[Hands On] Xiaomi Mi Mix 3 สมาร์ทโฟนดีไซน์กล้องหน้าแบบสไลด์ หลังได้ลองเล่นตัวจริง
เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ประเทศจีนสำหรับ Xiaomi Mi MIX 3 ตอนนี้ทาง Xiaomi ประเทศไทย ได้นำสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวมาให้ทางทีมงานได้ทดลองเล่นในเมืองไทยแล้ว
Xiaomi Mi MIX 3 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Mi MIX series ที่มาพร้อมจุดเด่นเรื่องของการสไลด์หน้าจอ ตัวเครื่องมาพร้อมดีไซน์หรู หรา น่าใช้งาน กรอบหลังเซรามิคสวยงามมีให้เลือกถึง 3 สี พร้อม เทคโนโลยีสไลด์หน้าจอแถบแม่เหล็กแบบใหม่ล่าสุด และที่สำคัญแรงด้วยชิปเรือธงอย่าง Qualcomm SDM845 Snapdragon 845
Xiaomi Mi MIX 3 มาพร้อมหน้าจอเต็มจอไร้ติ่งแบบ Full Screen Slider ดีไซน์การสไลด์หน้าจอ ไม่เพียงเพิ่มพื้นที่ระหว่างกล้องหน้าและเสาอากาศเท่านั้น แต่ยังช่วยการแสดงผลแบบเต็มหน้าจอสูงสุด Mi MIX 3 มีจอขนาด 6.39 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซลอัตราส่วนภาพ 19.5: 9 กรอบได้รับการลดขนาดลงจากรุ่นก่อนหน้าเพื่อให้ได้อัตราส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องได้มากที่สุดถึง 93.4 เปอร์เซ็นต์
หน้าจอด้านบนเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าและลำโพงที่ซ่อนไว้ด้านใน เมื่อต้องใช้งานต้องทำการการสไลด์ โดยการสไลด์ทำงานด้วยแบบแถบแม่เหล็ก
หลังสไลด์จะเห็นว่าข้างในเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าคู่, ระบบเซ็นเซอร์ และช่องลำโพงเสียงอยู่ตรงกลาง
ต่อกันที่ส่วนของหน้าจอด้านล่างที่ยังคงเป็นปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัสหลักอย่างปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮมหรือปุ่มย้อนกลับตามสไตล์ของ Xiaomi
ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของปุ่มเปิด-ปิดเครื่องหรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลด ปรับระดับเสียง
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ด ซึ่งรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ดและปุ่มผู้ช่วยอัฉริยะ หากเป็นของประเทศจีนจะเป็นปุ่มเรียกใช้งาน Xiao AI และมีแผนที่จะให้รุ่นที่วางจำหน่ายทั่วโลกได้ใช้เป็นปุ่ม Google Assistant
ผู้ช่วยอัจฉริยะอยู่ข้างถาดใส่ซิม
ต่อกันที่ส่วนของขอบตัวเครื่องด้านบนของตัวเครื่อง เป็นตำแหน่งของไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะบันทึกเสียง
ขอบของตัวเครื่อง Mi Mix 3 ด้านล่างเป็นตำแหน่งของพอร์ท USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่หรือโอนถ่ายข้อมูล พร้อมด้วยลำโพงและไมโครโฟนโดยรุ่นใหม่จะไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร อีกต่อไป
มาถึงส่วนที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้คือ "กล้องหน้าสไลด์" หน้าจอเต็มจอไร้ติ่งแบบ Full Screen Slider และเราก็ไม่พลาดที่จะลองทดลองเรื่องของการสไลด์เปิด-ปิด ในส่วนของกล้อง ส่วนหากใครนึกภาพตามไม่ออกลอง หากใครนึกภาพไม่ออกจะทำงานเหมือน Nokia รุ่นเก่าๆ อย่าง Nokia 6500 Slide หรือ Nokia 5300 XpressMusic ที่สไลด์ได้ดู
กล้องด้านหน้าขนาด 24MP + 2MP มีเซ็นเซอร์หลักของ Sony IMX576 สามารถจับภาพได้แม่นยำกว่าที่เคย ในสภาพแสงน้อย เซนเซอร์จะใช้เทคโนโลยีซุปเปอร์พิกเซลเพื่อรวมข้อมูลจากสี่พิกเซลให้เป็นพิกเซลเดียวที่มีขนาดใหญ่ถึง 1.8 µm ช่วยเพิ่มความคมชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ร่มและมีแสงน้อย เซ็นเซอร์รอง 2M ยังช่วยจับข้อมูลในระดับลึกเพื่อการถ่ายภาพ โหมด AI หน้าชัดหลังเบลอ (Bokeh effect) การพัฒนาเหล่านี้ทำให้ Mi MIX 3 ได้คะแนนจาก DxO Mark ถึง 108 คะแนน และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้ดีที่สุดในโลก
ส่วนของแถบสไลด์ในรุ่นนี้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของสมาร์ทโฟนรุ่น Mi MIX 3 ประกอบด้วยแม่เหล็กนีโอไดเมียที่ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด เมื่อสัมผัสหน้าจอ กลไกแม่เหล็กจะตอบสนองในเวลาอันรวดเร็วจากปริมาณแรงกดที่เหมาะสม เสี่ยวหมี่ได้ทุ่มเทความตั้งใจอย่างมากในการพัฒนากระบวนการผลิตและตรวจสอบในห้องทดลองการใช้งานแถบสไลด์มีอายุการใช้งานมากถึง 300,000 รอบ
ตัวเครื่องด้านหลังที่โค้งมนสวยทั้งสี่ด้าน ฝาหลังเซรามิคโค้งมนสวยทั้งสี่ด้าน Mi MIX 3 ยังคงเอกลักษณ์การใช้วัสดุที่ไม่เหมือนใครด้วยการออกแบบสุดพิเศษ และยังเพิ่มสีใหม่คือสีฟ้าไพลินที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคอลเลกชันเซรามิกในพิพิธภัณฑ์พระราชวังชิ้นเซรามิคเหล่านี้มีความงดงามผ่านกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถันและได้รับการควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ
Xiaomi Mi Mix 3 มาพร้อมกล้องคู่ด้านหลัง 12MP + 12MP ที่มาพร้อมมีฟีเจอร์เด็ดๆ อีกมากมาย เช่น การลดเสียงรบกวน, การปรับภาพให้สวยงามในทุกแสง, AI วัดแสงและการปรับเสถียรภาพ AI ควบคู่ไปกับ OIS 4 แกนของกล้องคู่หลัง
Mi MIX 3 ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดของเสี่ยวหมี่ สำหรับภาพถ่ายที่มีแสงปริมาณน้อยจนถึงแสงปกติ ทั้งกล้องคู่ด้านหลังยังมีการบันทึกวิดีโอขนาด 4K และการจับภาพวิดีโอได้ถึง 960 เฟรมต่อวินาที และด้วยคุณลักษณะพิเศษของ AI ที่จะช่วยเพิ่มเพลงพื้นหลังได้โดยอัตโนมัติตามจังหวะการเคลื่อนไหวในวิดีโอ นอกจากนี้ยังได้คะแนนจาก DxO Mark สูงถึง 108 คะแนน
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ด้านหลัง
มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์ในชื่อฟีเจอร์ AI scene recognition features ที่ช่วยให้การถ่ายภาพของคุณกลายเป็นเรื่องกล้วยๆ เพราะมันสามารถแยกรูปแบบของวัตถุ และสภาพแวดล้อมที่ต่างกันได้อย่างชาญฉลาด
โลโก้ Mix สีทอง
สรุปความประทับหลังจากได้ลองเล่น Xiaomi Mi Mix 3 แบบสั้นๆ
เรียกว่าฟังก์ชันสไลด์หน้าจอใน Xiaomi Mi Mix 3 สามารถเรียกความสนใจได้เยอะมากๆ เพราะนอกจากจะสไลด์หน้าจอเพื่อเรียกใช้งานกล้องแล้วมันยังสามารถสไลด์เพื่อรับสายหรือปรับแต่งฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ตามใจชอบ
การที่มันสามารถสไลด์หน้าจอได้ทำให้ตอนได้ลองเล่นรู้สึกได้ถึงอดีตตอนใช้มือถือรุ่นเก่าๆ ของโนเกียเป็นการรำลึกความหลังได้อย่างดี แต่มันก็มีข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ แอบอยู่เหมือนกันนะด้วยตัวเครื่องด้านหลังเป็นเซรามิก ทำให้เป็นคราบและรอยนิ้วมือง่ายมาก แถมค่อนข้างเช็ดยากไปนิด...และน้ำหนักเหมือนจะหนักจนรู้สึกได้
เสียดายที่มีโอกาสทดลองเล่นแค่ไม่นานทำให้ยังบอกไม่ได้ว่ากล้องของ Mi Mix 3 จะถ่ายรูปออกมาได้น่าประทับใจแค่ไหน เอาเป็นว่าหากเข้ามาเมืองไทยอย่างเป็นทางการเมื่อไร ทางทีมงาน Sanook! Hitech จะรีบหาเครื่องมาทำการรีวิวเชิงลึกให้ได้อ่านกันอีกครั้ง
Xiaomi Mi MIX 3 จะมีวางจำหน่ายทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเขียวหยก (Jade Green), สีน้ำเงิน (Sapphire Blue) และสีดำ (Onyx Black) หลายความจุให้เลือก ทั้ง RAM 6, RAM 8, RAM 10GB และหน่วยความจำ 128GB, 256GB และในกล่องยังมีอุปกรณ์ wireless charging 10W แถมมาให้อีกด้วย
Mi MIX 3 มีจำหน่าย 3 สี ประกอบไปด้วย สีเขียวหยก (Jade Green), สีฟ้าพลอย (Sapphire Blue) และสีดำนิล (Onyx Black) โดยจะเริ่มจำหน่ายในประเทศจีน วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยราคาจะอยู่ที่
- 6GB + 128GB ในราคา 15,643 บาท
- 8GB +128G ในราคา 17,066 บาท
- 8GB + 256GB ในราคา 18,963 บาท
- 10GB + 256GB (Palace Museum Edition) ในราคา 23,704 บาท
สำหรับราคาและช่วงเวลาในการจัดจำหน่ายในประเทศไทยจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง