Microsoft เปิด DirectX Raytracing ให้ทุกคนใช้งานได้ ไม่ต้อง GeForce RTX ก็ใช้ได้
ถ้าหากพูดถึงประเด็นที่กำลังร้อนแรงที่สุดในตลาดวงการการ์ดแสดงผลที่ร้อนแรงที่สุดในตอนนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่อง “RTX” การ์ดจอซีรี่ส์ใหม่จากค่ายเขียว Nvidia ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Ray Tracing หรืออธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆเลยก็คือ การแสดงผลของแสงและเงาที่มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น
โดยจะแสดงออกมาในรูปแบบของการสะท้อนแสงตามวัตถุต่างๆภายในเกม ที่ก็ต้องบอกว่ามันสวยขึ้นมากจริงๆอย่างปฏิเสธไม่ได้ครับ
และเมื่อวานที่ผ่านมา Microsoft ได้ปล่อย Windows 10 October Update ออกมาโดยที่ Highlight ก็คือการทำให้ DirectX Raytracing พร้อมใช้งานอย่างเต็มรูปแบบสำหรับทุกๆคน โดยใน Developer Blog ของ DirectX เองก็ได้พูดไว้เลยว่า DirectX Raytracing จะทำงานนอกกรอบในฮาร์ดแวร์ที่สนับสนุน แล้วมันหมายความว่าอย่างไร ?
ทั้งนี้เราต้องเข้าใจก่อนว่า Ray Tracing นั้นเป็นฟีเจอร์ของ DirectX 12 มาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว และ Nvidia RTX เป็นการ์ดจอตัวแรกที่รองรับการใช้งาน Ray Tracing อย่างจริงจัง โดยเกมที่รองรับเจ้า Ray Tracing ณ เวลานี้ก็มีเพียงแค่ 3 เกมเท่านั้น แถมยังไม่ได้เป็นเกมที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการถึง 2 เกมอีกด้วย และแน่นอนว่า Ray Tracing ไม่ใช่เทคโนโลยีของ Nvidia อย่างแน่นอน แต่ Microsoft DirectX ต่างหากที่พัฒนา Ray Tracing ขึ้นมาใน DX12 โดยมีเจ้า RTX เป็นการ์ดจอตัวแรกที่รองรับอย่างจริงจังนั้นเองครับ
แล้วมันจะส่งผลยังไงต่อ ? จะมีอะไรเกิดขึ้น ?
ด้วยการที่ DirectX Raytracing (DXR) นั้นได้เปิดให้ใช้งานได้ทั่วไปแล้ว ก็หมายความว่าต่อไปนี้เราอาจจะเห็นเกมที่รองรับ Ray Tracing เพิ่มมากขึ้น โดยที่ทางนักพัฒนาไม่จำเป็นต้องสร้าง Engine ใหม่ขึ้นมาเพื่อให้มันรองรับ เพราะมันเป็นฟีเจอร์ใหม่ของ DX12 อยู่แล้ว และคำถามต่อมาคือ แล้วการ์ดจอเก่าๆอย่าง 1060 1070 1080 ล่ะจะรองรับ Ray Tracing หรือไม่ ตรงนี้ผมก็ไม่สามารถตอบอะไรได้ เพราะยังไม่มีการยืนยันจากทั้ง 2 ค่ายใหญ่ แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า การ์ดซีรี่ส์ 10 ของ Nvidia นั้นรองรับ DX12 อย่างเต็มที่ แต่ในขณะเดียวกัน การ์ด RTX นั้นมีการออกแบบสถาปัตย์ใหม่สำหรับ Ray Tracing โดยเฉพาะครับ
และสำหรับคู่แข่งอย่าง AMD Radeon ล่ะ ?
ระยะหลังๆมา เราอาจจะไม่ได้ยินข่าวอะไรเกี่ยวกับ AMD สักเท่าไร มีเพียงข่าวที่หลุดออกมาว่าจะมีการเปิดตัวการ์ดใหม่ที่มีเทคโนโลยีแบบ 7nm เท่านั้น ส่วนตัวผู้เขียนเองคิดว่าน่าจะเป็นการ์ดสำหรับ Console ยุคต่อไป และอย่างที่ทราบกันดีว่า AMD นั้นได้จริงจังกับการพัฒนา API ของตัวเองมากกว่า อย่างเช่น Mantle ที่กลายมาเป็น Vulkan โดยจุดเด่นของ API ตัวนี้ก็คือการพัฒนาให้ OpenGL ให้มีความสามารถสูงสุดเทียบเท่าหรือมากกว่า DX11 และ DX12
โดยเจ้า OpenGL อธิบายง่ายๆมันก็คือ API แบบ Open-source ที่รองรับการใช้งานในทุก Platform ซึ่งมันจะมีประโยชน์มากๆ สำหรับผู้ใช้งานบนระบบ Linux หรือ MacOS โดยเกมที่รองรับ Vulkan นั้นก็มีให้เห็นอยู่บ้าง ค่ายที่สนับสนุน API ตัวนี้หลักๆเลยก็น่าจะเป็น Valve ที่ผลการทดสอบเกมอย่าง Dota 2 แสดงให้เห็นว่า Vulkan มันทำงานได้ดีกว่า DX11 อีกด้วย และอีกค่ายที่น่าจะรู้จักกันดีอย่าง Bethesda ที่หลังๆก็มีเกมอย่าง Doom 2016 และ Wolfenstein 2 ที่ได้นำเอา Vulkan มาเป็นตัวชูโรงครับ
สำหรับเรื่อง API นั้นจริงๆมันมีเยอะมากกว่านี้ โดยถ้าหากจะให้พูดถึงทั้งหมด คงต้องแยกไปเป็นอีกหนึ่งบทความกันเลย แต่วันนี้เราจะพูดถึง DXR และ Ray Tracing แน่นอนครับว่าการ์ดจอของ AMD เองก็รองรับ DX12 เช่นกัน แถมยังทำงานได้ดีไม่แพ้ Nvidia อีกด้วย และในบางเกม หากเรานำเอาการ์ดที่มีสเป็คใกล้เคียงกันของทั้ง 2 ค่ายมาเปรียบเทียบ ก็จะมีบางจุดที่ AMD ค่อนข้างทำผลงานได้ดีกว่า Nvidia ในบางจุดของ DX12 ครับ
และตอนนี้ DX12 ก็รองรับ DirectX Raytracing อย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ AMD ว่าจะผลักดันเทคโนโลยีนี้ต่อไปไหม แต่อย่างไรก็ตาม API Vulkan เองก็รองรับ Ray Tracing เช่นกัน
สรุปแล้วผลประโยชน์ทั้งหมดก็ตกมาที่ผู้บริโภคอย่างพวกเราชาวเกมเมอร์อยู่ดีครับ ถ้าหากมีการคืบหน้าใดๆ ทาง beartai.com จะรีบมานำเสนอข้อมูลใหม่ๆให้ผู้อ่านทุกท่านอย่างแน่นอนครับผม