รีวิว Nokia 4.2 มือถือจับถนัดมือ พร้อมฟีเจอร์ครบเครื่องในสไตล์ Android One
กลับมาพบกับรีวิวมือถือและ Gadget จากทีม Sanook! Hitech อีกครั้ง สำหรับรีวิวในครั้งต้องย้อนไปถึงเมื่อช่วงต้นปีที่ HMD Global เพิ่งเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่จากงาน Mobile World Congress 2019 ในประเทศไทยถึง 2 รุ่นได้แก่ Nokia 3.2 และ Nokia 4.2 ในประเทศไทย แต่บทความรีวิวนี้เราจะเล่าเรื่องของ Nokia 4.2 กันก่อน มาดูกันว่ามือถือรุ่นนี้จะมีความดีแค่ไหนและน่าใช้หรือไม่
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ Nokia 4.2
ดีไซน์ของ Nokia 4.2 มีความแตกต่าง จาก Nokia 5.1 Plus และ Nokia 6.1 Plus ที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้คือ Notch หน้าจอเล็กเหลือเพียงกล้องเล็กน้อย และมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.71 นิ้ว และความละเอียด HD+ และมีโลโก้ Nokia ล่างสุด เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของมือถือรุ่นใหม่
บนสุดของเครื่องนอกจากกล้องหน้าทรงหยดน้ำความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ยังมีเซนเซอร์และลำโพงสนทนาของเครื่องมาให้อีกด้วย
ล่างสุดของเครื่องมาพร้อมกับปุ่มควบคุมระบบ Android ประกอบด้วยปุ่ม Back และ ปุ่ม Center ที่กดค้างจะเรียก Google Assistant, ปัดขึ้นครั้งแรกเป็น Recent Apps ไว้สลับ Apps ไปมา และ ปัดขึ้นสูดเป็นที่อยู่ของ Application ต่างๆ ที่เราได้ติดตั้ง และยังมาพร้อมกับ โลโก้คำว่า Nokia ด้านล่างอีกด้วย
รอบตัวเครื่องของ Nokia 4.2 จะเป็นพลาสติกขึ้นรูปพร้อมกับความแข็งแกร่งและสวยงามเพราะเงางามด้วย และมาพร้อมปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดปิดเสียง และมีไฟเรืองแสงสำหรับ Notification
ฝั่งซ้ายมาพร้อมกับปุ่มสั่ง Google Assistant และถ้ากดค้างจะสามารถเข้าโปรแกรม Walkie Talkie ได้ด้วย พร้อมกับช่องใส่ซิม 2 SIM และมาพร้อมกับช่องใส่ Micro SD
ส่วนบนของเครื่องมาพร้อมกับความเรียบและสวยงาม มาพร้อมกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ล่างสุดมาพร้อมกับไมโครโฟนสนทนา, ช่องเสียบ Micro USB และลำโพงตัวเครื่อง
ด้านหลังของเครื่องมาพร้อมกับเลนส์คู่และถัดลงมาเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือ โลโก้ Android One ล่างสุดเรียกได้ เรียกได้ว่าออกแบบเรียบง่ายและมี ผิวที่สวยงามอย่างยิ่ง
ฟิลลิ่งการถือ / น้ำหนัก / สีที่จำหน่ายในประเทศไทย
จากภาพรวมมือถือรุ่นนี้ถือว่าเป็นเครื่องที่ออกแบบเรียบง่ายและทำให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างดี แต่ว่าถ้าได้เคสดีๆ จะทำให้เครื่องจับได้ถนัดมืออย่างยิ่ง
Nokia 4.2 จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีคือ ชมพู Pink Sand, และ สีดำ
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์และประสิทธิภาพของ Nokia 4.2
สำหรับคนที่สนใจมือถือ Nokia 4.2 จะมีฟีเจอร์ต่างๆ ให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็น แต่ก่อนอื่นเรามาดูสเปกของ Nokia 4.2 กันก่อนดีกว่า
รายละเอียดของ Nokia 4.2 สเปกจำหน่ายในประเทศไทย
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 149 x 71.3 x 8.4 มม.
- น้ำหนัก: 167 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : ไม่ระบุ
- หน้าจอ: IPS LCD ขนาด 5.71 นิ้ว ความละเอียด 1520x720 พิกเซล
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 439 Octa-core + Adreno 505
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N Single Band, Bluetooth 4.2, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie (Android One)
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ ใช้เซนเซอร์ด้านหลัง
- ระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D
- กล้องหลัง 2 ตัว : 13 ล้านพิกเซล (f2.2 Main) + 2 ล้านพิกเซล (Depth Sensor)
- กล้องหน้า: 8 ล้านพิกเซล (f2.0)
- แบตเตอรี : 3,000 mAh
- แรม/ความจุ : RAM 2GB / ความจำ 16GB | RAM 3GB / ความจำ 32GB เพิ่มความจำได้แบบ Micro SD 400GB
- สี : Black, Pink Sand
คะแนนประสิทธิภาพของ Antutu ทำได้อยู่ที่ 73488 คะแนน
คะแนนประสิทธิภาพของ Geekbench 4 ทั้งแบบ Single Core ทำได้ที่ 885 และ Multi Core ได้ที่ 3185
ในการลองเล่นเกมของ Nokia 4.2 ถือว่าใช้ได้ในระดับมือถือไม่เกิน 5,000 บาท ที่มีการตอบสนองได้ดี แต่ถ้าต้องเล่นเกมที่ต้องใช้รายละเอียดเยอะ ดูท่าจะไม่เหมาะสม
ทดสลองการเชื่อมต่อ
Nokia 4.2 มาพร้อมกับระบบสแกนใบหน้าทั้งแบบ WiFi 802.11 N (2.4GHz), Bluetooth 4.2 และการเชื่อมต่อ GPS ที่มองไปแล้วการทำงานถือว่าทำได้ดี
การแสดงผล / ระบบเสียง
หน้าจอของ Nokia 4.2 เลือกใช้หน้าจอแบบ IPS LCD ความละเอียด 1520x720 พิกเซล แม้ว่าจะไม่ได้เยอะ แต่ว่าด้วยความหน้าจอไม่ได้ใหญ่ทำให้คุณสามารถใช้แสดงผลคลิปได้อย่างดี
ระบบเสียงตัวเครื่องให้ลำโพงมาตัวเดียวอยู่ข้างล่าง และ สามารถเสียบหูฟังหรือเชื่อมต่อกับ Bluetooth ได้เช่นเดียวกัน แถมยังมี FM Radio มาให้
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ความปลอดภัย
ฟีเจอร์เด่นของมือถือคงเน้นเรื่องของระบบปฏิบัติการ Android Pie และเข้าโครงการ Android One และนอกจากนี้มาพร้อมกับ Patch ความปลอดภัยที่อัปเดตอย่างต่อเนื่อง และลูกเล่นต่างๆ ยังไม่ได้แตกต่างจาก Android One ปกติเช่น Application ของ Google มาให้ครบเครื่องเลย
ระบบความปลอดภัยมาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือและระบบสแกนใบหน้ามาให้
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
ส่วนกล้องหลังของ Nokia 4.2 ให้กล้องหลังคู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเลนส์ปกติ และ 2 ล้านพิกเซล ไว้สำหรับละลายหลังมาให้
หน้าตาโหมดกของกล้อง Nokia 4.2
สำหรับหน้า Interface ของ Nokia 4.2 มีการปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายมากขึ้นกับการเปลี่ยนโหมดด้วยการผลักไปมา และรูปแบบโหมดต่างๆ ครบ ข่าวดีคือ Nokia 4.2 มาพร้อมกับการบันทึกภาพ JPEG และ RAW ในเวลาเดียวกัน และมี AI Scene มีให้เลือกด้วย เรียกได้ว่านี่คือมือถือที่มีราคาไม่แพงแต่ทำฟีเจอร์นี้ได้
ลองถ่ายภาพด้วย Nokia 4.2 เป็นอย่างไร
สำหรับภาพกลางคืนโทนสีจะดูโดดเด่นเพราะตัวนี้มี Scene Optimize และทำงานร่วมกับ AI ทำให้ภาพออกมาดูสดใสขึ้นแบบเห็นได้ชัด
ภาพกลางคืนเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดีแม้ว่าจะไม่ได้มีโหมดการถ่ายภาพกลางคืนก็ตาม
สำหรับการถ่ายภาพอื่นๆ มือถืออย่าง Nokia 4.2 มีการออกแบบให้คุณถ่ายภาพทั้งอาหาร, บุคคล และยังมี Filter ปรับแต่งสร้างสรรค์ภาพของคุณได้อย่างง่ายดาย
การถ่ายวิดีโอด้วย Nokia 4.2 เป็นอย่างไร
รองรับการถ่ายวิดีโอหลายแบบแต่ถ้าเป็นโหมดปกติสามารถใช้ความละเอียด 1080P แบบ 30 FPS เท่านั้น
กล้องหน้าขนาด 8 ล้านพิกเซลของ Nokia 4.2 เป็นอย่างไร
สำหรับกล้องหน้าของ Nokia 4.2 มีโหมดละลายหลังมาหรือหรือ Live Boken และสามารถตอบสนองการถ่ายภาพได้อย่างดี
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ / การชาร์จไฟกลับเข้าไป
แบตเตอรี่ของ Nokia 4.2 จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 3000 mAh แม้ว่าจะไม่เยอะ แต่สเปกรายละเอียดของเครื่องไม่ได้มาก ทำให้ใช้งานได้ค่อนข้างยาวนานพอสมควร การทดสอบแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้ประมาณ 10 ชั่วโมง ถือว่ากำลังดีเลย
แต่น่าเสียดายที่ Nokia 4.2 ไม่มีระบบ Quick Charge มาให้เท่านั้นเอง
สรุปหลังจากทีม Sanook! Hitech ได้ลองใช้ Nokia 4.2
เป็นอีกมือถือรุ่นเริ่มต้นที่ไม่ต้องจ่ายเงินแพงๆ เพื่อจะครอบครองมันมา โดยลูกเล่นต่างๆ พื้นฐานถือว่าครบครันและใช้งานได้ง่าย แถมอัปเดตได้ค่อนข้างถี่พอสมควรเรียกได้ว่า เป็นอีกรุ่นที่น่าใช้หรือจะหาเป็นเครื่องสำรองก็ดีเหมือนกัน
โดยราคาของ Nokia 4.2 จะอยู่ที่ 4,490 บาท และความจุใหม่ RAM 3GB / ความจำ 32GB ราคา 5,290 บาท ถือว่าเป็นอีกมือถือที่ถ้าต้องการ Android One หรือ ใช้งานได้นานไม่ต้องห่วงเรื่องอัปเดต หรือ ต้องการมือถือสเปกดีน้ำหนักเบาถือว่าเป็นอีกรุ่นที่คบหาได้แน่นอนเลยครับ
จุดเด่น
- ตัวเครื่องขนาดเล็กพกสะดวก
- ฟีเจอร์ครบเครื่อง
- สามารถถ่ายภาพ RAW File ได้
- ราคากำลังดี
- อัปเดตได้นาน
ข้อควรปรับปรุง
- สเปกเครื่องไม่ได้ออกแบบให้ใช้กับงานหนัก
- ไม่ได้กันน้ำน้ำ
- ไม่มีระบบ Quick Charge มาให้