากขึ้น
การแสดงผลของ Apps มีการเปลี่ยนแปลงที่รงอรับความสว่างมากขึ้น และยังออกแบบให้สามารถทำงานร่วมกับ AR และ สร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อย
กล้องของ iPhone Xs และ iPhone Xs Max ยังคงใช้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบ F1.8 อีกเลนส์ 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับเลนส์ Tele Photos และมีการประมวลผลภาพ ที่มีชื่อว่า Image Singal Processor แต่เมื่อนำ NPU จะเข้ามาจัดการเรื่องแสงและเงาได้มี Smart HDR, Zero Shutter Lag สามารถจับในเรื่องของการแสดงผลของภาพ เลือกรูปแบบให้เหมาะสม และ Boken สามารถปรับได้ตามรูปแบบของรูรับแสง
การถ่ายวิดีโอ เนื่องจาก CPU เร็วขึ้นทำให้การทำงานเร็วขึ้น และสามารถบันทึกเสียงเป็นแบบ Stereo ได้เพราะติดตั้งไมโครโฟนทั้งหมด 4 ตัว พร้อมระบบกันสั่นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนกล้องหน้ายังคงได้ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล และมีการนำจับใบหน้ามาช่วยให้ภาพออกมาลงตัวขึ้น และมีการเลือกมุมแสงภาพได้เหมือนเดิม และปรับการละลายหลังเป็นแบบ F ได้ตั้งแต่ F1.8 - F16
แบตเตอรี่ของ iPhone Xs ทนกว่า iPhone X 30 นาที แต่ iPhone Xs Max ทนกว่า iPhone 8 Plus ที่ 1 ชั่วโมง 30 นาที นอกจากนี้ยังรองรับ LTE ที่เร็วกว่ารุ่นเดิม ถึงระดับ Gigabit และรองรับ Dual SIM เป็นแบบ Dual Standby สำหรับตลาดโลก ซิมที่ 2 เป็น eSIM เหมือนกับ Apple Watch แต่สำหรับประเทศจีน ใส่ 2 SIM ได้แท้จริง
iPhone XR
รายละเอียดสเปกของคร่าวๆ ของ iPhone Xr
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.1 นิ้วความละเอียด 828 x 1792 พิกเซล ใช้หน้าจอแบบ IPS LCD รองรับ 3D Touch
- ขนาด : ยังไม่ระบุ
- หนัก : ยังไม่ระบุ
- ชิปเซ็ตประมวลผล : Apple A12 Bionic
- RAM : 3GB
- ความจุ(ROM) : 64 / 128 / 256GB
- กล้องหลัง : 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Smart HDR, Quad LED Flash, Auto Focus
- กล้องหน้า : 7 ล้านพิกเซล
- ตัวเชื่อมต่อเสียง Lightning Port
- ซิมแบบนาโน + e SIM
- ระบบความปลอดภัย Face ID ใช้สแกนหน้าเพียงอย่างเดียว
- เชื่อมต่อ 4G LTE LTE-A
- แบตเตอรี่ขนาด ไม่ระบุความจุ รองรับ Quick Charge และ Wireless Charing
- สี: ดำ, แดง Product Red, เหลือง, น้ำเงิน, Coral ออกน้ำตาล
iPhone รุ่นถูกที่หลายคนลือกลับมาแล้ว โดยมีให้เลือกหลายสีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำเงิน, เหลือง Space Gray, Red, Copper ซึ่งตัวเครื่องกันน้ำแบบ IP67 ใช้หน้าจอ LCD แบบเต็มกรอบ เรียกว่า Liquid Retina ที่ได้หน้าจอใหญ่กว่า iPhone 8 Plus ที่ 6.1 นิ้ว มี Tap a Wake แต่ว่าไม่มี 3D Touch บอดี้ผลิตจากโลหะเกรด 7 พัน รองรับ Haptic Touch
ใช้ระบบความปลอดภัยแบบ Face ID เหมือนกับรุ่นพี่ iPhone Xs และยังมี Secure Enclave ที่เร็วขึ้น และยังสามารถปลดล็อคใช้งานกับการซื้อ Application หรือจะเป็น Apple Pay ในบางประเทศ ข่าวดีคือใช้ CPU Apple A12 Bionic ที่มี Neural Engine
กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.8 ใช้ True Tone Flash มีจุดเด่นที่สามารถจัดการเรื่องของการคุมเพื่อให้ละลายหลังได้ง่ายขึ้น และสีสันของภาพสวยงาม พร้อมกับปรับปรุง ISP ตัวใหม่ที่มี NPU เข้ามาประมวลผลให้ภาพออกมาแนบเนียนมากขึ้น ส่วนกล้องหน้า เหมือน iPhone Xs เลย ส่วนแบตเตอรี่อึดกว่าครึ่งของ iPhone 8 Plus
iPhone Xr ยังรองรับซิมการ์ดแบบปกติ และ e-SIM แถมยังรองรับ LTE Advance รุ่นใหม่ที่โหลดข้อมูลได้รวดเร็วมากขึ้น
ราคาของ iPhone Xs, Xs Max, Xr มีดังนี้
- iPhone Xs ราคา 999 ดอลล่าร์สหรัฐ เริ่มวางจำหน่าย 26 กันยายน มีความจุให้เลือกทั้ง 64, 256, 512GB
- iPhone Xs Max เริ่มต้น 1099 ดอล่าร์สหรัฐ เปิดจอง 21 กันยายน วางขาย 26 กันยายน มีความจุ 64GB, 256GB และ 512GB
- iPhone Xr เริ่มต้น 749 ดอลลาร์ เปิดจอง 19 ตุลาคม ขาย 26 ตุลาคม มีความจุ 64GB, 128GB และ 256GB
ส่วน iPhone ที่ยังคงมีขายต่อไปคือ iPhone 7, iPhone 8 ที่ราคาถูกลงกว่าเดิม
iOS12
และสุดท้าย iOS12 ที่มีลูกเล่นเพิ่มเติมเช่น Animoji, Memoji ปรับปรุงเวลาหน้าจอให้มีสามารถเข้าในและคุมเวลาได้ นอกจานี้กยังสามารถทำงานกับ Siri Shortcut และเพิ่มคุณสมบัติใหม่เข้าไปด้วย พร้อมให้อัปเกรด 17 กันยายน 2561 พร้อมกับ MacOS Mojave ด้วยเช่นกัน
อัลบั้มภาพ 77 ภาพ