รีวิว "Samsung Galaxy S10+" กับ 10 ปีของการพัฒนาจนกลายเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่ทุกคนรอคอย
Samsung Galaxy S10+
กลับมาพบกับรีวิว Gadget และ Smart Phone จากทีม Sanook! Hitech กันอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ทางทีมได้รับมือถือที่หลายคนรอคอยอย่าง Samsung Galaxy S10+ ท็อปสุดของ Samsung ช่วงนี้ กับการพัฒนาในหลายเรื่องเลยทีเดียว มาดูกันว่ากับการลองใช้จะมีเรื่องชอบหรือไม่
เปิดกล่อง Samsung Galaxy S10+
สมกับการเป็นเรือธงต้องมาดูกันว่า ในกล่องของมือถือระดับราคา 3 หมื่นบาทมีอะไรบ้าง แต่ก่อนอื่น หน้ากล่องจะออกเป็นสีตามสีของเครื่อง ยกเว้นสีดำที่จะไม่ได้ให้สีดำแบบจริงๆ
- ตัวเครื่อง Samsung Galaxy S10+
- หูฟัง AKG
- ตัวแปลง USB-C เป็น USB-A เพื่อย้ายข้อมูล
- ตัวแปลงจาก USB-C เป็น Micro USB
- คู่มือ
- เคสใส
- ปลั๊กชาร์จไฟ Fast Charge
- สายเคเบิล USB-C
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ Samsung Galaxy S10+
เริ่มต้นกับด้านหน้าจอกันสักหน่อย กับครั้งแรกของ Samsung กับหน้าจอ Super AMOLED แบบเจาะรู ที่เรียกว่า Infinity O Display แต่ว่าความพิเศษคือ มันผลิตยาก ขึ้นเพราะมันเป็นการเรียก OLED ให้ตรง ซึ่งหน้าจอรุ่นนี้มีกล้องอยู่มุมซ้ายและจอสุดขอบจริงๆ มาพร้อมกับการรองรับมัลติทัชได้ 10 จุด แต่การแสดงผลจอนั้นดีหรือไม่ ขอเก็บไว้เล่าในลำดับถัดไป ทั้งหมดครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 6 ใหม่ล่าสุด
ส่วนบนของหน้าจอจะมีการติดตั้งเซนเซอร์ proximity, Light Sensor ที่แอบซ่อนไว้ด้านบน แต่ว่าสิ่งที่หายไปจากรุ่นเก่าเยอะเหมือกันไม่ว่าจะเป็น ไฟแจ้งเตือนแบบ LED และ เซนเซอร์จับใบหน้าทั้งหลายรวมไปถึง Iris Scan เพราะยังไม่สามารถติดตั้งกับหน้าจอแบบนี้ และมีกล้องหน้าคู่ความละเอียด 10 + 8 ล้านพิกเซล และมีลำโพงสนทนา ที่มีขนาดกว้างขึ้น ส่งผลให้เสียงดีขึ้น
ส่วนล่างของหน้าจอจะมีปุ่มสำหรับกดสั่งงานทั้ง Recent ไว้สำหรับสลับ Application, Home กลับหน้าหลัก และ Back แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนจะต้องเข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า) > Display (จอภาพ) > Navigation Bar (แถมการนำทาง) จะสามารถเปลี่ยนได้ 2 แบบคือ
- แบบปุ่มอย่างที่เห็นในหน้าจอ
- แบบปัด หรือ Full Screen Gesuture ที่ปัดปุ่ม Home ค้างจะสามารถเรียก Google Assistant ได้
ขอบด้านข้างยังมีความเงางามสวยและออกแบบให้รับกับมือ และยังคงใช้เฟรมโลหะแบบอะลูมิเนียมเกรด 7000 ที่มีความแข็งแรงสูง ประกอบไปด้วยฝั่งซ้ายจะมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม เรียกคำสั่ง Bixby Voice แต่สามารถเปลี่ยนไปเปิดโปรแกรมอื่นได้
ฝั่งขวาจะมีปุ่ม เปิดปิด และ Standby ที่อยู่ตำแหน่งสูงพอสมควร เมื่อเทียบกับมือถือรุ่นอื่นของ Samsung
ส่วนบนจะมีเส้นเสาอากาศมาพร้อมกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และมีช่องใส่ซิมการ์ด และถาด Hybrid Slot สลับได้ทั้ง Micro SD และ Nano SIM ใบที่ 2
ล่างสุดมีทั้งช่องเสียบ USB-C พร้อมกับไมโครโฟนสนทนา, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และ ลำโพง ที่หน้าตาไม่ได้แตกต่างจากรุ่นอื่นของ Samsung โดยเฉพาะกลุ่มเรือธง
พลิกมาที่ด้านหลัง สำหรับคนใช้งานมือถือ Samsung อย่าง Galaxy S และ Note ยังคงเอกลักษณ์ด้วยกระจก Gorilla Glass 5 หรือ Ceramic ซึ่งขึ้นอยู่กับสีที่เลือก มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัวพร้อมกับ LED Flash และมีระบบสแกนลายนิ้วมือ โลโก้ Samsung แต่สำหรับเครื่องในประเทศไทยจะไม่มีโลโก้รุ่นมาให้ จะมีเฉพาะบางประเทศ
น้ำหนัก / ฟิลลิ่งการถือ / สีที่จำหน่ายในประเทศไทย
ความแปลกคือทุกสิ่งทุกอย่างดูเพิ่มเติมขึ้นทั้งขนาดหน้าจอ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่กลับพบว่าน้ำหนักเครื่องกลับเบากว่า Samsung Galaxy S9+ อีกทำให้ถือสบายและต้องนำไปใช้ถ่ายภาพ คล่องตัวมากขึ้นเลยครับ แต่ว่าผิวค่อนข้างลื่น ต้องระวังในเรื่องการถือ แนะนำว่าใส่เคสจะดีกว่า
ส่วนเรื่องการกันน้ำ กันได้แบบ IP68 ซึ่งลงน้ำได้จริงแต่ควรตากให้แห้งก่อนชาร์จไฟ และถ้าลงทะเลควรทำความสะอาดด้วยน้ำจืดตากให้แห้งประมาณ 5 ชั่วโมง ห้ามเป่าด้วยของร้อนเช่น ไดร์เป่าหัว เด็ดขาด
สำหรับสีสันของ Samsung Galaxy S10+ มีให้เลือกหลายสีมาก จะแยกออกเป็นดังนี้
- สำหรับรุ่น RAM 8GB / ความจำ 128GB จะมีสี Prism Green จะออกเป็นสีเขียวมรกต, Prism White สีขาวนวลแต่ไม่มุก, และ Prism Black ซึ่งเป็นสีที่ ทีม Sanook! Hitech ได้นำมารีวิว
- สำหรับรุ่น RAM 8 / ความจำ 512GB และ RAM 12GB / ความจำ 1TB จะมีสี Ceramic Black และ Ceramic White โดดเด่นที่ขอบเครื่องจะออกเป็นสี Rose Gold หรูหราขึ้นไปอีก
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์ของ Samsung Galaxy S10+
เปิดเครื่องมาแล้วพบว่าการเปิดเรียกระบบปฏิบัติการทำได้รวดเร็วมาก โดยสเปคของ Samsung Galaxy S10+ มีรายละเอียดดังนี้
รายละเอียดของ Samsung Galaxy S10+
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 157.6 x 74.1 x 7.8 มม.
- น้ำหนัก: 175 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : IP68 ลงน้ำได้ 1.30 เมตร นานสุด 30 นาที
- หน้าจอ: Super AMOLED ที่ Samsung เรียกว่า Dynamic AMOLED HDR+ แบบ Infinity O ขนาด 6.4 นิ้ว อัตราส่วน 19:9
- ความละเอียดหน้าจอ 3040 x 1440 พิกเซล (QHD+) ความหนาแน่น 522 ppi ป้องกันรอยด้วยกระจก Gorilla Glass 6
- ชิปเซ็ต Exynos 9820 + Mali G76
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie + One UI
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนนิ้วบนหน้าจอแบบอัลตราโซนิค (พร้อมเทคโนโลยีสแกน 3 มิติ)
- ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า
- กล้องหลัง 3 ตัว : 12 ล้านพิกเซล (f2.4, Telephoto) + 12 ล้านพิกเซล (f1.5, Wide) + 16 ล้านพิกเซล (f2.2, Ultra-Wide)
- กล้องหน้าคู่: 10 ล้านพิกเซล (f1.9) + 8 ล้านพิกเซล (f2.2)
- กันน้ำมาตรฐาน IP68
- แบตเตอรี : 4,100 mAh
- แรม/ความจุ : 8 GB/128 GB, 8 GB/512 GB, 12 GB/1 TB
- สี : Prism White, Prism Green, Prism Black เฉพาะรุ่น RAM 8/128GB, Luxurious Ceramic Black Luxurious Ceramic White เฉพาะรุ่น RAM 8/512GB และ RAM 12GB/1TB
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
สเปกเครื่องคงไม่ต้องพูดถึง ถึงความแรงว่ามันจะมากแค่ไหน แต่เท่าที่รู้คือมันหรูหราสวยงามอย่างยิ่ง จึงเป็นอีกมือถือที่ใครอยากได้ทั้งความเงาและเทคโนโลยีไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แต่ลูกเล่นของมันจะมีอะไรที่น่าสนใจ มาดูกันกับการทดสอบต่อไปนี้
การทดสอบประสิทธิภาพ / การลองเล่นเกม
จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรมวัดประสิทธิภาพจาก Antutu อยู่ที่ 332438 คะแนน เรียกได้ว่าหายใจรดต้นคอ iPhone แล้ว ขุมพลังอย่าง Exynos 9820 ถือว่าพัฒนาให้แรงกว่าเดิมได้ รวมถึงคู่แข่งหลายๆ รุ่นเลยครับ
ทางด้าน Geekbench 4 อยู่ที่ Single Core ที่ 4517 คะแนน และ Multi Core ที่ 10170 คะแนน เร็วที่สุดตั้งแต่ทดสอบมือถือมาเลยก็ว่าได้ ถ้านับกลุ่มที่เปิดตัวต้นปีนี้
ดังนั้นการเล่นเกมจึงไม่ต้องห่วงมาก เพราะมันมีระบบระบายความร้อนใหม่ที่ใช้ Vapor Chamber ช่วยลดความร้อนของเครื่องได้เท่ากับมือถือ Gaming เลยทีเดียว
ทดลองการเชื่อมต่อของ Samsung Galaxy S10+
สำหรับการเชื่อมต่อ Samsung Galaxy S10+ จัดเต็มและรองรับถึงอนาคตเช่น WiFi 802.11 AX หรืออีกชื่อคือ WiFi 6, Bluetooth V5.0 และมาพร้อมกับ GPS, A-GPS ที่ให้ความแม่นยำสูง เห็นจากการนำทางไม่หลุดจากเส้นทางไปไหนเลย
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ของเครื่อง / ความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้ Android 9.0 Pie และมาพร้อมกับ One UI ที่ปรับปรุงไม่ให้เกิดความรกรุงรัง จนเกินไป ส่งผลให้กินทรัพยากรเครื่องลดลง แต่ว่าสุดท้ายแล้วจะชอบหรือไม่ชอบก็ต้องลองใช้ดู ส่วนตัวถือว่ารับได้เพราะมีความง่ายอยู่ประมาณหนึ่ง แต่อาจจะไม่ได้สวยจบแบบเดิม
สำหรับลูกเล่นที่โดดเด่นของ Samsung Galaxy S10+ นอกจาก Tools ต่างๆ นั้นก็มีฟีเจอร์ดังนี้
- Bixby Routine เป็นการกำหนด สั่งเครื่องให้เครื่องทำงานอย่างไรเช่นการเชื่อมต่อ Bluetooth เมื่อไหร่, ปรับเสียงเท่าไหร่, เมื่อขับรถ จะให้เครื่องต้องทำอย่างไร หรือ เวลานานจะมีการเปิด Blue Light filter
- Bixby Vision จะเพิ่มในเรื่องของการนำอุปกรณ์จำลองมาแปะ เสริมได้เช่นซื้อทีวีให้ที่บ้านว่าสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ ส่วนในเรื่องของการเล่นเกม จะมาพร้อมกับ
- Unity Optimization Mobile ซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุด และมีระบบ Dolby ATMOS 3D ที่จะให้เสียงรอบทิศทาง
ในเรื่องระบบความปลอดภัยสำหรับการสแกนใบหน้า เป็นแบบรุ่นปกติ ซึ่งรองรับการสแกนกลางคืนเพราะหน้าจอเร่งแสงให้สแกนติด
ส่วนระบบสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultra Sonic โดยใช้เซนเซอร์ของเครื่องแทน Optical เหมือนมือถือทั่วไป ข้อดีคือ ไม่ว่าจะนิ้วเปื้อนอะไรมาก็สแกนติดได้ง่าย แต่ว่า การสแกนนั้น คุณต้องทำตามคำแนะนำอย่างรัดกุม ไม่งั้น หากสแกนครบแล้วอาจจะปลดล็อคได้แค่ไม่กี่ท่าเท่านั้น
การแสดงผลภาพและระบบเสียง
สำหรับหน้าจอของ Samsung Galaxy S10+ ยังคงใช้ Panel แบบ Super AMOLED มาพร้อมกับเทคโนโลยีหน้าแบบเดียวกับ Cinematic Display เรียกว่า Dynamic Amoled และเป็นครั้งแรกที่รองรับ HDR10+ บนมือถือที่แสดงผลได้ดี และรวมถึงค่าการแสดงผลความแม่นยำสีระดับ 0.4 JNCD ทำให้คุณภาพของการแสดงผลหน้าจอได้สีสมจริง และมี Contrast 1:2,000,000 ทำได้ดีกว่า Galaxy ตัวท็อปรุ่นก่อนแบบเห็นได้ชัด
ความรู้สึกที่ได้เห็นนั้นถือว่าคมชัดมากและสมจริง ดูหนังสนุกเลยทีเดียวและยังไม่ทิ้งฟีเจอร์การปรับแต่งสีหน้าจอ หรือปรับแบบอัตโนมัติ
ส่วนเรื่องเสียงของ Samsung Galaxy S10+ มีการปรับแต่งโดย AKG คุณภาพเสียงดีมากขึ้นกว่าเดิม State กว้างขึ้น อย่างชัดเจน แม้ว่าจะใช้ลำโพงเดิม ก็ตาม แต่ไม่ได้มีเท่านั้น ยังมีฟีเจอร์ Dolby ATMOS ทั้งสำหรับความบันเทิงและ การเล่นเกม ปรับแต่งได้
ที่สำคัญช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ยังคงอยู่ ถือว่าเป็นเรือธงรุ่นท้ายๆ ที่มีช่องเสียบหูฟัง ซึ่งไม่รู้ว่ารุ่นหน้าจะมีอยู่หรือไม่
เปิดกล้องลองประสิทธิภาพ
กล้องหลังของ Samsung Galaxy S10+ จัดมาให้เต็มถึง 3 เลนส์ด้วยกันประกอบด้วย
- 12 ล้านพิกเซล (f2.4, Telephoto)
- 12 ล้านพิกเซล (f2.4 - f1.5, Wide 77 องศา)
- 16 ล้านพิกเซล (f2.2, Ultra-Wide 123 องศา)
สเปกกล้อง Samsung Galaxy S10+ ถือว่าจัดเต็มอย่างมาก แต่ว่าหลายคนบอกว่ามันล้าหลังค่ายอื่น แต่ขอบอกว่าไม่ได้หลังมาก ถ้าคุณได้รู้จักกับลูกเล่นที่จะอธิบายข้างล่างนี้
หน้าตาเมนูกล้อง Samsung Galaxy S10+
สำหรับเมนูกล้องของ Samsung Galaxy S10+ ก็จะมีความใช้งานอยู่ และปรับได้เยอะเหมือนกัน พร้อมกับปุ่มกดทางลัดเช่นการเปิดระบบวิเคราะห์ Scene ของภาพ และรูปแบบการถ่ายภาพอื่นๆ อีกมากมาย การปรับซูมแบบ 3 ระดับอยู่ล่างสุด ส่วนการเปลี่ยนกล้องหลัง หรือ กล้องหน้า ทำได้ง่ายแค่ปัดเท่านั้น
การถ่ายภาพกลางวัน / กลางคืน
สำหรับกล้องหลังของ Samsung Galaxy S10+ ไม่ต้องห่วงเรื่องการถ่ายภาพกลางวันเพราะไม่ว่าจะออกมาสภาพไหน แสงแบบไหน ก็ทำได้ดี เนื่องจากรูปรับแสงของกล้องหลัง ปรับเองได้ และมีตัวช่วยต่างๆ เยอะมาก
ส่วนการถ่ายภาพกลางคืนนั้น จะมีฟีเจอร์ชื่อว่า Bright Night ที่ถ่ายภาพทั้งหมด 7 ภาพ แล้วเลือกปรับแต่งสีและภาพให้ลงตัวที่สุด ทำให้ภาพออกมาสวยและลงตัวเลยทีเดียว
สำหรับระยะเลนส์ของ Samsung Galaxy S10+ คัดมาแล้วว่าเป็นเลนส์ที่คนทั่วไปใช้ ทั้งระยะ Wide 123 องศา ระยะปกติ และ Tele Photo ซูมได้ 2 เท่า เรียกได้ว่าครบครันเลยทีเดียว แถมถ่ายได้ทุกสภาพแสงด้วย อาจจะมีติด Noise บ้างแต่แทบไม่เห็น ต้องขอบคุณเซนเซอร์ที่คุณภาพดีมาก
โหมดการถ่ายภาพอื่นๆ
นอกจากรูปแบบการถ่ายภาพที่บอกไปหมดแล้ว Samsung Galaxy S10+ ยังมีฟีเจอร์ชื่อว่า Shot Suggestion เลือกตำแหน่งภาพที่เหมาะสมกับคุณโดยการประมวลผลผ่าน AI แต่เลื่อนจุดแล้วจะไม่ถ่ายให้ต้องกดถ่ายเองเพราะบางทีระบบเลือก อาจจะไม่ถูกใจกับทุกคนเสมอไป
- Scene Optimizer กล้องจะเลือกรูปแบบ Scene อัตโนมัติ เลือกจากการประมวลผลจาก NPU ภายในเครื่อง วัดทั้งหมดจากฐานข้อมูล 100,000,000 ล้านภาพ
- Flaw Detection ลดการโค้งของภาพในเวลาถ่ายวิวด้วยเลนส์กว้างหรือ Ultra Panorama
- Ultra Panorama กล้องจะเลือกเลนส์กว้างระดับ 123 องศา ทำให้การถ่ายภาพออกมาดูกว้างกว่าเดิม
- Live Focus สามารถปรับกล้องให้ถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายได้
- โหมดโปร ก็ปรับได้เยอะไม่แพ้กับโหมดธรรมดา
- รวมไปถึงการถ่ายภาพแบบ AR Emoji ที่ทำได้เต็มตัว และ Bixby Vision วิเคราะห์ภาพและของได้
และอื่นๆ อีกมากมายจนนับไม่หมด เรียกได้ว่านี่มันคือกล้องมือถือ หรือกล้อง DSLR กันแน่ แต่ความเก่งอาจจะยังไม่โปรขนาดนั้น นะครับ
การถ่ายวิดีโอกล้องหน้าจะเป็นอย่างไร
Samsung Galaxy S10+ จัดหนักเรื่องการถ่ายวิดีโออย่างมาก สำหรับคนที่ต้องการงานระดับท็อป จัดให้เต็มที่กับ เทคโนโลยีการถ่ายวิดีโอ 4K HDR+ ตามผลการแสดงผลหน้าจอเลย
แต่ถ้าไม่ต้องการเยอะขนาดนั้น ลดลงมาที่ความละเอียดปกติ จะมี Super Steady ซึ่งเป็นโหมดกันสั่นวิดีโอที่ที่ดีระดับกล้อง Action Camera
กล้องหน้าจิ๋วเลนส์คู่ของ Samsung Galaxy S10 ถ่ายภาพได้ดีจริงไหม
อย่างที่บอกว่า Samsung Galaxy S10+ ก็มีนวัตกรรมกล้องหน้าคู่ครั้งแรกของ Samsung แต่มาทั้งทีไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะนอกจากจะได้ระยะความกว้างสะใจแล้ว ยังรองรับการเซนเซอร์แบบ Dual Pixel ครั้งแรก การถ่ายภาพกลางคืนด้วยกล้องหน้าสวยงามเลย และยังรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ได้ด้วย ส่วนการปรับแต่ Beauty Mode จัดเต็มเหมือนเดิม
แต่สำหรับคนที่หาโหมดการปรับ Beauty Mode แบบ Manual ก็ยังคงอยู่ และปรับได้ละเอียดเหมือนเดิม
แบตเตอรี่และการชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S10+ ให้มาที่ 4100 mAh แต่เมื่อทดลองใช้งานทั้งเปิดกล้องถ่ายภาพ, เล่น Social Network มีการใช้งานเกี่ยวกับ Application อื่นๆ และรวมไปถึง การโทรด้วย ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 22:30 น แบตเตอรี่เหลือ 34% ถือว่าอึด
แต่ถ้าเล่นเกมเยอะ จะสามารถใช้งานได้ราวๆ 7 ชั่วโมงเท่านั้น
การจ่ายไฟเข้าของ Samsung Galaxy S10+ ยังคงใช้ Fast Charge จากที่ชาร์จแบบ 9W และสามารถรองรับ Wireless Charge กำลังสูงสุด 15W เท่ากับคุณสามารถชาร์จไฟเร็วเข้ามือถือรุ่นนี้ได้โดยไม่ต้องกลัวเรื่องร้อนเลยแต่อาจจะไม่ทันใจบางคน ที่ตอนนี้ออกมาตรฐานที่เร็วกว่านี้
ความสามารถของ แบตเตอรี่ Samsung Galaxy S10+ นอกจากจ่ายไฟเข้าได้เร็วแล้วยังรองรับ การชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่น มีทั้ง Power Share มาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จไฟกับมือถือรุ่นอื่นที่รองรับ Wireless Charge รวมถึงอุปกรณ์อื่นที่รองรับ Qi ทั้ง Galaxy Watch, Galaxy Buds ก็ได้เช่นเดียวกัน กรณีที่ไม่ต้องการพกอุปกรณ์ไป ก็สามารถเสียบชาร์จแล้วแชร์พลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นได้ การจ่ายไฟนั้นแรงสุดที่ 15W แต่ข้อเสียคือจ่ายไฟอยู่จะใช้งานอย่างอื่นไม่ได้นะ
สรุปหลังจากทีมงาน Sanook! Hitech ได้สัมผัส Samsung Galaxy S10+ ในระยะเวลาหนึ่ง
ไม่ผิดหวังกับการพัฒนาการของมือถือเรือธงจาก Samsung ถือว่าเป็นการแก้การบ้านที่ไม่จบกับรุ่นก่อนที่แบตฯหมดเร็ว, กล้องถ่ายได้งั้นๆ , ลูกเล่นเหมือนก็อปกันมา และนวัตกรรมไม่เด่นชัด Galaxy S10+ เป็นอีกเครื่องพิสูจน์ ว่า ถ้า Samsung ตั้งใจจะทำอะไร มันก็ดีได้แหล่ะ
สำหรับการเปรียบเทียบกับคู่แข่งคงไม่พูดถึง เพราะ Samsung พูดเองว่า ต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเก่า ดังนั้นราคาของ Samsung Galaxy S10+ ก็เลยเริ่มต้นที่
- RAM 8GB / ความจำ 128GB ราคา 35,900 บาท
- RAM 8GB / ความจำ 512GB ราคา 44,900 บาท
- RAM 12GB / ความจำ 1TB ราคา 55,900 บาท
เมื่อมีเกรดแบบนี้ ควรซื้อรุ่นไหนดี สำหรับ ณ วันนี้ปล่อยบทความออกไปแล้วโปรโมชั่นอัปเกรดน่าจะหมดไปแล้ว ถ้างบไหว แนะนำว่า RAM 8GB ความจำ 512GB ก็พอ ถ้ารุ่น 128GB ถือว่าเป็นมาตรฐาน แต่เชื่อว่า หลายคนก็ใช้ไม่หมดแล้ว
ปิดท้ายกับรีวิว Samsung Galaxy S10+ มันคือมือถือที่ท็อปสุด และมาพร้อมกับลูกเล่นที่เขียนออกมาดูเยอะ แต่ทุกสิ่งมันปรับให้คุณใช้งานได้งานและอัจฉริยะบนมือคุณ เหลือแค่ว่า ถ้าคุณต้องการทั้งหมดนี้และปากกา ก็ต้องรอ The Next Galaxy Note ซึ่งจะมาอีก ครึ่งปี ถ้ารอไหว แนะนำว่ารอ ถ้าคิดว่าชีวิตคุณไม่ได้ใช้ปากกา S10+ คือตัวจบของปี 2019 ครับ
จุดเด่น
- หน้าจอใหญ่สีสดใส
- ลูกเล่นกล้องอัดเต็มมาก
- สเปกเครื่องแรงกว่าที่คาด
- แบตเตอรี่ใหญ่โต และจ่ายไฟออกได้
- มีระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอที่ทำงานเร็ว
- การถ่ายภาพทำได้ดีทุกสภาพแสง
- พกง่ายขึ้น น้ำหนักเบาลงกว่าเดิม
ข้อสังเกต
- ชาร์จไฟด้วยสายยังเร็วสูงชาวบ้านไม่ได้
- บอดี้ด้านหลังยังไม่สร้างความแตกต่างเมื่อเห็น
- ไม่สามารถแปะกระจกนิรภัยได้ เพราะบังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- เสี่ยงต่อการเป็นรอยง่าย
- ภาพรวมของลูกเล่นของ UI ยังไม่เด่น
อัลบั้มภาพ 34 ภาพ