รีวิว "Huawei Mate 20 X" ชายกลางร่างยักษ์จากบ้าน Mate 20 Series เอาใจคอเกมมือถือ ราคาลงตัว
สวัสดีครับกลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook! Hitech กันอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เรายังอยู่กับ Huawei Mate 20 Series รอบนี้เป็นเรื่องของพี่คนกลางที่ได้จอใหญ่สุด เสียงดังสุด แบตฯใหญ่สุด และการใช้งานนี้จะมีประสบการณ์อย่างไร พบกันเลยกับ Huawei Mate 20 X อยากรู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง มาชมรีวิวกันเลย
เปิดกล่องของ Huawei Mate 20 X
ภายในกล่องของ Huawei Mate 20 X จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- ตัวเครื่อง Huawei Mate 20 X พร้อมกับเคสใส
- เข็มสำหรับปลดล็อคถาดใส่ซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น แนะนำว่า ควรอ่านก่อนที่จะใช้งาน จะได้มีความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมือถือรุ่นนี้
- สาย USB-C แบบรองรับเทคโนโลยี Super Charge
- สายหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร เนื่องจากรุ่นนี้ยังให้ช่องเสียบหูฟังพื้นฐานอยู่
- Adaptor รองรับกำลังไฟที่ 22.5 W ซึ่งแม้จะไม่ได้เร็วเหมือนกับรุ่นท็อป แต่ก็ไวกว่ามือถือใน Class เดียวกัน
ภาพรวมอุปกรณ์ถือว่าครบครัน และรุ่นนี้ยังคงให้ช่องเสียบหูฟังมาให้อยู่ ทำให้ตัวแปลง USB-C เป็น ช่องเสียบหูฟังก็เลยตัดออกไป ส่วนที่ชาร์จ (Adaptor) ก็เป็นอีกจุดที่แตกต่างกับ Mate 20 Pro ที่ให้กำลังน้อยกว่า แต่มันเท่ากับ Mate 10 Pro และ Huawei Mate 20 รุ่นปกติ ไม่ถึงกับให้มาน้อย แต่ก็ไวกว่ายี่ห้ออื่นอยู่มาก
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ Huawei Mate 20 X
สำหรับ Huawei Mate 20 X ถือว่าเป็นมือถือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ Huawei ที่ยังคงเรียกว่ามือถือ เพราะหน้าจอขนาดใหญ่ที่ให้มาถึง 7.2 นิ้ว แบบ OLED พื้นที่ของหน้าจอนั้นแทบจะกินไปจนสุดขอบเลยก็ว่าได้ แต่มีการปาดขอบข้างบนเป็นลายหยดน้ำ โดยสีของหน้าจอนั้นแสดงออกมาสดใส คมชัด และเหมาะกับการใช้ดูหนังและเล่นเกมเป็นที่สุด น่าเสียดายที่ความละเอียดหน้าจอรุ่นนี้กลับให้แค่ FHD+ (2240x1440 พิกเซล) ไม่เหมือนรุ่นพี่อย่าง Mate 20 Pro ที่ให้แบบ QHD+ (3120x1440 พิกเซล) น่าจะเป็นข้อจำกัดของเทคโนโลยีหน้าจออยู่ และ อัตราส่วนหน้าจอแบบ 18.7:9 ถือว่าไม่ได้สุดเมื่อเทียบกับเรือธงทั่วไป แต่ก็แลกกับการจะทำให้ Interface และ ตัวอักษรใหญ่เองแบบอัตโนมัติ
มาดูข้างบนของตัวเครื่องกันหน่อย ก็ยังคงให้ติ่ง ล้อมกล้องขนาด 24 ล้านพิกเซลเอาไว้เหมือนเดิม ทำให้เซนเซอร์ติดรอบกล้อง ส่วนไฟแจ้งเตือนมีการแอบไปใส่กับลำโพงสนทนาที่อยู่บนสุดของเครื่อง นอกจากนี้หากใครรำคาญติ่ง หรือ Notch ก็สามารถกดปิดได้ที่ Setting > Display > More Display Setting > Notch ให้หน้าจอเป็นสีดำเรียบเสมอกันก็ทำได้
ขอบหน้าจอด้านล่างของ Huawei Mate 20 X ถือว่าบางกว่ามือถือรุ่นอืนๆ จนเรียกได้ว่าแทบจะเป็นการถือหน้าจอมากกว่ามือถือและรู้สึกเนียนไปกับเครื่อง ส่วนการควบคุมนั้นสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งของปุ่มได้ ที่ Setting > System > System Navigation สามารถได้ว่าจะเป็นการปัด (Gesture) การทำงานจะปัดซ้ายขวาเพื่อย้อนกลับหรือสลับ Apps, ปัดขึ้น เพื่อกลับหน้าหลัง, ปัดขึ้นค้างเพื่อเลือก Recent Apps ใช้ทางซ้ายสุดปัดขึ้น เรียก Google Assistant ทำงาน หรือจะจเปลี่ยนเป็น 3 ปุ่มแบบในภาพ ก็จะใช้งานแบบง่าย และมี Navigation Dock หรือ ปุ่มลอยเหมือนกับของ iPhone ไว้ควบคุมเครื่องได้เช่นเดียวกัน
ขอบเครื่องออกแบบให้บางลง เมื่อเทียบกับขนาดเครื่อง ถึงแม้ว่าจะต้องเผื่อพื้นที่ให้กับลำโพงก็ตาม ปุ่มกดทั้งหมดอยู๋ที่ฝั่งข้างขวาของเครื่งออกแบบด้วยการใช้สีที่ปุ่ม เปิด ปิด เครื่องเป็นสีแดง บอกถึงว่ารุ่นนี้ใช้กล้อง Leica ซึ่งมีแบบนี้ตั้งแต่รุ่น P9 Plus แล้ว ส่วนการกดสัมผัสปุ่มปรับระดับเสียง มีจังหวะที่ดี หนักแน่น และกดง่าย
ช่องใส่ซิมแบบ Nano SIM อยู่ทางฝั่งข้างซ้าย โดยจะต้องเอาเข็มจิ้มถาดใส่ซิมเพื่อปลดล็อคออกมา ลักษณะถาดจะเหมือนกับ Huawei Mate 20 Pro คือด้านบนจะใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM เมื่อพลิกมาด้านล่างนอกจากจะใส่ซิมการ์ดใบที่ 2 ได้แล้วยังสามารถใส่ NM Card (Nano Memory Card) ได้ แต้ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ด้านบนยังคงมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm. มาให้พร้อมกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนภายนอก, IR Blaster ไว้ควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าผ่าน Apps ซึ่งจะอธิบายต่อในลำดับถัดไป ส่วน 4 จุดใหญ่ของเครื่องมันคือลำโพงตัวเครื่องที่รุ่นนี้พิเศษตรงที่มีลำโพงคู่ ขนาดใหญ่
ซึ่งทำให้ด้านล่างของเครื่องก็จะมีลำโพงวางตำแหน่งเดียวกัน พร้อมกับไมโครโฟนทั้งหมด 2 ตัวและ USB-C ไว้สำหรับเชื่อมต่อข้อมูล ชาร์จไฟเครื่อง และยังเสียบอุปกรณ์ภายนอกเช่น USB Dual Drive ได้เช่นเดียวกัน
พลิกมาด้านหลังเครื่องกันก่อน การดีไซน์ของฝาหลังที่เป็นกระจกแม้จะลื่นตอนไม่ใส่เคส แต่ออกแบบให้รับกับมือเราเพราะปาดโค้งเล็กน้อย มาพร้อมกับกล้องข้างหลังแบบ 4 dot Design วางตำแหน่งเหมือนกับ Mate 20 Pro แตกต่างจาก P20 Pro ที่นำกล้องมาเรียงเป็นแนวตั้ง การออกแบบลักษณะนี้ลดพื้นที่ของส่วนบนและวางอะไรได้มากมาย รวมถึงระบบสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ใต้ตำแหน่งกล้องผมว่าจุดนี้เหมาะสมกับการใช้ปลดล็อคหน้าจอของเครื่องได้สะดวกที่สุด
เทคโนโลยีกันน้ำแบบ IP53
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กันน้ำได้ดีเหมือนกับ Huawei Mate 20 Pro เขา แต่อย่างน้อย Huawei ก็ใส่เทคโนโลยีกันน้ำสาดแบบ IP53 แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยเรื่องตกน้ำ แต่อย่างน้อยหากคุณนำมือถือไปใช้งานแล้วถูกพนักงานเล่นสงกราน์ใส่มือถือคุณแบบไม่คา่ดฝัน อย่างน้อยก็สามารถป้องกันได้ดีเช่นเคย
น้ำหนัก / ฟีลลิ่งการถือ / สีสันที่เข้าจำหน่ายในประเทศไทย
แม้ว่าเป็น Huawei Mate 20 X คือรุ่นใหญ่สุดที่ได้หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 7.2 นิ้ว แต่ด้วยการออกแบบให้ขอบหน้าจอชิดสุดของ Huawei Mate 20 X จึงเปรียบเหมือนกับมือเครื่องขนาด 6 นิ้วเท่านั้น และน้ำหนักของมันก็หนักกว่ามือถืออย่าง Mate 20 เล็กน้อย แทบจะไม่รู้สึกเลยว่ามันหนักเท่าไหร่ และออกแบบอัตราส่วนได้สมดุล เครื่องแบนราบ เรียกได้ว่าเป็นอีกเมือถือรุ่นหนึ่งที่น้ำหนักเบากว่าความเป็นจริงที่ได้สัมผัส
สีสันของเครื่องมีให้เลือกทั้ง Midnight Blue ซึ่งเป็นสีที่ได้รีวิว ออกโทนที่เข้มและมีพลัง แต่จะมึดกว่า Mate 10 Pro และ Phantom Sliver จะเป็นสีเงิน ออกม่วงๆ เมื่อโดนไฟ ก็จะทำให้เครื่องดูกว้างและใหญ่
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์ของ Huawei Mate 20 X
รายละเอียดสเปคของ Huawei Mate 20 X
- มาพร้อมหน้าจอไร้ขอบขนาด 7.2 นิ้ว มาพร้อมจอ OLED display, ความละเอียด 2240x1080 พิกเซล อัตตราส่วน 18.7:9
- ขนาด 174.6 x 85.4 x 8.2 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 230 กรัม
- มาตรฐานกันน้ำ / กันฝุ่น : IP53
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 (Pie)
- หน่วยประมวลผล : Kirin 980 Octa Core
- หน่วยความจำแรม (RAM) 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) 128GB รองรับ Nano Memory Card
- รองรับการทำงาน 2 ซิม (Dual SIM ที่ต้องสลับกับ NM Card)
- กล้องด้านหลัง Leica 3 ตัว
- กล้องตัวแรก มาพร้อมความละเอียด 40 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/1.8, เลนส์ขนาด 27 mm. เซนเซอร์ขนาด 1/1.7 , PDAF Wide Lens + PDAF, Laser Focus
- กล้องตัวที่ 2 มาพร้อมความละเอียด 20 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/2.2, เลนส์ขนาด 16 mm. เซนเซอร์ขนาด 1/2.4 (ultrawide) + PDAF, Laser Focus
- กล้องตัวที่ 3 มาพร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/2.4 Telephoto + PDAF + Laser Focus + OIS, - กล้องด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/2.0
- พอร์ตชาร์จ USB-C รองรับ Super Charge 22.5W
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh (Standard Battery)
- สแกนนิ้วด้านหลัง และมีระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D
- สี: Midnight Blue, Phantom Silver
- ราคา: 28,990 บาท
ในเรื่องสเปคของ Huawei Mate 20 X มีเรื่องที่เหมือนกับ Mate 20 Series อยู่นั่นคือ CPU Kirin 980, ให้ RAM 6GB, ความจำระดับ 128GB หากไม่พอก็สามารถซื้อการ์ด NM Card มาเพิ่มได้ ความแตกต่างจะอยู่ที่แบตเตอรี่ และขนาดหน้าจอรวมถึงความสามารถของลำโพงที่ Mate 20 X ให้คุณ ได้มากกว่าเพื่อน
ประสิทธิภาพที่เหมาะกับการเล่นเกม
เมื่อทีม Sanook! Hitech ได้นำ Huawei Mate 20 X ไปทดสอบเรื่องของประสิทธิภาพ เริ่มจากการกด Benchmark ผ่าน Antutu ทำได้คะแนนที่ 305,945 เรียกได้วใกล้เคียงกับ Huawei Mate 20 Pro ที่ได้คะแนนเกือบ 3 แสน และได้สเปคเดียวกัน
อีกโปรแกรมหนึ่งที่น่าสนใจคือ Geekbench 4 ผลที่ออกมาคือ คะแนนแบบ Single Core 3341 คะแนน ส่วน Multi Core 9802 คะแนน สูงขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว
ทำให้เมื่อต้องนำไปใช้เล่นเกม โดยผมเลือกเกม Asphalt 9 มาเล่น ซึ่งการทำงานลื่นไหลและรองรับการแสดงผล GPU Turbo ก็เพิ่มความลื่นไปอีกขึ้นหนึ่ง และเมื่อลองเล่นเกมบางตัวไม่ได้รองรับ GPU Turbo ใน Huawei Mate 20 X ก็แสดงผลได้ดี แค่รุ่นนี้ได้ขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ทำให้เล่นเกมแล้วติดใจ เพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนกับยกเครื่องเล่นเกมพกพาไปไหนมาไหน
สิ่งที่เด่นของ ในจุดนี้คือเรื่องระบบระบายความร้อน Huawei SuperCool ที่นำเทคโนโลยี Vapour Chamber (VC) และ Graphene Film มาติดตั้งลงไป ผลที่ได้คือเครื่องที่เย็นลงเมื่อใช้งาน CPU อย่างหนัก
การเชื่อมแต่และการบอกตำแหน่ง
ไม่พูดถึงเรื่องการเชื่อมต่อคงไม่ได้แน่นอน เพราะ Huawei Mate 20 Series ออกแบบให้เสาอากาศของตัวเครื่องรองรับ 4G LTE - Advance ทำให้อินเทอร์เน็ตมือถือที่ออกมาทำได้รวดเร็วและใช้งานได้ พร้อมรองรับ WiFi 802.11 AC ความเร็วสูง รวมไปถึงการที่ได้ GPU ในรูปแบบ Dual Band เพิ่มความแม่นยำในการใช้ระบบนำทาง โดยทีมลองกำหนดทั้งการเดินและใช้รถยนต์พบว่าความแม่นยำดีกว่ารุ่นเดิมชัดเจน ไม่พาหลังทางเหมือนแต่ก่อน
ฟีเจอร์ของระบบปฏิบัติการ และระบบความปลอดภัย
Huawei Mate 20 X มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่หาได้กับมือถือจาก Google และ ยี่ห้ออื่นได้น้อย ณ วันที่เขียนรีวิว และครอบด้วย EMUI 9.0 ที่แม้หน้าตาไม่ได้ต่างอะไรจาก Huawei รุ่นอื่นๆ แต่มีการปรับปรุงการทำงานให้เร็วขึ้น เช่นการช่วยให้เข้า Apps สามารถเรียกได้รวดเร็ว และรวมถึงระบบ High Responsive Engagement พัฒนาให้เครื่องลื่นไหวมากกว่าเดิม แถมยังปรับเปลี่ยน Theme ของหน้าตาได้หลากหลายขึ้น
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้น หากไม่พอใจกับปุ่มแบบเดิม ก็สามารถปรับมาเป็น Gesture ได้เช่นเดียวกัน หากต้องการเปลี่ยนให้เข้าไปที่ Setting > System > System Navigation โดยสามารถเลือกได้ทั้งหมด 2 รูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งคือ
- การปัด (Gesture) การทำงานจะปัดซ้ายขวาเพื่อย้อนกลับหรือสลับ Apps, ปัดขึ้น เพื่อกลับหน้าหลัง, ปัดขึ้นค้างเพื่อเลือก Recent Apps ใช้ทางซ้ายสุดปัดขึ้น เรียก Google Assistant ทำงาน
- 3 ปุ่มแบบเดิมทั้ง Back Home และ Recent
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกปุ่ม Navigation Dock หรือ ปุ่มลอยเหมือนกับของ iPhone ไว้ควบคุมเครื่องได้เช่นเดียวกัน
ระบบความปลอดภัยของ Hauwei Mate 20 X ให้มา 2 ระบบเช่นเคยได้แก่
ระบบสแกนลายนิ้วมือของเครื่องที่อยู่ด้านหลังและคุ้นเคยมาตั้งแต่ Huawei Mate 9 และ Mate 10 Pro ตำแหน่งนี้ถือว่าดีเพราะแตะยังไงก็ไม่โดนเลนส์กล้อง แน่นอนว่า Huawei Mate 20 X ยังคงให้แบบด้านหลังอยู่เหมือนเดิม แต่มันเร็วขึ้น แค่มันไม่ล้ำเหมือนกับรุ่น Mate 20 Pro ก็เท่านั้นเอง
อีกระบบคือสแกนใบหน้า Mate 20 และ Mate 20 X จะไม่มี Dot Projector และ IR เพื่อใช้ในการส่องและจับจดบนใบหน้า การทำงานจะคล้ายกับ Huawei P20 Series คือใช้กล้องหน้ามาช่วยในการปลดล็อค เมื่อลองใช้กับสถานที่แสงปกติถือว่าทำได้เร็ว แต่เมื่อแสงน้อยอาจจะช้าลง หรือ บางสภาพแสดงก็ไม่สามารถใช้งานได้
ระบบเสียงและการแสดงผลของหน้าจอ
ในเมื่อ Huawei Mate 20 X ได้เลือกใช้หน้าจอแบบ OLED ที่ให้สีสันที่สดใส ก็เลยแสดงผลทั้งภาพแบบสีและการดูหนังถือว่ามันส์และให้อารมณ์ราวกับพกทีวีรุ่นให้ติดมือก็ว่าได้ ติ่งด้านบนแม้ว่าจะยังคงมีแต่ด้วยขนาดเล็กเหมือนหยดน้ำเลยไม่ได้บังอะไรมากมายนัก เมื่อแสดงผลแบบเต็มจอ และรองรับ HDR10 และคุณภาพสีสดระดับ DCI-P3
และอีกเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้สำหรับ Huawei Mate 20 X ก็คือ เป็น Mate 20 Series เพียงรุ่นเดียวที่รองรับปากกา M Pen ซึ่งออกแบบให้วาดเขียนได้พร้อมกับหัวให้เปลี่ยน 2 รูปแบบ ซึ่งการเขียนนั้นปากกาใหญ่ เป็นรองแค่ Apple Pencil คุณภาพจัดว่าดีเพราะวาดเส้นสวยและรองรับแรงกด 4,096 ระดับ ฟิลลิ่งถือว่าสอบผ่าน แค่หัวปากกาไม่ได้ใช้ยาง ข้อดีคือทน ข้อเสียคือ ยังไม่ได้ Feeling เหมือนกระดาษอย่างที่คู่แข่งทำได้ ก็เท่านั้นเอง แบตเตอรี่ของปากกายังคงต้องเสียบชาร์จ แต่ว่า 1 ครั้งอยู่ได้นานพอสมควร แต่การชาร์จไฟกลับด้วย USB-C ถือว่าทันสมัย และข่าวดีคือ ปากกาแถมมากับ Huawei Mate 20 X ทุกตัว
แต่หากทำหายหายแค่ควักตังค์ออกมาแท่งละ 1,090 บาท ก็ได้ M Pen กลับมาใช้งานแล้ว
ระบบเสียงของเครื่องแทบไม่ต้องเป็นห่วงเพราะแยกลำโพง Stereo มาทั้ง 2 ฝั่ง ให้เสียงที่ดังและคมชัดที่สุดเมื่อเทียบกับ Huawei Mate 20 Series รุ่นอื่น ข่าวดีก็คือ ยังรองรับการปรับแต่งเสียบผ่าน Dolby ATMOS และยังให้ช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มาให้อยู่ แต่ก็สามารถนำหูฟังแบบ USB-C มาใช้งานได้ และ Bluetooth V5.0 สำหรับใช้กับหูฟัง ซึ่งจะมีการบอกปริมาณแบตเตอรี่ให้ทราบโดยไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรเพิ่มให้หนักเครื่อง
เปิดกล้องลองประสิทธิภาพ
มาถึงอีก Hilight ของ Huawei Mate 20 Series คือกล้องหลังให้มาเท่ากันคือ 3 ตัวจาก Leica แต่ว่าจะเน้นเลนส์แบบปกติ 1, เลนส์แบบ Ultra Wide และ Tele Photo ซึ่งรายละเอียดของกล้องหลังใน Huawei Mate 20 X มีดังนี้
- กล้องหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8, ช่วงเลนส์ 27mm (wide), เซนเซอร์ขนาด 1/1.7", PDAF/Laser AF
- กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล,รูรับแสง f/2.2, ช่วงเลนส์ 16mm (ultrawide), เซนเซอร์ขนาด 1/2.7", PDAF/Laser AF
- กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.4, ช่วงเลนส์ 80mm (telephoto), เซนเซอร์ขนาด 1/4", ระยะการซูมเท่ากับ 5x optical zoom, OIS, PDAF/Laser AF
ทำให้ Huawei Mate 20 X มีระยะการซูมที่หลากหลาย เริ่มจากการถอยห่างได้มากถึง 0.6 mm ได้มุมกว้างแบบสุดขีด ระยะปกติ และระยะซูมไกลได้ด้วยเลนส์ขนาด 5 เท่า ที่ Huawei เรียกว่า Hybrid Zoom และมีโหมดการทำงานของกล้องที่น่าสนใจตั้งแต่
การทำงานของ Auto Mode รวมกับ Master AI
รูปแบบการทำงานของกล้องเริ่มจาก Auto With Master AI ปรับปรุงใหม่ล่าสุดที่สามารถเรียนรู้รูปแบบในการถ่ายภาพ 25 โหมด และมีโหมดมากถึง 1,500 ซีน เรียกได้ว่าเยอะมากกว่าแต่ก่อน ถามว่าแล้วกล้องเลือกโหมดถูกได้อย่างไร คำตอบคือการใช้ Dual NPU ทำให้ภาพที่ออกมานั้นมีความเทืี่ยงตรงมากขึ้นเช่น เมื่อส่องภาพพระอาทิตย์ตก ก็จะขึ้นโหมด Sun Set, สลับไปที่คนก็จะเป็น Portrait เรียกว่ามันง่ายมาก
เมื่อเทียบกับภาพในโหมด Auto ปกติ ก็ให้รูปแบบการถ่ายภาพที่ดีและใกล้เคียง แต่ขาดเรื่องของสีที่ยังไงการปรับโหมดอัตโนมัติของ Master AI ก็จะให้สีอารมณ์ของภาพเป็นไปตามโหมดที่ได้ส่องไป
Super Ultra Wide / Super Marco
ในโหมด Auto พร้อมกับ Master AI ก็จะสามารถเลือกการทำงานของระบบซูมได้อัตโนมัติตามสถานการ์สำคัญคือ AI จะเลือกเลนส์ที่เหมาะสมกับการใช้งานออกมราาทันที เมื่อเครื่องขึ้นมาเป็น Super Wide Angle เราก็สามารถกดระยะปกติ หรือระยะ Wide ได้ง่ายและสะดวกขึ้น
อีกรูปแบบที่น่าสนใจคือนอกจากจะระยะ Wide ได้แล้ว ยังสามารถถ่ายภาพ Marco หรือ โหมดเข้าใกล้ได้เช่นเดียวกัน โดยสามารถเข้าใกล้ได้มากจนกล้องใหญ่บางตัวยังอายไปเลย
Night Mode / Aperture
จุดเด่นของ Huawei ที่มีมานานแล้วคือเรื่องการถ่านภาพกลางคืนด้วยโหมด ที่มีการเลือก ISO ได้ฉลาด แต่เมื่อถ่ายลักษณะของการถ่ายภาพจะเป็นการค่อยๆ ปรับ Speed Shutter ทำให้ภาพออกมาสว่างและเก็บรายละเอียดได้แม่นยำ แต่ถ้าคิดว่านั่นหมดแล้ว Huawei ยังให้โหมด Light Painting มาให้วาดไฟได้หลายแบบด้วย
ส่วนการถ่ายภาพแบบหนัาชัดหลังเบลอนอกจาก Portrait ที่ถ่ายภาพบุคคลสามารถปรับรูปแบบทั้งวงที่ละลาย หรือจะเป็นการเพิ่มฉากเข้าไปที่หน้าของคนแล้ว ยังมี Beauty Mode ปรับได้ ส่วนวัตถุใช้ Aperture ในการปรับละลายหลังแทน โดยปรับได้ละลายหลังมากที่สุด F 0.95 กันเลยทีเดียว
ถ่ายวิดีโอด้วย Huawei Mate 20 X ดีไหม
พูดถึงเรื่องของการถ่ายวิดีโอด้วย Huawei Mate 20 X กันดีกว่า ยังคงรองรับการถ่ายวิดีโอได้แบบ 4K 60FPS ถือว่ามากสุดในระดับมือถือทั่วไป และยังมีลูกเล่น AI คราวนี้จะมาเรียนรู้สีของภาพ แล้วปรับแต่งภาพตามการแสดงผลของสีวัตถุได้ และมาพร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหว ที่พูดเลยว่าใช้งานได้ดีเลย
นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายวิดีโอในรูปแบบอื่น รองรับการถ่ายวิดีโอหลายแบบทั้ง Slowmotion, วิดีโอปกติ และ Slowmotion ได้เช่นเดียวกันมือถือในระดับเดียวกัน
ฟีเจอร์อื่นๆ ของกล้องหลัง
นอกจากฟีเจอร์กล้องที่ได้กล่าวไปบางส่วนแล้วก็ยังมีโหมดการถ่ายภาพที่สามารถเลือกรูปแบบของสีสันของภาพ (ฟิลเตอร์)ได้มากขึ้นทั้งแบบขาวดำ แม้ว่าจะไม่ได้มีเลนส์ขาวดำให้เหมือนเมื่อก่อนแต่ฟิลเตอร์ที่ให้ก็สามารถถ่ายภาพขาวดำออกมาได้สวยเช่นเคย
หมายเหตุ : ภาพตัวอย่างของ Huawei Mate 20 X สามารถกดดูเพิ่มเติมจาก Gallery ด้านล่าง
กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซลถ่ายดีไหม ?
พูดถึงกล้องหลังก็เยอะแล้ว มาดูกล้องหน้ากันดีกว่า สำหรับกล้องหน้าของ Huawei Mate 20 X ให้มาในความละเอียด 24 ล้านพิกเซล และเป็นรุ่นเดียวกับ Huawei Mate 20 Series ซึ่งมีจุดเด่นด้านลูกเล่นที่ใส่มาให้เช่นการปรับแต่งหน้าที่สามารถหลากหลายและยังสามารถละลายหลังระหว่างการถ่ายรูปได้
นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้เล่น Animation อย่าง 3D Qmoji ที่มีตัวการ์ตูนให้เลือกเยอะกว่า Mate 20 Pro ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถสร้าง Animation ด้วยวัตถุได้
แบตเตอรี่และอายุการใช้งานประจำวัน
สำหรับแบตเตอรี่ของ Huawei Mate 20 X ให้มาจัดเต็ม ด้วยขนาด 5000 mAh ทีม Sanook! Hitech ได้มีการทดลองใช้เต็มแบบ 1 วันไม่ต้องชาร์จไฟ เริ่มจากเวลา 7 โมงเช้าถอดปลั๊กออกไปจนถึง 4 ทุ่มพบว่าแบตเตอรี่เหลืออยู่ 40% ถือว่าทนมากสมกับที่ให้ก้อนใหญ่มา
นอกจากนี้ในหน้าตา Interface ดูแลแบตเตอรี่ก็มีมาให้ครบทั้งปริมาณไฟฟ้าที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ หรือจะปรับโหมดที่เหมาะกับการใช้งานได้ทันที เช่นถ้าเล่นเกม เมื่อเปิด Performance Mode การงานเครื่องจะเร็วขึ้น 20% และมีระบบปรับรูปแบบความละเอียดของหน้าจอด้วย
ส่วนการจ่ายไฟกลับเข้าไปในเครื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่มีระบบ Wireless Charge หรือระบบชาร์จไฟ Super Charge แบบ 40W เหมือนกับ Mate 20 Pro แต่ก็ให้ระบบ Super Charge 22.5W เป็นชนิดเดียวกับ Mate 10 Pro และ Mate 20 การชาร์จไฟกลับเข้าไป ได้ลองเมื่อแบตเตอรี่เหลือ 20% พบว่า สามารถทำให้ชาร์จไฟเต็มได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที เท่านั้น เรียกได้ว่าแม้แบตเตอรี่ก้อนใหญ่ แต่ก็สามารถจ่ายไฟกลับได้เร็วเหมือนกันนะ แต่อาจจะไม่ทันใจเท่ากับ Huawei Mate 20 Pro
สรุปหลังจากทีมงาน Sanook! Hitech ได้สัมผัส Huawei Mate 20 X ในระยะเวลาหนึ่ง
ปิดท้ายกับรีวิวด้วยการบอกราคาของ Huawei Mate 20 X ถูกตั้งไว้ที่ 28,990 บาท (ซื้อกับผู้ให้บริการก็จะลดลงไปอีก แต่ก็มีสัญญา ต้องคิดให้ดี) เมื่อทดลองใช้งานกันมาต้องบอกว่า Huawei Mate 20 X เปรียบได้กับ Tablet ที่ย่อขนาดแต่มีประสิทธิภาพสูงจนอยู่ในเกรดที่ใช้งานได้อย่างดี แม้ว่าจะลดทอนความล้ำจาก Huawei Mate 20 Pro ลงไปหน่อย ถ้าไม่คิดมากเกี่ยวกับฟีเจอร์ทั้งสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ, สแกนใบหน้าแบบ 3D ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน และเทคโนโลยีต่างๆ ที่มี และกับการใช้งานจริง แต่ต้องยอใรับกับหน้าจอที่ใหญ่ แต่มีปากกามาให้ Huawei Mate 20 X ดูท่าจะคุ้มค่าสุดแล้วล่ะครับ
คู่แข่งของมือถือรุ่นนี้ก็มีทั้ง Samsung Galaxy Note 9, iPhone XS max และรวมไปถึงมือถือตระกูลจอใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งหากยากมาก ทำให้ Huawei Mate 20 X เป็น Sector ใหม่ของการเลือกมือถือที่อยากจบทั้งการได้มือถือที่ดีและ Tablet ขนาดพกพาสะดวกนั่นก็เป็นไปได้ เหลือแค่คุณจะรับกับจุดเด่น และ ข้องสังเกตุจากข้างล่างได้หรือไม่ก็เท่านั้นเอง
จุดเด่นของ Huawei Mate 20 X
- หน้าจอใหญ่โตและสวยงามสดใสอย่างแรง
- ลำโพงคู่ให้พลังเสียงดังมากและยังได้ระบบเสียงดีเช่นเคย
- แบตเตอรี่อึดมาก และชาร์จไฟไว
- ประสิทธิภาพของเครื่อง แรง!!!
- ยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm. อยู่
- ราคาถูกและดูน่าใช้
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับการจ่ายไฟแบบ Super Charge 40W
- กันน้ำได้แค่ IP53
- ตัวเครื่องใหญ่โตน้ำหนักต้องมากตาม
- ความละเอียดของหน้าจอน้อยไปหน่อย
- ปากกาไม่สามารถใส่กับตัวเครื่องได้
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ