รีวิว "Xiaomi Mi 9” มือถือสุดสวยมาพร้อม 3 กล้อง และขุมพลัง Snapdragon 855 เครื่องแรกในไทย
กลับมาพบกับรีวิว Smart phone และ Gadget จากทีม Sanook! Hitech อีกครั้งหนึ่ง ในบทความนี้เราจะพาคุณมาสัมผัสกับมือถือใหม่ล่าสุดกับ Xiaomi Mi 9 ที่นอกจากสเปคจัดหนัก, กล้องหลังโดดเด่น และขายดีอย่างมากในต่างประเทศ และกำลังให้ได้จับกันตอนปลายปี จะมีดีแค่ไหน ชมกันเลยดีกว่า
แกะกล่อง Xiaomi Mi 9
ให้สมกับมือถือเรือธง Xiaomi Mi 9 มีอะไรบ้างภายในกล่อง เรามาดูกันเลยดีกว่า
- ตัวเครื่อง Xiaomi Mi 9
- เคสซิลิโคน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือ
- ที่ชาร์จไฟ
- สาย USB-C
- ตัวแปลงหูฟังจาก USB-C เป็น ช่องเสียบหูฟัง
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ Xiaomi Mi 9
เริ่มต้นด้วยหน้าจอภาพรวมของเครื่องกันก่อน กับหน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว เลือกใช้หน้าจอแบบ Super AMOLED ทำให้เกิดความคมชัด และยังรองรับฟีเจอร์ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ และมีการแสดงผลที่คมชัด กับการรองรับมัลติทัช 10 จุด ถือว่าลงตัวอย่างมากสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ความละเอียดหน้าจอ ทำได้ที่ 2340x1080 พิกเซล หรือ FHD+ กระจกด้าหน้าเป็น Gorilla Glass 6
ส่วนบนของหน้าจอ เนื่องจากกล้องหน้าถูกซ่อนไว้ด้านบนสุด ทำให้เซนเซอร์ฝั่งรอบส่วนบน และมีสถานะของเครื่องบอกเท่านั้น และมี Notch ที่ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซลไว้กลางเครื่องพอดี
ส่วนล่างของหน้าจอ เป็นส่วนควบคุมหน้าจอ โดยสามารถสั่งทั้ง Recent สลับ Apps, Home กดเข้าหน้าจอ, และ Back สำหรับย้อนกลับ ส่วนไฟแจ้งเตือนอยู่ตำแหน่งนี้เช่นเดียวกัน
รอบตัวเครื่องมาพร้อมการออกแบบด้วยวัสดุที่สวยงามและมีการออกแบบที่ดูดีและลงตัวมากขึ้น ฝั่งซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียงพร้อมกับถาดใส่ซิมรองรับทั้ง Nano SIM 2 ช่อง ไม่สามารถเพิ่มความจำได้
ฝั่งขวาจะมีปุ่มสำหรับเปิดปิดเครื่อง และมีปุ่มปรับระดับเสียงมาให้อย่างครบครัน
ส่วนบนนอกจากสีสันที่สวยงาม ยังมาพร้อมกับไมโครโฟนของตัวเครื่องที่มาพร้อมกับ อินฟราเรด สั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าได้
ส่วนล่างของเครื่องออกแบบได้กำลังดี มาพร้อมกับลำโพงตัวเครื่อง, ไมโครโฟน และตรงกลางคือ USB-C
พลิกกลับมาด้านหลังของเครื่อง เป็นครั้งแรกที่เลือกกระจก Gorilla Glass 5 ตัดทั้งแผ่นแล้วออกแบบให้โค้งรับกับมือได้อย่างดี มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัวมาพร้อมกับ LED Flash และโลโก้ Xiaomi ด้านล่างทีเดียว
ฟิลลิ่งการถือ / น้ำหนัก / สีที่จำหน่ายในประเทศไทย
การถือเครื่องถือว่าทำได้ง่ายและการออกแบบเครื่องเน้นเรื่องการใช้กระจกของเครื่อง ทำให้เครื่องดูดี พรี่เมี่ยม หรูหรา และสวยงามอย่างยิ่ง แต่ความลื่นของเครื่องแนะนำว่าควรจะใส่เคสดีกว่า ป้องกันการตกแต่งเพราะด้านหน้าและหลังเป็นกระจกทั้งหมด
สีของ Xiaomi Mi 9 มาพร้อมกับ 2 สีคือ ดำ Piano Black, น้ำเงิน Ocean Blue เท่านั้นเอง
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์และประสิทธิภาพของ Xiaomi Mi 9
สำหรับมือถือรุ่นใหม่นี้ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างมาก เรามาดูรายละเอียดกันว่า Xiaomi Mi 9 จะมีดีอย่างไร
รายละเอียดของ Xiaomi Mi 9
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 157.5 x 74.7 x 7.6 มม.
- น้ำหนัก: 173 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : -
- หน้าจอ: Super AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด 2340x1080 พิกเซล
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 855 + Adreno 640
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie + MIUI 10
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ ในหน้าจอ
- ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า
- กล้องหลัง 3 ตัว : 48 ล้านพิกเซล (f1.79 Main) + 16 ล้านพิกเซล (Wide Lens)+ 12 ล้านพิกเซล (Telephoto)
- กล้องหน้า: 20 ล้านพิกเซล (f2.0)
- แบตเตอรี : 3,300 mAh + Quick Charge 4.0 / Wireless Charge 20W
- แรม/ความจุ : RAM 6 GB / ความจำ 128 GB ไม่สามารถเพิ่มความจำได้
- สี : ดำ Piano Black, น้ำเงิน Ocean Blue
การทดสอบประสิทธิภาพ
สำหรับคะแนนทดสอบประสิทธิภาพผ่าน Antutu ทำได้อยู่ที่ 367,143 คะแนน แม้ว่าจะไม่ได้เท่าที่เคลมไว้ แต่ก็ทำออกมาได้ดีเหมือนกัน
การทดสอบผ่านโปรแกรมอีกตัวคือ Geekbench 4 ทำได้อยู่ที่แบบ Single Core 3488 คะแนน และ Multi Core 11171 คะแนน
การทำงานของเครื่องเรียกได้ว่าตอบสนองทันใจสมกับการเลือกใช้ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 855 รุ่นล่าสุด และมาพร้อมกับ GPU Adreno 640 ใหม่เช่นเดียวกัน ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างดี ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเกมแบบไหน ก็ถือว่าให้ภาพที่ออกมายอดเนี่ยม
การทดลองการเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่อมาครบทั้ง WiFi 802.11 AC Dual Band, Bluetooth 5.0 มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ Dual GPS พร้อมกัน 2 ดวงทำให้การทดสอบประสิทธิภาพการนำทางถือว่าทำได้ดี แม่นยำสูง
การแสดงผลและระบบเสียงเครื่อง
หน้าจอของ Xiaomi Mi 9 จะออกแบบให้รองรับการทำงานผ่าน Panel แบบ Super AMOLED คุณภาพในการแสดงผลไม่ผิดหวังเพราะให้สีที่คมชัด และตัดเรื่องของ Blue light filter และรวมถึงการเพิ่ม Reading Mode ทำให้ภาพที่ปรากฏสวยงามไร้ที่ติเลยครับ
ระบบเสียงนั้นยังให้ลำโพงตัวเดียวแต่ให้เสียงที่ดี และกรณีที่แปลงแล้วเสียบหูฟังก็สามารถปรับแต่งเสียงเพิ่มได้ ดังนั้น Xiaomi เลยไม่ได้ให้หูฟังมา แต่ให้คุณไปเลือกซื้อตามใจชอบนั่นเอง
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
สำหรับระบบปฏิบัติการของ Xiaomi Mi 9 ยังคงเลือกใช้ Android Pie เวอร์ชั่น 9 ถือว่าล่าสุด และมาพร้อมกับ MIUI 10 รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการปรับปรุงหน้าตา UI ให้ใช้งานได้ง่าย มีความยืดหยุ่นในการทำงานและสามารถเปลี่ยน Theme ได้ ส่วนการทำ Spilt Screen หรือ ใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอทำได้แค่ กดปุ่ม Split Screen แล้วเลื่อน Apps หนึ่งไปด้านบน > เลือก Apps แสดงผลข้างล่างก็จะแสดงผลพร้อมกัน 2 หน้าจอ
ฟีเจอร์ของเครื่องยังคงเหมือนกับมือถือจาก Xiaomi นั่นคือมี เครื่องมือทั้ง เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ, ระบบดูแลรักษาเครื่อง และอื่นๆ รวมไปถึง Mi Remote ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบใช้มือถือคุมอุปกรณ์ไร้สายได้ และยังมีฟีเจอร์ Dual Apps, การดูแลรักษาสุขภาพของเครื่อง
ส่วนระบบความปลอดภัย มีให้เลือก 2 ระบบ คือ ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอแบบ Optical ซึ่งการทำงานนั้นเร็วมากขึ้น โดย Xiaomi เคลมว่าจะสแกนได้ไวในเวลา 0.3 วินาที
อีกระบบคือการสแกนใบหน้าที่ยังทำงานได้เร็วและทั้งคู่ยังสามารถปลดล็อคเพื่อเข้าสู่ ฟีเจอร์ Second Space ได้
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
กล้องหลังของ Xiaomi Mi 9 ก็ไม่ธรรมดา ให้เลนส์ทั้งหมด 3 เลนส์ได้แก่
- 48 ล้านพิกเซล (79 Main)
- 16 ล้านพิกเซล (Wide Lens)
- 12 ล้านพิกเซล (Telephoto)
เท่ากับกล้องหลังสามารถตอบโจทย์ในการถ่ายภาพได้หลากกหลายและสามารถซูมภาพได้มากมายกว่าเดิม แต่ภาพออกมาเป็นอย่างไร ต้องมาติดตามกันต่อไป
ลูกเล่นฟีเจอร์ของกล้อง
หน้าตา Interface ของกล้อง Xiaomi Mi 9 ยังคงคล้ายกับ Xiaomi ทั่วไป ดังนั้นการทำงานต่างๆ ไม่ได้แตกต่างกันมา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ AI Scene ซึ่งแบ่งได้ทั้งหมด หลากหลายรูปแบบทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง และมี Effect ให้เลือกมากมาย
การถ่ายภาพกลางวัน / กลางคืน
ด้านกล้องหลังความละเอียดมาก แต่รูรับแสงเปิดกว้างขนาดนี้ทำให้การเก็บรายละเอียดของสีนั้นทำได้ดีและเมื่อความละเอียดเยอะระดับ 48 ล้านพิกเซล ไม่แปลกที่ทำไมการถ่ายภาพก็ยังทำได้ดีเช่นเดียวกัน แม้เป็นภาพกลางวัน
กลางคืนได้ระบบ AI Scene Mode ช่วยทำให้แยกภาพกลางคืนได้อย่างสวยงามแต่ถ้าไม่พอใจแล้ว Xiaomi Mi 9 จัดโหมด Night Shot มาให้เลือก โดยถ่ายภาพ 7 ภาพแล้วแยกรวมภาพทำให้ภาพออกมานั้นดูรายละเอียดครบ อย่างกับที่ได้กำกับภาพว่าเป็นโหมดไหน
การถ่ายภาพในรูปแบบอื่นๆ
นอกจากเรื่องลูกเล่นกล้องถ่ายภาพปกติและที่แสงน้อย มือถือรุ่นนี้ยังสามารถถ่ายภาพได้แบบเลนส์กว้าง 120 องศา พร้อมกับโหมด Pro และอื่นๆ อีกมากมายจนเรียกได้ว่า แค่นี้ก็ครบแล้วครับ นี่ยังไม่รวมกับการใส่ Effect ของกล้องอีกนะ
การถ่ายวิดีโอด้วย Xiaomi Mi 9 เป็นอย่างไร
สำหรับการถ่ายวิดีโอด้วย Xiaomi Mi 9 มีลูกเล่นจัดหนักมาให้ครบครัน รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 4K 60 FPS และมีระบบกันสั่นมาให้ ทำให้ไม่แปลกที่จะได้คะแนนการถ่ายวิดีโอที่ยอดเยี่ยมจาก DXOMark ในสาขามือถือนะ
กล้องหน้าขนาด 20 ล้านพิกเซล ดีแค่ไหน
ลูกเล่นของ Xiaomi Mi 9 สำหรับกล้องหน้ามีการแยก Scene พร้อมกับฟีลเตอร์และการปรับแต่งใบหน้าได้ระดับหนึ่งทำให้ภาพที่ออกมานั้นสวยงาม โดยความละเอียดได้มากถึง 20 ล้านพิกเซล
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ / การชาร์จไฟกลับเข้าไป
สำหรับแบตเตอรี่ของ Realme 3 ให้มาที่ 4230 mAh ถือว่าใหญ่มากเลยทีเดียว การทดสอบด้วยโปรแกรมสามารถใช้งานได้นานสุดที่ 10 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานปกติ ไม่ได้เล่นเกมมาก สามารถข้ามวันได้อย่างสบาย อันนี้ต้องบอกว่าเป็นความดีของ ระบบปฏิบัติการ และ Interface ของเครื่อง
ในเรื่องแบตเตอรี่ของ Xiaomi Mi 9 นั้นให้มาเพียงแค่ 3300 mAh กับการอัดสเปคขนาดนี้ใช้งานทั่วไปก็สามารถอยู่ได้ 1 วันพอดี แต่ถ้าทดสอบประสิทธิภาพพบว่ายังใช้งานได้ 8 ชั่วโมงกว่าเท่านั้นเอง แถมตัวเครื่องมีการจัดการพลังงานที่ดีใช้ได้ครับ
ส่วนระบบการรองรับชาร์จไฟของเครื่องนั้นมาพร้อมกับระบบ Fast Charging ด้วยมาตรฐาน Quick Charge 4.0 ใหม่ล่าสุด และ Wireless Charge กำลังไฟที่ 20W เคลมว่าชาร์จไฟไร้สายเต็มภายใน 90 นาที
สรุปหลังจากทีม Sanook! Hitech ได้ลองใช้ Xiaomi Mi 9 สักระยะเวลาหนึ่ง
เรียกได้ว่าสมค่าการรอคอยอย่างยิ่งเพราะ Xiaomi Mi Series จัดหนักทุกรุ่นและ Mi 9 เป็นการยกระดับเครื่องออกมาให้ดูน่าสนใจเพราะลูกเล่นและสเปคเครื่องถือว่าครบเครื่องเลยทีเดียว จนเรียกได้ว่านี่เป็นมือถืออีกรุ่นที่ตอบสนองการทำงานได้อย่างดีและเล่นเกมได้ยอดเยี่ยม
สำหรับมือถือรุ่นนี้มีราคาเครื่องเปล่าที่ 16,999 บาท ถือว่าไม่แพงมากนัก แต่ถ้าจะให้ดีคงต้องใส่ RAM 8GB เข้ามาก็จะสามารถสู้กับชาวบ้านได้สบาย และได้เปรียบกว่าในบางจุด
สำหรับคนที่สนใจมือถือรุ่นนี้ ตอนนี้เปิดรับจองถึง 10 เมษายน แล้วคุณสามารถซื้อกับทาง AIS โดยมีของแถมพิเศษมากมายและโปรโมชั่นที่ทำให้เป็นเจ้าของได้ง่ายเช่นเดียวกัน โดยเครื่องพร้อมจำหน่าย 23 เมษายน นี้ ใครชอบเรือธงระดับราคารุ่นกลาง นี่เป็นตัวเลือกที่น่าซื้ออีกตัวหนึ่งเลยครับ
จุดเด่น
- การออกแบบเครื่องดูสวยแกร่งและดูดี
- น้ำหนักเครื่องเบา
- สเปคแรงจัดมาก
- ได้ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด
- ภาพรวมของกล้องถ่ายภาพดี
- ชาร์จไฟเร็วมาก
- ราคาไม่แพงเลย
ข้อสังเกต
- ไม่กันน้ำ
- ไม่มีช่องเสียบหูฟัง
- แบตเตอรี่ก้อนเล็กไปหน่อย