รีวิว "OPPO F11 Pro" ดีไซน์ใหม่ด้วยจอไร้ขอบจัดเต็มกล้องหลังคู่ 48 ล้านพิกเซล
กลับมาพบกับรีวิวสมาร์ทโฟน และ Gadget จากทีม Sanook! Hitech ครั้งนี้ต้อนรับกับกระแสมือถือกล้องซ่อนได้ กับอีกค่ายหนึ่ง นั่นคือ OPPO F11 Pro ซึ่งเป็นอีกรุ่นที่กำลังดังกับคุณสมบัติอลังการงานสร้าง ไม่แพ้งานเปิดตัว มาดูว่ามันมีเด็ดแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ เจอเข้าไปครั้งแรก็หลงรักแล้ว
แกะกล่อง OPPO F11 Pro กันหน่อย
สำหรับคนที่ซื้อ OPPO F11 Pro คุณจะได้พบกับกล่องหน้าตาแบบที่เห็นภายในมีอุปกรณ์ครบไม่ว่าจะเป็น
- ตัวเครื่อง OPPO F11 Pro
- เคสพลาสติก
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือ
- ที่ชาร์จไฟ
- สาย Micro USB
- หูฟัง
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ OPPO F11 Pro
ขอเริ่มจากหน้าสุดของเครื่องก่อนดีกว่า กับความดีงามของหน้าจอขนาดใหญ่โตถึง 6.5 นิ้วที่ OPPO เรียกว่า Panoramic Screen ความละเอียด 2340x1080 พิกเซล หรือ FHD+ ที่คุ้นเคย และรองรับมัลติทัช 5 จุด ถือว่าออกแบบได้สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
ส่วนบนของหน้าจอ เนื่องจากกล้องหน้าถูกซ่อนไว้ด้านบนสุด ทำให้เซนเซอร์ฝั่งรอบส่วนบน และมีสถานะของเครื่องบอกเท่านั้น ไม่สามารถปิด Notch ได้เพราะมันไม่มี Notch
ส่วนล่างของหน้าจอมีปุ่มกดสั่งงานในระบบปฏิบัติการ Android ทั้ง Recent, Home และ Back ตามระเบียบ แต่จะหายไปเองเมื่อต้องการพื้นที่หน้าจอ และสามารถปรับเปลี่ยนได้โดยเข้าไปที่
รอบตัวเครื่องของ OPPO F11 Pro ออกด้วยพลาสติกที่ขัดเงาทั้งตัว ดูดีมีราคา ประกอบด้วยฝั่งซ้ายมือมีปุ่มปรับระดับเสียง
ฝั่งขวาจะมีถาดใส่ซิมการ์ด แบ่งออกเป็นช่องแรกใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM อีกช่องสามารถสลับเป็น Micro SD และ NanoSIM ได้ ส่วนปุ่มเปิดเปิดเครื่องก็อยู่ถัดลงมาและมีขีดสีเขียวบอกตำแหน่งไว้
ส่วนบนของเครื่องมีการติดตั้งเซนเซอร์เพิ่มเติม, ไมโครโฟตัดเสียงรบกวน และ กล้องหน้าพับเก็บได้ เรียกว่า Rising Camera
ส่วนล่างจะมีช่องเสียบหูฟัง, ลำโพงของตัวเครื่อง, ช่องเสียบ Micro USB, และไมโครโฟน จัดเรียงได้สวยงามและตัดขอบเรียบ
พลิกมาด้านหลังของเครื่อง ต้องตื่นเต้นกับเรื่องการเลือกสีสันที่สวยงาม แต่ชื่อสีนั้นขอเก็บไว้ก่อน สิ่งที่คุณจะพบคือกล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล พร้อมกับ LED Flash และมีระบบสแกนลายนิ้วมือ โลโก้ OPPO จัดเป็นแนวนอน ดูดีเลยครับ
ฟิลลิ่งการถือ / น้ำหนัก / สีที่จำหน่ายในประเทศไทย
สำหรับการถือเครื่องรุ่นนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะมีการออกแบบรับกับมือได้ดี แต่ว่าด้วยความที่ใช้พลาสติกเคลือบเงาวับ อาจจะเสี่ยงเป็นรอยได้ง่ายมาก แนะนำว่าใส่เคสที่ติดมาก็ป้องกันได้ดีระดับหนึ่ง
น้ำหนักของเครื่องอาจจะมากไปหน่อยเนื่องจากกลไกของกล้องหน้าทำให้มีผลกับน้ำหนักเครื่องแทบจะทันทีเลย เป็นเรื่องที่ต้องทำใจครับ แต่ก็ไม่ได้หนักเกินไป อาจจะสัมผัสได้ แต่นานไปก็จะชิน
ส่วนสีสันของเครื่องมีให้เลือก 2 สีหลักคือ Aurora Green ตัดด้วยสีเขียวและน้ำเงิน เส้นเหมือนแสงออโรร่า และอีกสีใหม่ Thunder Black เป็นการเล่นสี 3 สีในเครื่องเดียวคือ แดง น้ำเงินและดำ ดูดีมาก ซึ่งเป็นสีที่ทีม Sanook! Hitech นำมารีวิว
รายละเอียดของ OPPO F11 Pro
- มาพร้อมหน้าจอไร้ขอบขนาด 6.5 นิ้ว มาพร้อมจอ LTPS LCD, ความละเอียด 2340x1080 พิกเซล (Panoramic Screen) อัตราส่วน 19.5:9
- ขนาด 161.3 x 76.1 x 8.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 190 กรัม
- มาตรฐานกันน้ำ / กันฝุ่น : ไม่รองรับ
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9 Pie + Color OS 6
- หน่วยประมวลผล : MediaTEK Heilo P70
- หน่วยความจำแรม (RAM) 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) 64GB
- หน่วยความจำภายนอก -
- รองรับการทำงาน 2 ซิม (Dual SIM)
- การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 802.11 AC, Bluetooth 5.0 , GPS, A-GPS
- กล้องด้านหลัง 2 เลนส์ มีรายละเอียดดังนี้
- 48 ล้านพิกเซล, f/1.79 Auto Focus + LED Flash
- 5 ล้านพิกเซล, f/2.4, depth sensor
- กล้องด้านหน้าความละเอียด 16MP, f/2.0
- พอร์ตเชื่อมต่อ : ช่องเสียบหูฟัง, ชาร์จ Micro USB
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh (Standard Battery) + VOOC 3.0
- ระบบความปลอดภัย : สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง + สแกนใบหน้า
- สี: Thunder Black, Aurora Green
จากสเปคถือว่าน่าสนใจอย่างมากเลยครับเพราะว่ามันรองรับการทำงานในหลายเรื่องได้ดี แถมได้ CPU รุ่นใหม่ล่าสุดอีกด้วย แต่การทดสอบต่างๆ นั้นจะดีแค่ไหน เรามาดูกันเลยดีกว่า
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์และประสิทธิภาพของ OPPO F11 Pro
สำหรับ OPPO F11 Pro นอกจากโดดเด่นเรื่องของบอดี้อย่างที่เห็นไปแล้ว ฟีเจอร์และประสิทธิภาพในมุมต่างๆ ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน
สำหรับคะแนนทดสอบประสิทธิภาพผ่าน Antutu ทำได้อยู่ที่ 149,548 คะแนน
การทดสอบผ่านโปรแกรมอีกตัวคือ Geekbench 4 ทำได้อยู่ที่แบบ Single Core 1572 คะแนน และ Multi Core 5938 คะแนน
ภาพรวมคะแนนถือว่าอยู่ระดับกลางค่อนไปทางสูง การเล่นเกมนั้นทีมได้แบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ ระหว่างใช้ Game Space ซึ่งใช้ปรับประสิทธิภาพเป็นแบบ High Performance ทำให้เครื่องเร่งพลังได้มากมายเลยทีเดียว แต่ถ้าปกติอาจจะมีการกระตุกบ้าง
อย่างไรก็ตามในเรื่องประสิทธิภาพของเครื่อง OPPO F11 Pro มีการใส่ตัวช่วยอัตโนมัติที่มีชี่อว่า Hyper Boost ที่จะทำงานกับ Apps, Game และรูปแบบการทำงานที่ต้องการกำลังสูง โดยเครื่องจะเร่งพลังได้ถึง 31.91% เท่าที่ลองการทำงานนี้อาจจะต้องให้ตัวเครื่องเรียนรู้การทำงาน แต่จากที่ลองเปิดโปรแกรมแล้วสลับไปมา เครื่องไม่มีอาการค้างและทำงานได้ดีอยู่
การทดลองการเชื่อมต่อ
ในรายละเอียดข้างบนมีการเผยว่าเครื่องเชื่อมต่อ WiFi มาตรฐาน 802.11 AC และ Bluetooth 5.0 เรียกได้ว่าทำงานได้รวดเร็วมากเลยทีเดียว และการนำทางถือว่าทำได้แม่นยำดีใช้ได้เลยครับ
การแสดงผลและระบบเสียงเครื่อง
สำหรับ OPPO F11 Pro ที่บอกไปตอนต้นว่าใช้หน้าจอแบบ Panoramic Screen ซึ่งเบื้องหลังเป็นจอแบบ LTPS LCD ความละเอียด 2340x1080 พิกเซล ถือว่าละเอียดดีการให้สีถือว่าตรงและคมชัดพอสมควรเลย
ส่วนระบบเสียงมีการติดตั้งที่ปรับรูปแบบเสียงอัตโนมัติ อาจจะมองว่าไม่ได้มีอะไรเยอะ แต่จากที่ลองฟังเพลงถือว่าลงตัวและให้อรรถรสดีอยู่ รุ่นนี้ยังให้ FM Radio อยู่ครับ
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการของ OPPO F11 Pro มีจุดเด่นคือเลือกใช้ Android Pie เวอร์ชั่น 9 มาพร้อมกับ ColorOS 6 รุ่นใหม่ที่มีการปรับปรุงหน้าตาให้สวยงาม, เปลี่ยนหมวดหมู่ที่น่าใช้งาน
ฟีเจอร์โดดเด่นของ OPPO F11 Pro จะมาพร้อมกับ โหมดการทำงานเช่น Phone Manager ที่ปรับเรื่องของการปรุงเมนูต่างๆ และรวมถึงการบำรุงรักษาตัวเครื่อง, Bike Mode สำหรับคนที่ขับมอเตอร์ไซค์ โหมดนี้จะช่วยไม่ให้มีการรบกวนระหว่างการขับรถ ส่วนเครื่องมือเช่น เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ และอื่นๆ อีกมากมายจนเรียกได้ว่า มันว้าวเลยล่ะครับ
ส่วนระบบความปลอดภัย มีให้เลือก 2 ระบบ อันแรกคือระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่องแตะทีเดียวติด
และอีกระบบคือการสแกนใบหน้าที่มีตัวช่วยคือหากแสงน้อยหน้าจอจะเร่งความสว่างให้ส่องหน้าคุณติดได้ทันที และปลดล็อคได้ทั้งเครื่อง หรือ เฉพาะ Apps ก็ได้เช่นเดียวกัน
เปิดกล้องลองถ่ายภาพของ OPPO F11 Pro
สำหรับกล้องหลังของ OPPO F11 Pro เห็นเครื่องสวยแบบนี้ ให้กล้องมาทรงประสิทธิภาพ ได้แก่
- 48 ล้านพิกเซล, f/1.79 Auto Focus + LED Flash
- 5 ล้านพิกเซล, f/2.4, depth sensor
ภาพรวมของกล้องรุ่นนี้จะเน้นเรื่องการถ่ายภาพได้หลากหลายแบบ แต่เน้นการทำ Portrait ได้ดีทั้งกล้องหน้าและหลังเลย และมีการขยายเซนเซอร์ใหญ่ขึ้นทำให้การถ่ายภาพกลางคืนก็ดีขึ้นตามไปด้วย
ลูกเล่นฟีเจอร์ของกล้อง
สำหรับหน้าตาเมนูของกล้องนั้นดูเรียบง่าย จะแบ่งเป็น Photo คือการถ่ายภาพปกติจะปรับ Beauty ให้และมี AI Scene Mode ให้โดยเครื่องจะทำงานเอง, Portrait ที่กล้องจะปรับการละลายหลังเองโดยอัตโนมัติ และ วิดีโอ รวมถึงโหมดอื่นๆ มากมายเช่น Night (Ultra Night Mode), Panorama, Expert หรือ โหมดโปรปรับเองได้
การถ่ายภาพกลางวัน / กลางคืน
สำหรับรูปแบบของการถ่ายภาพกลางวันการทำงานของกล้องถือว่าทำผลงานได้ดี โฟกัสได้เร็วและสีสันคมชัด แต่ถ้าไม่พอใจกดปุ่ม เร่งสี หรือ Dazzle Color สีก็จะเร่งขึ้นมาทันที
ส่วนการถ่ายภาพกลางคืน ถ้าเป็นแบบ Auto Mode ก็ทำผลงานได้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการให้สวยงาม ให้เลือกเป็น Night เข้าสู่การทำงานแบบ Ultra Night Mode จะทำให้ภาพกลางคืนสว่างและถ่ายแบบ Multi Frame และ ปรับ AI Beauty ให้ลงตัว ปรับภาพให้สวยที่สุด และดูคมชัดมากเลยทีเดียว
การถ่ายภาพในรูปแบบอื่นๆ
OPPO F11 Pro ไม่ได้มีดีแค่การถ่ายภาพละลายหลังและภาพแบบปกติ แต่สำหรับการถ่ายภาพแบบเข้าใกล้, การปรับลูกเล่นสุดแสนอลังการ, และ การใส่ Effect ที่มีให้เลือกถึง 10 แบบก็ทำให้ภาพที่ออกมาดูแตกต่างและน่าสนใจมากขึ้น
การถ่ายวิดีโอด้วย OPPO F11 Pro
แม้ว่าภาพนิ่งจะดีแล้ว OPPO F11 Pro ก็มีโหมดการถ่ายวิดีโอที่ถ่ายได้ทั้งแบบ Slowmotion และ Time-Lapse แต่อาจจะไม่ได้โดดเด่นมาก ส่วนการถ่ายวิดีโอปกติทำความละเอียดได้ Full HD 30 FPS เท่านั้น และใส่ Effect ระหว่างการถ่ายวิดีโอได้
กล้องหน้าขนาด 16 ล้านพิกเซล ดีแค่ไหน
สำหรับกล้องหน้าแบบ Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ยังคง Concept ของมือถือยี่ห้อนี้ไว้เหนียวแน่น คือมีความสวยงาม ปรับ Beauty ได้ยังกะเข้าโรงพยาบาล ไปศัลยกรรมใบหน้า เพราะปรับให้เรียบผิวกำลังดีและอื่นๆ อีกมากมายเลย
แต่เนื่องจากตำแหน่งของกล้องนั้นเสี่ยงต่อจะเกิดความเสียหายได้ OPPO เลยคิดค้นระบบปิดกล้องอัตโนมัติ จะใช้ G-Sensor จับเรื่องการเคลื่อนไหว หากพบว่ามือถือกำลังจะตกลงพื้น และมือไม่ได้จับ ตกด้วยความเร็ว กล้องจะเก็บลงไปเอง
แต่หลังจากนั้นถ้าจะใช้ก็สามารถกดปุ่ม จากโหมดรักษาความปลอดภัยของกล้องที่แสดงผลหลังเก็บมือถือ แล้วกดถ่ายได้ แต่หากตกอีกรอบ กล้องก็จะเก็บให้เราเหมือนเดิม
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ / การชาร์จไฟกลับเข้าไป
แบตเตอรี่ของ OPPO F11 Pro ให้มาที่ 4000 mAh เยอะพอสมควร และจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ไม่ได้เล่นเกมหนักเท่าไหร่พบว่าทั้งวันแบตเตอรี่แบตเตอรี่อยู่ที่ 14 ชั่วโมงกว่า ถือว่าดีมาก แต่ถ้าเล่นเกมก็จะลดลงมาพอสมควร แต่เล่นเกมต่อเนื่องได้เกือบ 6.5 ชั่วโมง ผมว่าดีแล้วครับ แต่การทดสอบแบตเตอรี่อยู่ได้ที่ …
โหมดการประหยัดพลังงานของเครื่องมีให้เลือกมากมาย และมีฟีเจอร์ปิดกั้น Apps ไม่ให้กินพลังงานมากทำงานได้
และปิดท้ายกับระบบชาร์จไฟเข้า ด้วยเทคโนโลยี VOOC 3.0 ที่เคลมว่าแบตเตอรี่จาก 0 – 100 สามารถชาร์จเต็มภายในเวลา 80 นาที เรียกว่าเร็วมาก แต่จากที่ทีมได้ลอง เมื่อปล่อยไฟเลือกน้อยสัก 30% แล้วชาร์จให้เต็ม มันใช้เวลาเร็วกว่าที่เหลือสัก 60% อีกพอสมควรครับ
แต่ต้องใช้ที่ชาร์จติดกล่องถึงจะได้เทคโนโลยี VOOC สังเกตสายชาร์จข้างในสีเดียวหรือคำว่า VOOC ที่สายก็ได้
สรุปหลังจากทีม Sanook! Hitech ได้ลองใช้ OPPO F11 Pro สักระยะเวลาหนึ่ง
เป็นอีกมือถือที่มีคุณสมบัติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยี และความสวยงาม ไม่ได้เน้นกล้องเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เรียกว่าทลายข้อจำกัดของตัวเองลงได้อย่างสวยงาม และเป็นอีกมือถือราคาหมื่นต้นที่น่าจับตามอง อาจจะมีจุดอ่อนเช่นไม่ยอมใช้ USB-C และกันน้ำไม่ได้ก็ตาม
แต่เมื่อมองราคาของ OPPO F11 Pro ที่ได้ไว้เพียง 10,990 บาท นี่ก็เป็นมือถือที่น่าสนใจและครอบครองได้ไม่ยากเลยครับ หากใครสนใจตอนนี้ยังมีเปิดจองจนถึงปลายเดือนมีนาคมนี้ ตามตัวแทนจำหน่าย OPPO ทั่วประเทศ
ส่วนราคามีดังนี้ครับ
- OPPO F11 Pro RAM 6 GB ROM 128 GB ราคา 10,490 บาท มี 3 สี Thunder Black, Aurora Green และ Waterfall Gray
- OPPO F11 Pro RAM 6 GB ROM 64 GB ราคา 9,990 บาท มี 2 สี Thunder Black และ Aurora Green
จุดเด่น
- การออกแบบเครื่องล้ำ
- สีสันของเครื่องสวยงาม
- ประสิทธิภาพจัดว่าดี
- ได้ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด
- กล้องทำงานได้ดีทั้งหน้าและหลัง
- แบตเตอรี่อึดมากกว่าเดิม
- ระบบชาร์จไฟเร็วมาก
- ราคาคุ้มค่าเป็นเจ้าของได้ง่าย
ข้อสังเกต
- บอดี้เป็นรอยง่าย
- ใช้ Micro USB อยู่
- กล้องหน้าความละเอียดไม่มากเท่าเพื่อนๆ
- บอดี้เป็นรอยง่าย
- ใช้ Micro USB อยู่
- กล้องหน้าความละเอียดไม่มากเท่าเพื่อนๆ
อัลบั้มภาพ 65 ภาพ