รีวิวกล้อง OPPO Reno 10x Zoom แบบจัดเต็ม เครื่องเดียวเอาอยู่! พร้อมลุยทั้งกลางวันและกลางคืน

รีวิวกล้อง OPPO Reno 10x Zoom แบบจัดเต็ม เครื่องเดียวเอาอยู่! พร้อมลุยทั้งกลางวันและกลางคืน

รีวิวกล้อง OPPO Reno 10x Zoom แบบจัดเต็ม  เครื่องเดียวเอาอยู่! พร้อมลุยทั้งกลางวันและกลางคืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ทีม SANOOK! ได้ OPPO Reno 10x Zoom มาอยู่ในมือ พร้อมโจทย์ท้าทายให้ลองเล่นเพื่อพิสูจน์ว่าดีจริงแค่ไหน พลังซูม 60 เท่าเด็ดสมคำบอกเล่าหรือเปล่า และกล้อง 3 ตัวที่ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด  48MP, กล้อง Wide angle ความละเอียด 8MP และกล้อง Telephoto ความละเอียด 13MP จะสามารถทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน  ดังนั้นเราจึงขอถือ OPPO Reno 10x Zoom ตะลุยเที่ยวหนึ่งวันเต็มๆ  ทั้งเช็คอินร้านกาแฟ เก็บภาพบรรยากาศโดยรอบ ทดลองพลังซูม ไปจนถึงท้าทายความสามารถในช่วงกลางคืนกับ Ultra Night Mode 2.0 ว่าจะคุ้มค่ากับการเปลี่ยนมาเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหลักหรือไม่ ไปกันเลย!

เริ่มต้นกันที่คาเฟ่กับการทำรีวิวร้านอาหารตามสไตล์ Café Hopping
เอาล่ะ! ต้องยอมรับว่า OPPO Reno 10x Zoom  ได้ใจกันตั้งแต่แรกเริ่มเลยทีเดียว เพราะคาเฟ่ที่เลือกมาวันนี้ แสงในร้านค่อนข้างส้มทำให้หนักใจ เพราะเป็นแสงที่ถือว่าปราบเซียน ต่อให้ถ่ายดียังไงก็สวยยาก แต่นับว่าโชคดีที่ OPPO Reno 10x Zoom มี Dazzle Color Mode 2.0 ที่ใช้ประโยชน์จาก AI engines ในการคืนค่าความสว่างและสีของภาพ ทำให้สีของภาพถ่ายดูสดใสเป็นธรรมชาติ เราสามารถปรับสีทั้งพื้นหน้าและพื้นหลังให้เป็นปกติได้ ภายใต้ผลลัพธ์ที่ต้องบอกเลยว่ายอดเยี่ยม

ถึงแสงในร้านจะส้มแค่ไหน แต่ Dazzle Color Mode 2.0 ช่วยได้!ถึงแสงในร้านจะส้มแค่ไหน แต่ Dazzle Color Mode 2.0 ช่วยได้!

ถ่ายพอทเทรทก็ยังรอด แสงส้มทำอะไรเราไม่ได้จริงๆถ่ายพอทเทรทก็ยังรอด แสงส้มทำอะไรเราไม่ได้จริงๆ

แล้วก็ได้โอกาสทดลองพลังซูมที่ถือเป็นจุดเด่นของ OPPO Reno 10x Zoom ที่การันตีมาว่าซูมได้ 10 เท่าแบบไม่เสียรายละเอียด และยังเพิ่มพลังไปได้เต็มขั้นถึง 60 เท่า ภายใต้การทำงานของ Dual OIS ระบบป้องกันการสั่นไหวแบบคู่ ลดความสั่นของกล้องแม้ซูมเข้าสุด ซึ่งแนะนำว่าในการใช้พลังซูม 60 เท่าควรใช้ขาตั้งกล้องควบคู่กันไปด้วยเพื่อเพิ่มระดับความคมชัด เพราะการซูมที่ 60 เท่าถือเป็นการซูมแบบดิจิทัลนั่นเอง

ทดสอบพลังซูมทดสอบพลังซูม

จากนั้นได้เวลาเข้าเมืองเพื่อถ่ายภาพตึกดีเทลสวยในเมืองใหญ่ พร้อมทดลองใช้โหมด Ultra-Wide Angle ซึ่งดีสมคำบอกเล่ากับการเก็บภาพมุมกว้างได้มากถึง 120 องศา

เปิดโหมด Ultra-Wide Angleเปิดโหมด Ultra-Wide Angle

ปิดโหมด Ultra-Wide Angleปิดโหมด Ultra-Wide Angle

ยุคนี้เป็นยุคที่เซลฟี่ครองเมือง ดังนั้นเราก็ต้องลองเล่นโหมดเซลฟี่กับ OPPO Reno 10x Zoom กันหน่อย เพราะเขามาพร้อมกับ กล้องหน้าสไลด์ซ่อนได้อัตโนมัติแบบ Pivot Rising Camera มีความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล พร้อมขนาดรูรับแสง F/2.0 รองรับ AI Beauty, HDR และ Face Protection อีกทั้งยังผ่านการทดสอบถึง 2 แสนครั้ง และรองรับฟีเจอร์ตรวจจับแรงโน้มถ่วง เมื่อเครื่องหล่น ตัวเครื่องจะเก็บกล้องให้เองโดยอัตโนมัติ

ทดลองเปิดโหมด AI ในการเซลฟี่ทดลองเปิดโหมด AI ในการเซลฟี่

และนี่คือผลลัพธ์จากการปิดโหมด AI ในการเซลฟี่และนี่คือผลลัพธ์จากการปิดโหมด AI ในการเซลฟี่

เมื่อมีของดีอยู่ในมือก็ต้องลองถ่ายภาพตอนกลางคืนดูหน่อย!
OPPO Reno 10x Zoom ทำหน้าที่ได้อย่างดีกับการเก็บภาพตอนกลางคืนได้อย่างมีมิติกับ Ultra Night Mode 2.0 ภาพออกมาดูคมชัด มีมิติ ให้แสงสวยกำลังดีทีเดียว

วันนี้เที่ยวแบบยาวๆ ตลอดวัน โดยมี  OPPO Reno 10x Zoom  เป็นสมาร์ทโฟนคู่กาย ทำทุกอย่าง ตั้งแต่ถ่ายรูป ทำงาน รับส่งอีเมล์ เข้าโซเชียล เช็คทวิตเตอร์ ไล่ไปจนถึงนั่งตอบไลน์แบบรัวๆ ทำให้กลับถึงบ้านแบตเตอรี่ความจุ 4,065 mAh หมดพลังไปเยอะ แต่เราก็ยังมีเรื่องต้องทำต่อจึงถือเป็นโอกาสดีได้ทดสอบ VOOC Flash Charge 3.0 ที่มาพร้อมพลังชาร์จเร็วขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแป้ปเดียวเท่านั้น แบตเตอรี่พุ่งขึ้นพรวดๆ จนเกือบเต็มแล้ว

จากนั้นก็ถึงเวลาทดลองลำโพงที่ถือเป็นอีกฟีเจอร์เด่น ที่หลายคนตกหลุมรัก ด้วยความที่ OPPO Reno 10x Zoom ปล่อยของแบบจัดเต็มให้ลำโพงแบบสเตอริโอ + Dolby Atmos เสมือนโรงภาพยนตร์แบบพกพา บอกได้เลยว่าเป็นเทคโนโลยีมาตรฐานเดียวกันกับโรงภาพยนต์ระดับไฮคลาส ให้ดูหนัง ฟังเพลงแบบอินสุดๆไปเลย!

สรุปความรู้สึกหลังใช้
หลังจากได้ลองเล่น ลองใช้ OPPO Reno 10x Zoom แบบยาวๆ บอกได้เลยว่า “ชอบมาก” โดยเฉพาะเรื่องของกล้องที่จัดเต็มสมกับเป็นสมาร์ทโฟนระดับท็อป ด้วยระบบ  กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว (Triple Camera) ความละเอียด  48+13+8 ล้านพิกเซล โดยเลือกใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX586 พร้อมเลนส์ Telephoto แบบ Periscope และ Wide Angle กว้าง 120 องศา ที่มีขนาดรูรับแสง F/1.7 + F/3.0 + F/2.2 รองรับเทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ Triple Focus, โหมด Portrait, Smart HDR, โหมดถ่ายภาพกลางคืน Ultra Night Mode 2.0, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual OIS, การซูมแบบ 10x Hybrid Zoom พร้อมซูมสูงสุดที่ 60 เท่า (60x Digital Zoom)

ที่สำคัญยังไม่ได้ปังแค่เรื่องถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอก็สามารถ บันทึกวิดีโอได้สูงสุดที่ระดับ 4K 60fps มีเทคโนโลยี Audio Focus ใช้ไมโครโฟนสามตัวจากโทรศัพท์ เพื่อบันทึกเสียงรอบข้างได้ 360° สามารถบันทึกและคืนค่าเสียงได้อย่างแม่นยำ ทำให้ได้ภาพและเสียงที่ตรงกันอีกด้วย และขอบอกเลยว่าถ่ายวิดีโอ ฟีเจอร์ซูม 60 เท่าก็สามารถใช้ได้!

ดังนั้นเราถือว่าคุ้มค่ากับราคา 28,990 บาท เพราะนอกจากเทคโนโลยีที่จัดเต็ม งานดีไซน์ยังเยี่ยมยอดด้วยการจัดวางกล้อง โลโก้และอื่นๆ ให้อยู่ตรงกลางของฝาหลัง เพื่อความสวยงามแบบสมมาตร และกล้องหลังไม่นูนออกมาจากฝาหลัง จึงเพิ่ม O-Dot จุดเซรามิกตรงกลางฝาหลัง เพื่อปกป้องเลนส์กล้องจากการวางโทรศัพท์บนพื้นเรียบ มีสีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ocean Green และ Jet Black ส่วนชิปเซ็ต Snapdragon 855 และ HyperBoost2.0 ทำงานร่วมกันให้ประสบการณ์การใช้งานแบบไหลลื่นจนน่าประทับใจ

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook