รีวิว Motorola One Vision มือถือ Android One จอยาว ถ่ายภาพกลางคืนเก่ง ในงบหมื่นเดียวก็พอ
กลับมาพบกับรีวิว Smart phone และ Gadget จากทีม Sanook! Hitech กันอีกครั้ง สำหรับในครั้งนี้กับการรีวิว Motorola One Vision รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย M ภายใต้การดูแลของ Lenovo และครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก มาดูกันว่า มันดีแค่ไหนและน่าใช้หรือไม่
แกะกล่อง Motorola One Vision
ก่อนที่จะเริ่มรีวิวในส่วนต่างๆ เรามาแกะกล่องกับมือถือรุ่นนี้กันสักหน่อยดีกว่า โดย Motorola One Vision มีอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ดังนี้
- ตัวเครื่องMotorola One Vision
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือ
- ที่ชาร์จไฟ แบบ Turbo Charge 15W
- สาย USB-C
- หูฟัง
- เคสใส
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ Motorola One Vision
เริ่มต้นด้วยด้านหน้าของ Motorola One Vision ที่มีความโดดเด่นอย่างมากเพราะใช้หน้าจอแบบ Punch Display ขนาด 6.3 นิ้วที่มีกล้องอยู่มุมซ้าย หน้าจอเป็นแบบ IPS LCD ความละเอียด Full HD + ความละเอียด 2520x1080 พิกเซล แต่ว่าจุดเด่นนั้นอยู่ที่การได้อัตราส่วน 21:9 เยอะที่สุดเมื่อเทียบกับมือถือปกติ เห็นจากที่ได้นำมือถือทั่วไปมาเทียบ รองรับมัลติทัชได้และมีความเสถียรของหน้าจอกำลังดี
ส่วนบนสุดของหน้าจอเรียบและกลมกลืมไปด้วยกัน แต่ว่าจะมีกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล มีเซนเซอร์พร้อมกับลำโพงตัวเครื่องแต่ว่าเป็นลำโพงสำหรับสนทนาเท่านั้น และมีเซนเซอร์ติดตั้งซ่อนไว้ที่ขอบบนสุดประกอบด้วย accelerometer, gyro, proximity
ส่วนล่างก็จะมีปุ่มกดข้างล่างนอกจากปุ่มกดแบบ Android Pie เวอร์ชั่น 9 มีปุ่ม Back และปุ่มขีด ที่กดใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็น การกดปุ่ม ค้างจะเรียก Google Assistant, ถ้าผลักขึ้น ครั้งแรกเป็น Recent สลับ Apps และ ผลักจนสุด จะมี Apps Drawer เป็นต้น แต่ถ้าทั้งหมดยากไป Motorola จะมีการเผยปุ่ม One Button Nav ที่ผลักซ้ายเพื่อกลับ, ผลักขวาเป็น Recent Apps เป็นต้น
รอบตัวเครื่องทำจากพลาสติกที่ดูน่าใช้มากโดยเฉพาะสีน้ำเงิน Sapphire gradient โดยฝั่งซ้ายมาพร้อมกับฝั่งขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม เปิดปิดตัวเครื่องมาให้ครบเครื่อง
ฝั่งซ้ายจะมีถาดใส่ซิม ซึ่งจะใส่ได้ทั้ง Nano SIM อีกช่องเป็น Hybrid Slot (สลับได้ทั้ง Nano SIM และ Micro SD ก็ได้) และไม่มีอะไรปล่อยให้เรียบไปเลย
ส่วนบนสุดจะมีช่องเสียบหูฟัง, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนอย่างครบครัน
ส่วนล่างสุดของเครื่องจะมาพร้อมกับไมโครโฟนพร้อมกับช่องเสียบ USB-C มาพร้อมกับลำโพงตัวเครื่องที่เสียงดีไม่น้อย
พลิกกับเครื่องของ Motorola One Vision จะมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ความละเอียดสูง พร้อมกับ LED Flash มีโลโก้ M ที่สามารถสแกนลายนิ้วมือ และโลโก้ Android One อยู่ข้างล่างสุด แถมด้านหลังมีสีสันและลวดลายที่สวยงาม ออกแบบดูเป็นแบบ 4D
ฟิลลิ่งการถือ / น้ำหนัก / สีที่จำหน่ายในประเทศไทย
ภาพรวมของ Motorola One Vision มือถือจอยาวน้ำหนักเครื่องอาจจะไม่ได้เยอะเท่าไหร่เมื่อเทียบกับขนาดเครื่องและแบตเตอรี่ไม่ได้เยอะทำให้เครื่องพกพาสะดวก แต่ว่าหน้าจอเครื่องจะยาวอาจจะใส่ไม่ถนัดเหมือนกันเลยครับ
สีสันของเครื่องมีให้เลือก 2 สีคือ น้ำตาล Bronze gradient, น้ำเงิน Sapphire gradient ที่สวยงามและมีลวดลายสวยงามมีความเป็น 4D เลยครับ
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์และประสิทธิภาพของ Motorola One Vision
ภาพรวมของ Motorola One Vision จะเป็นอย่างไรเรามาเจาะลึกกันแต่ละเรื่องดีกว่า
รายละเอียดของ Motorola One Vision
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 160.1 x 71.2 x 8.7 มม.
- น้ำหนัก: 180 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : ไม่ระบุ
- หน้าจอ LTPS LCD ขนาด 6.3 นิ้ว Cinematic Display ความละเอียด 2520 x 1080 พิกเซล อัตราส่วน 21:9
- ชิปเซ็ต Exynos 9609 Octa Core + Mali G72
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie (เข้าโครงการ Android One อัปเกรดได้ 2 ปี)
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง
- กล้องหลัง 3 ตัว : 48 ล้านพิกเซล (f1.7 Main) + 5 ล้านพิกเซล (Depth Sensor)
- กล้องหน้าคู่: 25 ล้านพิกเซล (f2.0)
- แบตเตอรี : 3,500 mAh Turbo Power 15W
- แรม/ความจุ : RAM 4GB / ความจำ 128GB เพิ่มความจำได้แบบ Micro SD 512GB
- สี : น้ำเงิน Sapphire gradient, น้ำตาล Bronze gradient
การทดสอบประสิทธิภาพ
สำหรับคะแนนทดสอบประสิทธิภาพผ่าน Antutu ทำได้อยู่ที่ 138,355 คะแนน
การทดสอบผ่านโปรแกรมอีกตัวคือ Geekbench 4 ทำได้อยู่ที่แบบ Single Core 1596 คะแนน และ Multi Core 5117 คะแนน
เมื่อเห็นคะแนนของ Motorola One Vision เมื่อเล่นเกมของเครื่องรุ่นนี้ถือว่าดีเหมือนกัน และการตอบสนองของมือถือรุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ดีเหมือนกันเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น ROV, Real Racing แต่เมื่อเทียบกับคู่กับมือถือที่ใช้ CPU ใกล้กันอย่าง Samsung Galaxy A50 ถือว่าน่าสนใจเลย แม้ความแตกต่างจะอยู่ที่ RAM น้อยกว่านิดหน่อย
การทดลองการเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่อของ Motorola One Vision จะมาพร้อมกับ WiFi 2 ความถี่คือ 5 GHz และพร้อมกับ Bluetooth 5.0 ถือว่าทันสมัย นอกจากนี้ยังรองรับ GPS และนำทางได้อย่างดีเลยทีเดียว
การแสดงผลและระบบเสียงเครื่อง
สำหรับหน้าจอของ Motorola One Vision จะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Punch แต่ยังคงใช้หน้าจอแบบ IPS LCD ที่มีหน้าจอรูปแบบ Cinema Display ขนาดยาวเหมือนกัน ให้การแสดงผลได้ดีและเล่นเกมได้อย่างดีเลยครับ
ส่วนระบบเสียงของ Motorola One Vision ยังมาพร้อมกับระบบเสียง Dolby Audio และมาพร้อมกับการปรับเสียงได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ FM Radio ด้วย
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
สำหรับ Motorola One Vision เป็นมือถือที่ยังอยู่ในโครงการ Android One โดยใช้ระบบปฏิบัติการ Android Pie และมาพร้อมกับอัปเดตได้อย่างแน่นอน แถมยังได้ Patch ความปลอดภัยที่อัปเดตให้ทุก 3 เดือน (ความเร็วในการอัปเดตขึ้นอยู่กับทาง Motorola นะ)
เครื่องมือและฟีเจอร์ต่างๆ ของเครื่องรุ่นนี้ ยังเหมือนกับ มือถือ Android ทั่วไปไม่ว่าจะเป็น เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, และสามารถโหลดเพิ่มได้ทั้ง และ Google Play Store
แต่ความพิเศษของมือถือรุ่นนี้คือการเพิ่มฟีเจอร์และลูกเล่นของ Moto Action ที่สามารถตอบโจทย์และความแตกต่างจากมือถือทั่วไป โดยเฉพาะลูกเล่นต่างๆ ที่จะมีให้เลือกไม่ว่าจะเป็น
- พลิกเครื่องซ้ายขวา จะเปิดกล้อง
- เหวี่ยงขึ้นลง เปิดไฟฉาย
- ใช้ 3 นิ้วลากหน้าจอ จะเป็นการ Capture Screen
- Motorola One Navigator Button ปุ่มเดียวใช้งานอย่างเดียว
ส่วนระบบความปลอดภัย มี 2 ระบบทั้งการสแกนใบหน้า ที่ใช้กล้องและสามารถปรับความสว่างอัตโนมัติที่หน้าจอ
อีกระบบหนึ่งคือการปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือทางด้านหลังใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนและทำงานได้ลงตัวอย่างมาก และสามารถปลดล็อคทั้งเครื่องหรือสั่งป้องกันการเข้า Apps ได้
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
สำหรับ Motorola One Vision มือถือรุ่นนี้จะมีกล้องหลังคู่ความละเอียดสูงอย่างมากประกอบด้วย
- 48 ล้านพิกเซล (7 Main)
- 5 ล้านพิกเซล (Depth Sensor)
เรียกได้ว่าสร้างความแปลกใหม่สำหรับมือถือระดับไม่ถึงหมื่น และฟีเจอร์ของกล้องจะมีความแตกต่างกันแค่ไหน เรามาดูกันดีกว่า
ลูกเล่นฟีเจอร์ของกล้อง
หน้าตาและเมนูของ Motorola One Vision ยังคงเหมือนกับ Motorola G6 ที่รีวิวไปนานแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร มันมีปุ่มทีควบคุมโหมดต่างๆ ครบ เช่นถ้าต้องการเปลี่ยน Manual Mode และสามารถเปลี่ยนโหมด โดยการกด ปุ่มซ้ายสุด มาพร้อมกับปุ่ม บุคคล, ปรับสี, ปรับ Cinemagraph จะทำให้ภาพเคลื่อนไหว และอื่นๆ เยอะมากมายเลยครับ
ลองถ่ายภาพด้วยกล้อง Motorola One Vision
สำหรับภาพกลางวันยังคงให้รายละเอียดได้ดีและสามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างดี และให้โทนสีที่อยู่ในระดับที่น่าเพิ่งพอใจอย่างยิ่ง
ภาพกลางวันของ Motorola One Vision จะมีความชัดเจนอย่างดีเพราะมีโหมด Night Vision ทำให้ภาพที่ออกมาถือว่าสวยและรับแสงได้อย่างดีเลยทีเดียว และถ้าไม่เปิด ซึ่งดูจาภาพในโหมดปกติ จะเห็นได้ชัดว่าแสงยังไม่ไม่มีอะไร
ภาพการถ่ายภาพอื่นๆ มีให้เลือกอย่างมากเลย ไม่ว่าจะเป็นการปรับเรื่องของสีที่สามารถเลือกได้, Cinemagraph ที่ถ่ายแล้วจะเป็นภาพเลื่อนไหวในบางจุดได้ และ Live Filter ให้เลือกด้วย
การถ่ายวิดีโอด้วย Motorola One Vision
เห็นมือถือรุ่นนี้มีความโดดเด่นการถ่ายภาพมาก แต่สำหรับเรื่องวิดีโอ ก็ไม่ได้ทิ้งเพราะรองรับ 4K 30 FPS และรองรับ 1080P 60 FPS และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับมี โหมด Time Lapse และ Slowmotion 240 FPS
กล้องหน้าขนาด 25 ล้านพิกเซล ดีแค่ไหน
กล้องหน้าของ Motorola One Vision จะมีความละเอียดเยอะมากถึง 25 ล้านพิกเซล และมีโหมดการถ่ายภาพเยอะดึงจากกล้องหลังมาเยอะเหมือนกันเลยครับ
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ / การชาร์จไฟกลับเข้าไป
สำหรับแบตเตอรี่ของ Motorola One Vision ให้ขนาดที่ 3500 mAh เมื่อเทียบไปแล้วขัดแย่งกันเล็กไปนิดเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอของเครื่องอย่างไรก็ตาม จากการทดลองใช้งานยังสามารถอยู่ได้หลัก 10 ชั่วโมงได้อย่างสบายๆ เลยครับ
ส่วนระบบชาร์จไฟกลับเนื่องจากมีระบบ Turbo Power ทำให้มือถือรุ่นนี้รองรับความเร็วในการชาร์จไฟกลับได้รวดเร็วจนเรียกได้ว่า ไม่มีปัญหาเลยครับ
สรุปหลังจากทีม Sanook! Hitech ได้ลองใช้ Motorola One Vision สักระยะเวลาหนึ่ง
เรียกได้ว่า Motorola One Vision เป็นมือถืออีกรุ่นที่มีความดีงามในหลายด้านทั้ง การเป็นมือถือ Android One ที่อัปเดตได้นาน จอภาพใหญ่และสวย กล้องดีและขุมพลังที่ใหม่และใช้ของ Samsung ในตระกูล Exynos นอกค่ายแบบเห็นได้ชัดเจนสุด อาจจะมีเรื่องแบตเตอรี่ที่มองว่า ถ้าปรับปรุงให้อยู่ได้นานขึ้นกว่านี้ก็จะดีไม่น้อย
Motorola One Vision มีราคาเปิดตัวที่ 9,990 บาท ยังไม่นับกับโปรโมชั่นจาก Truemove H ที่สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคา 4,990 บาท ถือว่าเหมาะสมและลงตัวอยู่ ส่วนคู่แข่งที่มีอยู่ก็เยอะมาก แต่ถ้าตรงๆ คือ Samsung Galaxy A50 นั่นเองที่ใช้เครื่องมือและทุกอย่างคล้ายกัน แต่จะเลือกตัวไหนดีลองย้อนกลับไปดูรีวิวของ Galaxy A50 ได้เลย
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากได้มือถือสเปกดีและมีระบบปฏิบัติการอัปเดตได้นานอีกตัวหนึ่งเลยครับ
จุดเด่น
- มือถือจอใหญ่และยาวดูหนังเพลิน
- สเปกถือว่าใหม่และแรง
- ได้ระบบชาร์จไฟเร็ว
- เข้าโครงการ Android One อัปเดตได้นาน
- กล้องถ่ายภาพ OK แต่กลางคืนดีมาก
- ฟีเจอร์ครบเครื่อง
- ราคาไม่แพง
ข้อสังเกต
- ไม่กันน้ำ
- เมนูกล้องดูซ้ำซ้อนไปหน่อย
- อัปเดตนาน
อัลบั้มภาพ 26 ภาพ