ทดสอบหนึ่งวันที่ยุ่งที่สุดในชีวิตกับการมี OPPO F9 เป็นผู้ช่วย จะรุ่งหรือจะร่วง!
ในช่วงที่ยุ่งที่สุดในชีวิต เราได้รับ OPPO F9 มาให้ลองเล่น และเพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนว่าดีจริงหรือแค่หลอก เราจึงตัดสินใจหยิบมาใช้ในวันที่เรียกว่าพีคที่สุด ทั้งต้องไปเจอลูกค้า ต่อด้วยวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ติดต่อกันสามงานรวด มีถ่ายงานแบบด่วนๆ ที่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ไหนจะต้องมีรับส่งงานผ่านอีเมล์อีกเพียบ
มาดูกันดีกว่าว่า OPPO F9 จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นได้อย่างไรบ้าง
เริ่มต้นเช้าตรู่กันด้วยประชุมสำคัญกับลูกค้า บอกเลยว่า OPPO F9 สวยและดูดีมาก หยิบออกมาลูกค้าทักกันใหญ่ว่าใช้โทรศัพท์รุ่นอะไร เพราะบังเอิญโทรศัพท์ดันไปสะท้อนกับแสงไฟที่อัดเข้ามาทำให้เห็นการไล่เฉดสีที่สวยแปลกตา ส่วนตัว
ทันทีที่เปิดเครื่องเริ่มใช้งาน ประทับใจในฟังก์ชั่นที่ใช้งานง่าย เพราะมาพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านหลังของตัวเครื่อง ซึ่งด้วยตำแหน่งที่ออกแบบมาอย่างดีทำให้แตะสแกนง่าย แถมแตะปุ๊ปติดปั้บ ไม่ต้องกดปุ่มหน้าจอเพื่อปลุกเครื่อง รวมถึงระบบสแกนใบหน้าก็แม่นยำ ใช้งานง่าย และสะดวก ยิ่งถ้าตั้ง Raise to Wake ไม่ต้องกดปุ่มอะไรเลย แค่หยิบเครื่องขึ้นมาแล้วมองไปที่ตัวเครื่องเท่านั้นก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เรียกได้ว่าเข้าถึงการทำงานได้รวดเร็วทันใจสไตล์คนงานยุ่ง
จากนั้นก็ได้เวลามานั่งเช็คอีเมล รับส่งงานกันแบบรัวๆ ควบคู่ไปกับการตอบไลน์เพื่อเช็คฟีดแบกของงานที่ทำไป ทั้งยังมีโทรศัพท์จากนาย เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง ลูกค้าเข้ามากันแบบไม่หยุดหย่อน จนแบตใกล้จะหมดซึ่งตรงนี้ต้องถือว่าโชคดีในโชคร้าย เพราะจะได้ลองฟังก์ชั่น VOOC Flash Charge ที่เขาการันตีว่า “ชาร์จ 5 นาที คุยได้ 2 ชั่วโมง” ผลปรากฏว่าดีจริง เพราะเราคุยโทรศัพท์ต่อได้แบบยาวๆ หนึ่งชั่วโมงโดยที่แบตเตอรี่ไม่ลด ดังนั้นเชื่อเลยว่า 2 ชั่วโมงตามคำบอกก็เอาอยู่แน่ๆ
แล้วก็ถึงอีกหนึ่งช่วงไฮไลท์สำคัญของวันนี้กับการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แบบต่อเนื่อง ซึ่งผลลัพธ์จากที่ได้ลองใช้งานจริง บอกเลยว่าพอใจมาก ด้วยพื้นที่หน้าจอที่ถูกปรับให้เต็มพื้นที่ทำให้แสดงได้ผลชัดแบบจัดเต็ม แถมความละเอียดยังเป็นแบบ FHD+ ทำให้ไม่เจอปัญหาอะไรที่รู้สึกหงุดหงิดใจเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างที่ใช้งานก็ได้สังเกตเห็นว่า Water Drop Screen เทคนิคที่ OPPO F9 ปรับสัดส่วนหน้าจอด้วยการเลื่อนตัวลำโพงสนทนาขึ้นไปด้านบนและปรับให้กล้องมาอยู่ตรงกลางทำให้มีลักษณะคล้ายหยดน้ำมาเกาะอยู่บนหน้าจอ มันดีจริง เพราะพื้นที่จอบนตัวเครื่องแน่นถึง 90.8 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว
ถัดมาก็ถึงเวลาโยกย้ายตัวเองไปสู่โหมดของการเป็นช่างภาพ ซึ่งด้วยความที่เขาเพิ่ม ROM หรือหน่วยความจำเป็น 64GB อันนี้ต้องบอกว่าได้ใจเรามาก เพราะเมื่อพื้นที่เยอะก็เก็บข้อมูลได้มาก ไม่ต้องคอยลบหรือเคลียร์แคชบ่อยๆ ให้วุ่นวาย เวลาจะถ่ายรูปก็รัวได้แบบไม่ต้องยั้งมือ
ส่วนของกล้องหน้า OPPO F9 มาพร้อมกับกล้องหน้า 25 MP พร้อม Sensor HDR ที่ช่วยให้ภาพดูมีมิติและสวยจบในทุกสภาพแสง
ความเจ๋งของกล้องหน้ายังไม่หยุดแค่เท่านี้ เพราะมี AI Beauty เวอร์ชั่น 2.1 ซึ่งจะมาช่วยปรับความเนียนของผิวและใบหน้าให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งด้วยการคำนวณของ AI จะสามารถวิเคราะห์ใบหน้าได้ถึง 296 จุด 25 โซน รวมถึงวิเคราะห์ลักษณะ สีผิว หรือเพศของแบบได้ด้วย
ตัวอย่างภาพเซลฟี่ที่ปรับด้วยโหมด AI Beauty ทั้ง 6 แบบ
และยังมีระบบ SuperViVid เข้ามาช่วยให้ได้ภาพที่สวยขึ้นแบบไม่ต้องผ่านแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติม
สำหรับกล้องหลังยิ่งเด็ดเพราะถือว่าเป็นครั้งแรกของ OPPO ตระกูล F ที่มาพร้อมกล้องหลังคู่ 16+2 MP โดยกล้องหลังจะมีระบบ Depth Effect ทำให้สามารถวัดระยะตื้นลึกของแบบและฉากได้ ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาคือภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบที่สวยระดับเทพ
ส่วนของการถ่ายภาพพอทเทรทบน OPPO F9 ยิ่งสบาย เพราะมี Portrait Mode ให้เราสามารถเลือกปรับแต่งแสง ซึ่งมีถึง 5 แบบเข้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็น Natural light, Rim light, Mono-Tone Light, Film light และ Bi-color light โดยเมื่อปรับเข้าสู่โหมดนี้แล้วจะทำให้การโฟกัสเพื่อถ่ายภาพบุคคลง่ายขึ้นกว่าเดิม
ส่วนของ AI Scene Recognition ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี เพราะมีมากถึง 16 โหมด อาทิอาหาร, คน หรือสัตว์ แตะปุ๊ประบุได้ทันทีว่าสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร พร้อมทำหน้าที่ปรับแต่งแสงสีให้สมบูรณ์ที่สุด
ถ่ายรูปเสร็จก็ถือว่าจบความมหาโหดของงานวันนี้ ซึ่งขอบอกเลยว่า OPPO F9 ช่วยให้งานรุ่งได้แบบพุ่งปรี้ดจริงๆ เคลียร์ได้ครบจบทุกงานแบบลื่นปรื้ด
คราวนี้ก็ถึงโหมดของการพักผ่อน มาตะลุยกันต่อที่โหมดเกม ซึ่งขอบอกเลยว่าเราเป็นพวก #สายROV ด้วย RAM ที่ถูกเพิ่มขึ้นเป็น 6GB ทำให้สามารถเล่นเกมที่มีกราฟิกสูงๆ ได้แบบไม่กระตุก ทั้งยังมีฟังก์ชั่น Game Space ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น และสามารถปิดแจ้งเตือนระหว่างเล่นเกมได้ทั้งหมด รวมถึงยังสามารถเลือกรับสายหรือคุยแชทตอนเล่นเกมได้แบบที่ไม่ต้องปิดเกมให้ขาดช่วง
ไม่ใช่แค่นี้ เรายังลองชาร์จแบตเตอรี่ขณะเล่มเกมพิสูจน์ดูว่าจะเจ๋งสมคำการันตีหรือเปล่าที่บอกว่า OPPO F9 เล่นไป ชาร์จเครื่องไปได้แบบไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะร้อน ซึ่งจากการทดลองเล่นได้เพลินโดยที่เครื่องไม่ร้อนจริง
ดีขนาดนี้ ครบขนาดหนัก จัดให้เราได้ทั้งในโหมดทำงาน และโหมดเล่นเกม ดังนั้น OPPO F9 เรียกว่าได้ไปต่อแน่นอน เพราะคุณภาพคุ้มค่าเกินราคา 10,990 บาท
[Advertorial]