รีวิว "Nokia 8.1" ความลงตัวของรูปร่างที่สวยงาม ประสิทธิภาพดี และ ราคาเฉียดหมื่น
กลับมาพบกับรีวิวมือถือและ Gadget จากทีม Sanook! Hitech กันอีกครั้ง สำหรับรอบนี้ทีมได้นำมือถือ Nokia 8.1 ที่ตอนแรกคิดว่า Nokia จะถอดใจไม่มาเพราะสเปกมันดูทับซ้อน แต่ความจริง มันมีอะไรเซอร์ไพรส์กว่าที่คิด มาชมกันว่า มีเรื่องอะไรบ้างที่น่าตื่นเต้นกับราคาเพียง 9,900 บาท
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่องและการออกแบบดีไซน์ของ Nokia 8.1
เริ่มต้นกับหน้าจอของเครื่องมีขนาด 6.18 นิ้วถือว่าใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว มาพร้อมกับการรองรับมัลติทัชได้ 10 จุด ซึ่งถือว่าคมชัดแม้ว่าจะเป็นแบบ IPS LCD
ส่วนบนของหน้าจอจะมี NOTCH ซึ่งเป็นกระแสของมือถือตอนนี้ แต่ถ้ารำคาญจริงๆ สามารถปิดได้โดยเข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า) > Display (การแสดงผล) Advance (ขั้นสูง) > Full Bezel (ขอบจอเต็ม)
ส่วนขอบจอล่างจะมีปุ่มควบคุมที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ พร้อมกับล่างสุดเป็นโลโก้ Nokia
ขอบตัวเครื่องมีความโดดเด่น เพราะมีการตัดกับสี Coral ช่วยให้สวยงาม และฝั่งซ้ายมาพร้อมกับ Nano SIM, Hybrid Slot (Nano SIM / Micro SD)
ฝั่งขวาของ ปุ่มปรับระดับเสียง และมีปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง
ส่วนบนของเครื่องมาพร้อมกับไมโครโฟตัดเสียงรบกวน และ ช่องเสียบหูฟัง
ส่วนล่างสุดมีไมโครโฟนของเครื่อง, USB-C และลำโพงของตัวเครื่อง
พลิกมาด้านหลังของเครื่องจะเป็นเหมือนกับกระจกแต่ความจริงเป็นพลาสติกที่มีลวดลายภายใน นอกจากนี้มาพร้อมกับ กล้องหลัง 2 ตัว ฝั่งซ้ายมี LED Flash, ระบบสแกนลายนิ้วมือ, โลโก้ Nokia และ โลโก้ Android One
ฟิลลิ่งที่ได้สัมผัส / น้ำหนัก / สีสันที่เข้ามาจำหน่าย
ตัวเครื่องถือว่าอออกแบบได้กำลังดีและสวยงามอย่างมาก น้ำหนักของเครื่องอาจจะหนักกว่านิดหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเครื่องค่อนข้างลื่น ฉะนั้นเราควรจะต้องระวังในการใช้งานด้วยก็จะดีไม่น้อยครับ
ส่วนสีสันที่เข้ามาคือ จะมีสีม่วง และมีสีขอบเป็น Coral และสีเงินอย่างที่เห็นนี้
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์ของ Nokia 8.1
เปิดเครื่องสำหรับ Nokia 8.1 ถือว่าค่อนข้างทำงานได้รวดเร็วดีใช้ได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากสเปคที่ดีพอสมควร โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายละเอียดของ Nokia 8.1
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 154.8 x 75.8 x 8 มม.
- น้ำหนัก: 180 กรัม
- หน้าจอ: IPS LCD ขนาด 6.18 นิ้ว อัตราส่วน 18:9
- ความละเอียดหน้าจอ 2280x1080 พิกเซล (FHD+) ป้องกันรอยด้วยกระจก Gorilla Glass 3
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 710 Octa Core 2.2 GHz + Adreno 616
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie (Android One)
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือด้านหลัง
- กล้องหลัง 2 ตัว : 13 ล้านพิกเซล (Monochrome) + 12 ล้านพิกเซล (f1.8)
- กล้องหน้า: 20 ล้านพิกเซล F2.0
- กันน้ำมาตรฐาน -
- แบตเตอรี : 3,500 mAh
- แรม/ความจุ : 4GB / 64GB
- สี : เงิน Steel / Copper, ม่วง Iron / Steel
เมื่อเห็นสเปกในภาพรวมก็ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อยเลยเพราะการเลือกขุมพลังของเครื่องและรายละเอียดของหน้าจอก็ทำให้คนที่ไม่อยากได้มือถือจอใหญ่เกินไป นี่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ประสิทธิภาพของ Nokia 8.1 ดีจริงไหม
สำหรับคะแนนทดสอบจาก Antutu สามารถทำคะแนนได้ที่ 167807 คะแนน ถือว่าทำได้ดีเหมือนกัน
ส่วน Geekbench 4 ที่เป็นการแยกระหว่างการทำงานแบบ Single Core ทำได้ 1828 คะแนน และ Multi Core 5683 คะแนน
ทำให้การเล่นเกมแทบไม่ต้องห่วงเพราะภาพที่ออกมาถือว่าค่อนข้างทำได้ดีอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่ว่าจะเป็นเกมหนักๆ หรือ เกมเบาๆ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณเรื่องของการจัดการ CPU ใน Android Pie
เกมที่ทดสอบมีทั้ง PUBG Mobile, Asphalt 9 Legend
ทดลองการเชื่อมต่อของ Nokia 8.1
แม้ว่าเครื่องจะเปิดตัวมาพักใหญ่แต่ก็มีข้อดีคือเรื่องของการเชื่อมต่อที่ทันสมัยเพราะรองรับ WiFi 802.11 AC, Bluetooth 5.0 และมาพร้อมกับระบบ GPS ที่ทำงานได้ดีเหมือนกับ Android ทั่วไป
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์เด็ด / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการของ Nokia 8.1 เลือกใช้ Android Pie เวอร์ชั่น 9 และเข้าโครงการ Android One ทำให้สร้างความลื่นไหวและอัปเกรดได้นานถึง 2 ปีได้สบายๆ และมีลูกเล่นทั้งการดูแลการใช้งานของเราว่า เล่นอะไรหนักไป, เรื่องการจัดการพลังงานดีขึ้นด้วย
ฟีเจอร์เด็ดส่วนมากจะเป็นใช้แสดงผล และ ระบบเสียงมากกว่า ไว้ดูในลำดับถัดไป
แต่ระบบความปลอดภัยมีให้แค่ระบบสแกนลายนิ้วมือเพียงอย่างเดียวแต่ Nokia 8.1 ได้รับการรับรองป้องกันเครื่องระดับ Enterprise อีกด้วย
การแสดงผลและระบบเสียงของ Nokia 8.1
สำหรับการแสดงของ Nokia 8.1 มีการเพิ่มฟีเจอร์เชื่อว่า Pure Display ทำให้การแสดงผลสีของหน้าจอตรงในระดับ DCI-P3 และยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR10 อีกด้วย พร้อมกับความสว่างระดับ 500 Nits และค่า Contrast อยู่ที่ 1:1500 ซึ่งเราสามารถปรับค่าได้ใน Setting > Advance > Pure Display ปรับได้ 4 รูปแบบ แต่แนะนำว่าคงไว้ในระบบอัตโนมัติดีกว่า
ส่วนระบบเสียงนั้นแม้ไม่ได้ติดระบบอะไรให้เยอะแยะ แต่เสียงที่ออกมาคมชัดและฟังได้สบายหู พร้อมกับมี FM Radio มาด้วย
เปิดกล้องลองประสิทธิภาพ
สำหรับกล้องหลังของ Nokia 8.1 มาพร้อมกับเลนส์ Zeiss ที่มีคุณภาพสูงประกอบไปด้วย 2 กล้องคุณภาพได้แก่
- 13 ล้านพิกเซลแบบ Monochrome
- 12 ล้านพิกเซล 8 พร้อมกับระบบ PDAF
เมื่อรวมกันแล้วจุดเด่นของกล้องรุ่นนี้คือการถ่ายภาพที่ให้สีสันที่คมชัดและสดใส่อย่างมากไว้ดูต่อในลำดับถัดไป
Interface ในการถ่ายภาพของ Nokia 8.1
การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบ User Interface ที่คุณจะได้สัมผัสนั้นถือว่าค่อนข้างมีลูกเล่นเยอะทั้ง การถ่ายภาพแบบ กล้องหน้าและหลังพร้อมกัน (ฺBothie), การปรับหน้าชัดหลังละลายผ่านโหมด Live Boken โหมดโปรที่ปรับได้เยอะมาก
แต่ถ้าเอาให้ดี สำหรับคนคิดไม่ออกบอกไม่ถูก Nokia 8.1 มี AI คอยปรับภาพถ่ายของคุณให้ดูดีขึ้นมาได้
ผลการถ่ายภาพกลางวัน / กลางคืน
เมื่อได้ทดลองการถ่ายภาพผ่าน Nokia 8.1 ก็ถือว่าทำงานได้ดีและเหมาะสมกับคนที่ต้องการภาพถ่ายที่มีคุณภาพเหมือนกัน เพราะสีสันในการถ่ายภาพกลางวันทำได้ดี
ส่วนการถ่ายภาพกลางคืน เมื่อเทียบกับมือถือระดับเดียวกัน Nokia 8.1 สามารถถ่ายภาพได้ลงตัวอาจจะมีแสงที่มากไปในบางจุดก็จริงโดยเฉพาะการส่องกับ LCD แต่ AI ประมวลผลเก็บได้ดีไม่ผิดหวัง
โหมดการถ่ายภาพอื่นๆ
นอกจากการถ่ายภาพปกติแล้วยังมีลูกเล่นจาก Scene Mode ที่เปลี่ยนโดย AI ได้และยังสามารถถ่ายภาพแบบ ทั้งกล้องหน้าและหลังได้พร้อมกัน ถือว่าเป็นค่ายแรกๆ ที่ทำฟีเจอร์นี้และยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การถ่ายวิดีโอด้วย Nokia 8.1 ดีหรือไม่
การถ่ายวิดีโอของ Nokia 8.1 ทำได้ลงตัวเหมือนกันมาพร้อมกับความละเอียดสูงสุดที่ 4K 30 FPS และมีระบบกันสั่นมาให้ ถ่ายวิดีโอกลางวันได้ดี กลางคืนอาจจะมีการสั่นไหวเล็กน้อย และระบบเสียงมี Nokia OZO คอยลดเสียงรบกวนได้พอสมควร
กล้องหน้าของ Nokia 8.1 ดีแค่ไหน
สำหรับกล้องหน้าของ Nlokia 8.1 มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 20 ล้านพิกเซล F2.0 และเล่นเล่นกับ Sticker ได้และรวมไปถึงการปรับให้หน้าเนียนได้ แต่ว่าหน้าเนียนไม่สามารถปรับเองได้ ทำได้แค่เปิดและปิด
ความอึดของแบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 3500 mAh อาจจะมองว่าไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่เมื่อทดสอบการใช้งานสามารถใช้งานเฉลี่ยได้ 8 ชั่วโมง แต่ถ้าเล่นเกมอาจจะได้เพียงแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ถ้าเปิด Standby ไปเลยก็จะได้ 11 ชั่วโมงได้สบาย
และมี Fast Charge มาให้ในมาตรฐาน Quick Charge 3.0
สรุปหลังจากทีมงาน Sanook! Hitech ได้สัมผัส Nokia 8.1 ในระยะเวลาหนึ่ง
เรียกได้ว่ายกระดับของมือถือ Nokia ที่ห่างหายจากการเปิดตัวรุ่นใหม่ได้ดีเลยทีเดียว กับคุณสมบัติของมือถือที่จัดว่า ครบเครื่องทั้ง Android One กล้องก้ดี และหน้าจอต้องคมชัดอย่างมาก Nokia 8.1 ก็คือมือถือที่ถ้าคุณจะนำไปถ่ายภาพก็ใช้ แสดงผลและดูหนังก็ดี
กับราคาเครื่องที่ 9,900 บาท ไม่ถือว่าเลยล่ะครับ และสำหรับการหาซื้อนอกจากร้านค้าทั่วไป Nokia เพิ่มช่องทางออนไลน์อีกทางหนึ่ง แต่คู่แข่งในราคานี้ถือว่าเยอะมาก
และถ้าจะตัดสินใจเอา Nokia 8.1 ก็คงต้องเป็นเรื่องความไว้ใจได้ของ Nokia รวมไปถึงการอัปเดตของมือถือตัวนี้ที่ทำได้นานและใช้งานมือถือรุ่นนี้นานๆ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดครับ และตอนนี้มีการเปิดจองใน Shopee แล้วจนถึง 31 มีนาคม กับราคาสุดพิเศษที่บอกดังกล่าว จากปกติ 13,900 บาท
จุดเด่นของ Nokia 8.1
- ตัวเครื่องสวยและดูดี
- สเปกเครื่องครบเครื่อง
- กล้องหลังมี AI ถ่ายภาพสวยงาม
- เครื่องไม่ใหญ่เกินไป
- หน้าจอสวยและคมชัด
- Android One อัปเกรดได้นาน
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องไม่กันน้ำ
- วางจำหน่ายช้าไปหน่อย
- เครื่องค่อนข้างลื่นไปหน่อย
- ความจำน้อยไปนิด
อัลบั้มภาพ 38 ภาพ