รีวิวมือถือ Motorola One Vision โทรศัพท์มือถือราคาหมื่นเดียว มั่นใจด้วย Android One ไม่โดนลอยแพ

รีวิว Motorola One Vision มือถือหมื่นเดียว กล้อง 48 ล้านถ่ายกลางคืนไม่แพ้ใครแถมเป็น Android One ไม่โดนลอยแพ

รีวิว Motorola One Vision มือถือหมื่นเดียว กล้อง 48 ล้านถ่ายกลางคืนไม่แพ้ใครแถมเป็น Android One ไม่โดนลอยแพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอาเข้าจริง ๆ สมาร์ตโฟนกลุ่ม Mid Range ก็มีการแข่งขันกันในตลาดที่ดุเดือดออกรสไม่น้อยหน้าไปกว่า High End  แถมในตอนนี้ ผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็ยิ่งจะต้องปวดหัววินเวียนศรีษะเลือกไม่ถูกกันไปอีกขั้น เนื่องด้วยการมาของ Motorola One Vision สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ของฮัลโหลโมโต ~ ที่ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า “มีความน่าสนใจและคุ้มค่าไม่แพ้เจ้าใดในตลาด” แต่อะไรบ้างล่ะที่เด่นและเป็นข้อสังเกตของรุ่นนี้? เชิญมาหาคำตอบได้ในบทความรีวิวนี้ได้เลยครับผม!

Motorola One Vision

สเปกที่น่าสนใจของ Motorola One Vision ระบบปฎิบัติการ: Android v9.0 (Pie) และเป็น “Android One” ขนาดหน้าจอ: 6.3 นิ้วแบบ FHD+ (1080 X 2520) สัดส่วน 21:9 ในชื่อ “CinematicVision” หน้าจอ: LTPS IPS LCD, 16 ล้านชุดสี ชิปประมวลผล: Exynos 9609 (ชิปประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP3) แรม: 4GB หน่วยความจำภายใน: 128GB (เพิ่มได้สูงสุด 512GB) แบตเตอรี่: 3,500 mAh พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จแบบ Turbo กล้องหน้า (Front Camera): 25 ล้านพิกเซล F2.0, Quad Pixel 0.9um กล้องหลัง (Rear Camera): กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล + ระบบป้องกันสั่น OIS + กล้องวัดระยะ 5 ล้านพิกเซล + F1.7 เทคโนโลยี Quad Pixel 1.6um, dual CCT LED (แต่ความละเอียดภาพที่ได้จะเป็น 12 ล้านพิกเซล) พอร์ต: แจค 3.5 มิลลิเมตร, Micro USB 3.0 ระบบเซ็นเซอร์ (Sensor): สแกนลายนิ้วมือหลังเครื่อง หน้าจอ 21:9 สุด ๆ แห่งความเอ็นเตอร์เทน!

Motorola One Vision

ในขณะที่สมาร์ตโฟนเจ้าอื่นในท้องตลาดมีความใกล้เคียงกันของอัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9 หรือไม่ก็ 18:9 แต่ Motorola One Vision กลับเลือกที่จะทำให้หน้าจอนั้น มีขนาดที่ไม่ค่อยมีใครเขาจะทำกัน (ยกเว้น Xperia ที่ก็ไม่เข้าบ้านเราเสียแล้ว เศร้า…) คืออัตราส่วน “21:9” ซึ่งเหตุผลที่เป็นเช่นนั้น ก็เป็นเพราะ Motorola ต้องการขับเน้นที่ความสามารถด้านการใช้แบบเอ็นเตอร์เทนเป็นหลักทั้งจากการชมภาพยนตร์และเล่นเกม โดยพวกเขาได้ตั้งชื่อหน้าจอนี้เอาไว้ว่า CinemaVision แบบ Full HD+ ไร้ขอบ

ซึ่งจากที่ผู้เขียนได้ทดลองใช้ดูก็ต้องขอบอกเลยว่ามันเป็นไปตามที่เขาต้องการได้อยู่นะ คือด้วยความที่หน้าจอเป็นไซส์เดียวกันกับสัดส่วนที่ภาพยนตร์ใช้ ๆ กันอยู่ เวลาเราดูหนังหรือวิดีโออะไรก็ตามที่มีสัดส่วนนี้อยู่แล้วพร้อมปิดไฟไปด้วย มันก็จะได้ความรู้สึกเหมือนเราดูอยู่ในโรงหนังแบบกลาย ๆ 

Motorola One Vision

แต่กระนั้นก็มีข้อสังเกตที่ไม่ได้เกี่ยวกับหน้าจอโดยตรงหรอกครับ แต่มันเป็นเรื่องของการทำกล้องแบบเจาะรูที่มันไปรบกวนวิสัยทัศน์เราได้ประมาณหนึ่ง และจะเห็นได้ชัดหากเราถ่างดูวิดีโอบน YouTube แบบเต็มจอหรือเมื่อเห็นแค่หน้าจอเปล่า ๆ หน้าหลัก แต่ก็นะ… นี่อาจจะเป็นเรื่องของความขี้รำคาญส่วนบุคคล (โดยเฉพาะผู้เขียน)

ดีไซน์เรียวสวยพร้อมสีที่เรียบหรู

Motorola One Vision

ภาพรวมดีไซน์ตัวเครื่องของ Motorola One Vision ก็ยังอยู่ในความร่วมสมัยและใกล้เคียงกับสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ นั่นแหล่ะครับ แต่ที่ดูจะแตกต่างไปกว่าเช้าบ้าน ก็คือความยาวของตัวเครื่องที่มากกว่าและความกว้างที่น้อยกว่าหลายรุ่น ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์และถน้ดมือดีในกรณีต้องถือมือเดียว (ไม่ต้องเกร็งเวลาพิมพ์หรือเลื่อนหาอะไรในหน้าจอ)

มาที่ด้านสีของเครื่องกันบ้าง รุ่นที่ผู้เขียนได้มารีวิวมีชื่อว่า Sapphire Gradient (แปลแบบสวยงามได้ว่าการไล่สีของฟ้าไพลิน) ที่จะเป็นไล่ระดับของสีน้ำเงินเข้มที่ดูสวยงามเรียบหรูใช้แบบถอดเคสได้แบบไม่ต้องเขินอาย แถมจะยิ่งสวยเข้าไปอีกหากฝาเครื่องตกกระทบและสะท้อนเข้ากับแสง

Android One ระบบปฎิบัติการณ์ “ลื่นปรื้ด” และ “ไม่โดนลอยแพ”

Motorola One Vision

นี่คือข้อดีอันดับต้น ๆ ของ Motorola One Vision เลยล่ะ คือ จริงอยู่ที่ Android One อาจไม่ใช่ Pure Android โดยถ่องแท้ แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพด้านความเร็วแล้ว ก็จัดว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ ของระบบปฎิบัติการณ์ครอบทั้งหลายเลยทีเดียว ความรู้สึกสัมผัสหน้าจอก็ลื่นปรื้ด เปิดแอปก็ไว อีกทั้งด้วยความที่ Android One ได้รับการการันตีและคัดสรรค์ฮาร์ดแวร์จากทาง Google โดยตรงเพื่อให้สามารถใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เป็นของทางอากู๋ได้ อาทิ รองรับเสียงระดับ Dolby Atmos, กล้อง Google Lens ฯลฯ อีกทั้งสิ่งหนึ่งที่เจ๋งเอามาก ๆ คือการที่ตัวเครื่องนั้นจะไม่โดนลอยแพพร้อมไปต่อยัน Android R เลยล่ะ

Motorola One Vision

แถม UI (User Interface) ของตัวเครื่องก็มีความเรียบง่ายสะอาดตาใกล้เคียง Pure Android ไม่สร้างความแตกต่างหรือเอกลักษณ์ของตัวเองเหมือน OS ครอบทั้งหลาย

Motorola One Vision

ซึ่งถ้าจะพูดถึงความลื่น ก็คงต้องมาต่อกันด้วยเรื่องของสเปกเลยล่ะกันครับ Motorola One Vision ให้ชิปประมวผลมาเป็น Exynos 9609 ที่ปกติจะอยู่ในมือถือของ Samsung รุ่นระดับกลาง ๆ แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ประสิทธิภาพมันก็ไม่ได้แย่อะไร สามารถเล่นมือถือแห่งยุคทั้งหลายได้ในเกณฑ์ที่ดี (PUBG ปรับภาพได้ในระดับกลาง ๆ และสูงบางข้อ, ROV ก็รันในโหมดเฟรมเรตสูงได้แต่จะได้เฟรมประมาณ 55 FPS, ฯลฯ) แต่ในส่วนของแรมที่ให้มา 4GB เนี้ยสิ ผู้เขียนว่ามันน้อยไปหน่อยเลยทำให้เกิดปัญหาการเปิดแอปหลายตัวมากไม่ได้ (ง่าย ๆ คือตัวเครื่องจัดการแรมไม่ทันเพราะมีน้อยเกินนั่นแหล่ะ) ส่วนเรื่องของพื้นที่ภายใน 128GB ก็เหมือนจะเป็นมาตรฐานความจุของมือถือสมัยนี้แล้วล่ะ และมันก็น่าจะเพียงพอต่อการดาวน์โหลดแอป ๆ ต่างมาตุนไว้ในเครื่องแล้วนะ แต่ถ้าไม่พอตัวเครื่องก็ยังสามารถซื้อการ์ดมาใส่เพิ่มได้อีก 512GB นะ

กล้องหลักเซนเซอร์ 48 ล้านที่ไว้วางใจภาพถ่ายกลางคืนได้ในระดับหนึ่ง

Motorola One Vision

กล้องหน้าและหลักของ Motorola One Vision ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Quad Pixel ซึ่งเป็นผสานรวมกันของ 4 พิกเซลให้กลายเป็นพิกเซลใหญ่อันเดียวที่มีขนาด 1.6µm โดยจะมีเซนเซอร์ 48 ล้านพิกเซลที่จะทำให้ภาพออกมาเป็นขนาด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งผลลัพธ์ของเทคโนโลยนี้จะเป็นการที่เราสามารถถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อย ในขณะที่ภาพช่วงกลางวันจะก็มีขอบของวัตถุในภาพที่ดีคมชัดขึ้น อีกทั้งตัวกล้องยังมาพร้อมเทคโนโลยี OIS (Optical Image Stabilisation) หรือว่าง่าย ๆ คือการกันสั่น

Motorola One Vision

ที่กล่าวไปย่อหน้าข้างบนคือข้อมูลทางเทคนิค แต่เรามาดูถึงความรู้สึกในคุณภาพของรูปถ่ายที่ได้กันจริงๆ ดีกว่าครับ ผู้เขียนขอสารภาพตามนี้เลยว่า Motorola One Vision อาจจะเป็นสมาร์ตโฟนที่ไม่ได้มีเด่นชัดด้านการถ่ายภาพตอนกลางวันหรือบุคคลสักเท่าไหร่ คุณภาพของรูปที่ได้ถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ พวกภาพที่ได้จะมีแสงและคอนทราสต์ที่ดูจืด ๆ แห้ง ๆ ไปสักหน่อย

Motorola One Vision

แต่กระนั้นเมื่อเป็นโหมด Night Vision หรือภาพถ่ายตอนกลางคืน Motorola One Vision ก็ทำได้ดีอยู่นะ คือภาพโดยรวมจะมีความคม มีการเก็บสี, เงาและคอนทราสต์ที่ทำให้ภาพดูน่ามองขึ้นด้วยซอฟต์แวร์อีกที และเราก็ไม่ต้องกลัวว่าภาพที่ได้จะสั่นเพราะมี OIS รองรับอยู่ช่วยให้ภาพที่ได้ออกมานิ่งประมาณหนึ่ง

Motorola One Vision

ส่วนภาพถ่ายจากกล้องหน้าที่มีความชัด 25 ล้านพิกเซลก็ถือว่าน่าประทับใจระดับหนึ่ง โดยในโหมดถ่ายภายบุคคล (Portrait) ก็จะมีให้เลือกระดับความเบลอของฉากหลังที่ก็ไม่หลอกตาจนเกินไปในระดับกลาง ๆ (แต่ก็นะถ้าปรับระดับสูงก็ดูออกอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ) แต่ผู้เขียนว่ามันคงจะไม่เหมาะกับสาว ๆ สักเท่าไหร่เพราะไม่มีโหมดบิวตี้อะไรมาให้เลย ซึ่งไอเจ้ากล้องหน้าตัวนี้ก็ดันเก็บความคมดีซะด้วยสิ (ฮ่าๆ)

Motorola One Vision Motorola One Vision Motorola One Vision Motorola One Vision สรุป

Motorola One Vision

โดยภาพรวม Motorola One Vision ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับสมาร์ตโฟนรุ่น Mid-Range ซึ่งเด่น ๆ เลยสำหรับเจ้าเครื่องนี้ก็คงจะเป็นระบบปฎิบัติการณ์ Android One ที่ลื่นดีแถม UI ไม่รกตา กล้องเองก็เป็นอะไรที่น่าสนใจเหมือนกันในระดับกลาง ๆ (แต่แอบเสียตรงไม่มีเลนส์ไวด์มาให้) สเปกที่ใช้งานได้ไม่ติดขัดอะไรถ้าไม่ได้เปิดแอปค้างไว้เยอะ เอาเป็นว่าในราคา 9,990 บาท ก็ถือว่าคุ้มแล้วล่ะครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook