[Hands On] Nokia 9 Pureview & Nokia 2.2 รุ่นล่าสุดของ Nokia ที่อัปเกรดได้นาน
วันนี้ HMD Global ได้เปิดตัวมือถือ Nokia ชุดใหญ่ไฟกระพริบถึง 4 รุ่นด้วยกันประกอบไปด้วย Nokia 2.2, Nokia 9 PureView และ Nokia 8.1, 4.2, และ 3.2 สเปกอัปเกรดที่หน่วยความจำ สำหรับรอบนี้ทีม Sanook! Hitech จะพาคุณมาลอง Nokia 9 PureView และ Nokia 2.2 รุ่นใหม่แบบสั้นๆ ว่าจะเป็นอย่างไร
สำหรับ Nokia รุ่นที่ทีม Sanook! Hitech ได้รีวิวไปแล้วสามารถอ่านได้ที่นี่
>> รีวิว Nokia 3.2 มือถือราคาประหยัด ไซล์กำลังดี กับระบบ Android One
>> รีวิว Nokia 4.2 มือถือจับถนัดมือ พร้อมฟีเจอร์ครบเครื่องในสไตล์ Android One
>> รีวิว "Nokia 8.1" ความลงตัวของรูปร่างที่สวยงาม ประสิทธิภาพดี และ ราคาเฉียดหมื่น
แรกเห็นรูปร่างของ Nokia 2.2 และ Nokia 9 Pureview
เริ่มต้นกับ Nokia 2.2 รุ่นล่าสุดที่มีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามากขึ้น โดยมีหน้าจอพร้อมกับ Notch อยู่ด้านบน มาพร้อมกับหน้าขนาดความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ขนาดหน้าจอ 5.71 นิ้วความละเอียด 1520x720 พิกเซล
รอบตัวเครื่องทำจากพลาสติกที่สามารถถอดฝาหลังได้ มาพร้อมกับ ปุ่มต่างๆ รอบตัวเช่น Google Assistant ฝั่งซ้าย, Power และ ปรับระดับเสียงได้อยู่ฝั่งขวา ส่วนช่องเสียบหูฟังอยู่ด้านบน และ ช่องเสียบ MicroUSB ลำโพงอยู่ด้านหลังของเครื่อง
ด้านหลังมีกล้องตัวเดียวความละเอียด 13 ล้านพิกเซล จะมาพร้อมกับ LED Flash ส่วนหลังสามารถถอดฝาหลังและเปลี่ยนได้หลากหลายสี แต่เบื้องต้นในประเทศไทยจะมีสี Steel และ สีดำ
ส่วน Nokia 9 PureView จะมาพร้อมกับหน้าจอความละเอียด 5.99 นิ้ว ความละเอียด 2880x1440 พิกเซล มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ถือว่าดีเลยทีเดียว
สำหรับรอบตัวเครื่องมาพร้อมกับของตัวเครื่องที่สวยงาม โดยมีจุดเด่นเป็นอะลูมิเนียม และมาพร้อมกับปุ่มกดขนาดใหญ่ที่สามารถกดใช้งานได้อย่างดี และมีช่องใส่ SIM ข้างบน และ USB-C ข้างล่างพร้อมกับลำโพงตัวเครื่องและไมโครโฟน
สำหรับด้านหลังของ Nokia 9 PureView จะมาพร้อมกับกล้อง 5 ตัว เลนส์ Zeiss Optical และ LED Flash แบบ True Tone และออกแบบเรียบง่าย และให้ความเป็น 3D แถมรุ่นนี้กันน้ำได้ในแบบ IP67 และมีสีน้ำเงิน Midnight Blue
สเปกและฟีเจอร์ของ Nokia 9 PureView และ Nokia 2.2
รายละเอียดของ Nokia 2.2
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 146 x 70.6 x 9.3 มม.
- น้ำหนัก: 161 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : ไม่ระบุ
- หน้าจอ: IPS LCD ขนาด 5.71 นิ้ว ความละเอียด 1520x720 พิกเซล
- ชิปเซ็ต MediaTek Helio A22 + GPU PowerVR GE8322
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N Single Band, Bluetooth 4.2, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie (Android One)
- ระบบความปลอดภัย
- ระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D
- กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล (f2.2 Main)
- กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล (f2.0)
- แบตเตอรี : 4,000 mAh
- แรม/ความจุ : RAM 2GB / ความจำ 16GB | RAM 3GB / ความจำ 32GB เพิ่มความจำได้แบบ Micro SD 400GB
- สี : Steel, Tungsten Black
รายละเอียดของ Nokia 9 PureView
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 155 x 75 x 8 มม.
- น้ำหนัก: 172 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : IP67
- หน้าจอ: IPS LCD ขนาด 5.99 นิ้ว ความละเอียด 2880x1440 พิกเซล
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdrago 845 + GPU Andeno 630
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC Dual Band, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie (Android One)
- ระบบความปลอดภัย
- ระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D
- ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
- กล้องหลัง : 12 ล้านพิกเซล 5 ตัว (MonoChrome 2 ตัว RGB 3 ตัว)
- กล้องหน้า: 20 ล้านพิกเซล (f2.0)
- แบตเตอรี : 3320 mAh + Quick Charge 10W
- แรม/ความจุ : RAM 6GB/ ความจำ 128GB
- สี : Midnight Blue
แน่นอนว่าสเปกของเครื่องทั้งคู่ถือว่าคุ้มค่า และจุดเด่นสำคัญของ Nokia มี 4 เรื่อง
- การออกแบบเครื่องที่เรียงง่าย แต่สวยงาม ตามแบบยุโรป
- ระบบความปลอดภัยที่ได้อัปเดตตลอด
- กล้องหลัง Zeiss ที่ให้ความสามารถให้การตอบสนองดี
- เป็น Android One สามารถอัปเดตได้ระบบปฏิบัติการใหม่ตลอด
ทั้งคู่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android Pie และเป็นแบบ Pure Android ที่สามารถใช้งานได้ราบรื่น และรองรับกับการอัปเดตความปลอดภัยทุกเดือน และยังรองรับ Android Enterprise recommend ได้ และสามารถทำงานได้เร็วขึ้นและดีขึ้น เท่ากับยิ่งใช้ยิ่งดีขึ้น เพราะมี AI เรียนรู้การใช้งาน
ส่วนระบบความปลอดภัยของ Nokia 9 PureView มีระบบสแกนใบหน้า และมีระบบสแกนลายนิ้วมือภายในหน้าจอ โดยจะมีการบันทึกการสแกนนิ้วอยู่ตรงกลาง ส่วน Nokia 2.2 ใช้ระบบสแกนใบหน้าเพียงอย่างเดียว ที่มีระบบตรวจสอบภาพว่าเป็นคนหรือภาพนิ่งได้
ฟีเจอร์ฉลาดๆ ที่ใส่มาทั้งคู่คือ Google Assistant จะรองรับการสั่งงานด้วยเสียง จะมีปุ่มกดสั่งงาน Assistant ข้างซ้ายตัวเครื่องก็เรียกใช้งานได้เลย และกดค้างเพื่อเรียก ฟีเจอร์ Walkie Talkie ได้ด้วย
ความแตกต่างจะอยู่ในเรืองกล้อง โดย Nokia 2.2 มาพร้อมกับฟีเจอร์ AI Scene ที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานของภาพ ที่ดีมากขึ้น และมี HDR ด้วยความละเอียด 13 ล้านพิกเซลรองรับการทำงานผ่าน Google Lens ได้ด้วย
ส่วนกล้องหน้าของ Nokia 2.2 มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับการปรับความสวยงามของหน้า หรือ Beautification
ส่วนกล้องของ Nokia 9 PureView ให้มาจัดหนัก มาพร้อมกับเลนส์แบบ RGB 3 เลนส์ และ Monochrome 2 ตัว ช่วยให้เก็บแสงได้ดีถึง 2.5 เท่าและการทำงานจะรวมกันทั้งหมด 1 ครั้งจากกล้องทั้งหมด 5 ตัวรวมภาพขนาดใหญ่ถึง 240MP และกล้องทั้ง 5 สามารถถ่ายภาพภาพในลักษณะที่อิสระจากกันได้
นอกจากนี้การเข้าทำหน้าชัดหลังเบอร์ จะมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีการแบ่ง Layer ได้มากถึง 1,200 ขั้น ทำให้ความสมจริงรุ่นนี้ทำได้ดี และสามารถนำไปปรับแต่งได้ ผ่าน RAW+DNG เอาไปปรับแตกต่างต่อได้ง่ายและสามารถใช้ผาน Adobe Lightroom ได้ง่ายดาย ปรับตั้งแต่ ความสว่างและสีสันได้ รวมไปถึงการปรับละลายหลังผ่าน Google Photos ก็สามารถปรับแก้ไขภาพได้
ส่วนภาพขาวดำจะเป็นการให้รายละเอียดของภาพและแสงทำได้ดีขึ้น และทำให้แสงที่ดีออกมาถึง 2.9 เท่า
สรุปหลังจากสัมผัส Nokia 9 Pure View และ Nokia 2.2 ครั้งแรก
จากที่ลองก็จะได้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน 2 แบบ Nokia 2.2 คุณจะได้เครื่องครบเครื่องและราคาไม่แพงกับความสามารถที่เหนือเกินความคาดหมาย ส่วน Nokia 9 PureView ถึงแม้ว่าจะมาช้า แต่เครื่องที่ได้มาก็ถือว่าครบเครื่อง และได้กล้องความละเอียดสูงและความสามารถที่คุณต้องลอง
สำหรับราคาของ Nokia ทั้ง 4 รุ่นที่ได้เปิดตัวไปทั้งหมด มีดังนี้
- Nokia 9 PureView ความจำ 128GB / RAM 6GB 21,900 บาท และ Online ผ่าน Shopee 18,900 บาท
- Nokia 8.1 ความจำ 128GB / RAM 6GB ราคา 15,900 บาท ส่วน Online 11,490 บาท
- Nokia 3.2 ความจำ 32GB / RAM 3GB ราคา 4,290 บาท
- Nokia 4.2 ความจำ 32GB / RAM 3GB ราคา 5,290 บาท
- Nokia 2.2 ความจำ 16GB / RAM 2GB ราคา 2,990 บาท
- Nokia 2.2 ความจำ 32GB / RAM 3GB ราคา 3,590 บาท
สำหรับ Shopee จะได้ Coin กลับมาด้วย และเฉพาะ Nokia 2.2, Nokia 3.2, Nokia 4.2 จะวางจำหน่ายใน Shopee วันนี้ ส่วน Nokia 9 PureView จะเริ่มจำหน่ายกันในสัปดาห์หน้า
ส่วนรายละเอียดของ Nokia 9 PureView แบบเต็มๆ โปรดติดตามในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้