รีวิวหูฟัง Sony WF-1000XM3 ที่มาพร้อม Noise Cancelling ป้องกันเสียงรบกวน
กลับมาพบกับรีวิวจาก Sanook! Hitech กันอีกครั้ง คราวนี้เป็นคิวของ Sony WF-1000XM3 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ขอบอกว่าตอนนี้ของขาดตลาดไปแล้ว ต้องย้อนกลับไป Sony ได้มีหูฟังไร้สายคุณภาพดีอย่าง WF-1000X รุ่นใหม่ล่าสุด และออกมานานแล้วแม้ว่าคุณภาพดี
แต่สำหรับ WF-1000XM3 เป็นสุดยอดหูฟังไร้สายระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Truly Wireless รุ่นแรกที่มีการนำเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ HD Noise Cancelling Processor QN1e ซึ่งบรรจุอยู่ในหูฟังรุ่นพี่อย่าง WH-1000Xm3 มาใช้งานกับหูฟัง Truly Wireless ขนาดเล็ก เพื่อมอบประสบการณ์ฟังเพลงที่เหนือระดับยิ่งกว่าเดิมผสานกับจุดเด่นของเทคโนโลยี Dual Noise Sensor ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นซึ่งจะช่วยกรองเสียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ดีกว่าเดิม
ทั้งตัดเสียงรบกวนบนท้องถนน และเสียงสนทนารอบข้างได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผู้ใช้เพลิดเพลินไปกับการฟังเพลงในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวได้อย่างเต็มอรรถรสและปลอดภัยยิ่งขึ้น รวมถึงรองรับการประมวลสัญญาณเสียงดิจิทัลแบบ 24 bit พร้อมเทคโนโลยีเสียง S-Master HX Audio Amplifier และ DSEE HX Digital Sound Enhancement Engine ที่จะยกระดับปรับปรุงคุณภาพของสัญญาณที่ถูกบีบอัดมาจากต้นฉบับ ให้มีคุณภาพเสียงใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องของ Sony WF1000xm3
- หูฟัง True Wireless Sony WF1000xm3
- เคส
- จุกซิลิโคนเปลี่ยนขนาดหูฟัง 6 คู่ (ขนาดไม่เท่ากัน)
- คู่มือการใช้งาน
- สายชาร์จ USB-TypeC
ลักษณะและดีไซน์ภายนอกของ Sony WF1000xm3
ขณะที่ตัวหูฟังมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียงข้างละ 8.5 กรัม สวมใส่สบาย แถมพกพาสะดวกด้วยกล่องบรรจุเพื่อจัดเก็บ และชาร์จไฟพร้อมกันในตัว เมื่อตัวหูฟังถูกเสียบกลับลงในกล่องเคส โดยหูฟังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 6ชั่วโมงเมื่อเปิด Noise Cancelling และสามารถชาร์จได้อีก 3 ครั้งเพียงเก็บลงในกล่องเคส ทำให้ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 24ชั่วโมง
ตัวหูฟังแต่ละข้างของ Sony WF-1000XM3 มาพร้อมกับโครงสร้างแบบ Tri-hold ตามหลักสรีรศาสตร์ ซึ่งมันสามารถป้องกันเสียงรบกวนนี้ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อให้สัมผัสกับสามจุดที่แตกต่างกันบนหูของคุณเพื่อความกระชับสบายและพอดี ส่วนพื้นผิวยางนั้นรับแรงเสียดทานสูงพื้นผิวยางที่มีแรงเสียดทานสูงช่วยให้เอียร์บัดป้องกันเสียงรบกวนแนบสนิทและกระชับพอดีกับหูของคุณทำให้ไม่ลื่นหลุดออกโดยไม่คาดคิด และด้านหน้าสามารถแตะสัมผัสสั่งงานได้
นอกจากนี้นั้นในส่วนของหูฟังในแต่ละฝั่งยังสามารถทำงานด้วยระบบสัมผัสได้ด้วย
ทั้งยังเพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยโหมด Quick Attention สำหรับควบคุมการรับเสียงจากภายนอกด้วยตัวเอง เพียงแค่ใช้นิ้วสัมผัสไปที่หูฟังด้านซ้าย ความดังของเสียงเพลงจะถูกลดระดับลงมาทันทีเพื่อให้คุณได้ยินเสียงจากภายนอกผ่านเข้าไปในหูฟัง รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth® เวอร์ชั่น 5.0 และ NFC ซึ่งได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่เพื่อให้หูฟังทั้งสองข้างสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้โดยตรง เพียงแค่เอาโทรศัพท์ไปวางใกล้ๆกับเคส ก็สามารถ Pair ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับเซนเซอร์ระยะใกล้ในเอียร์บัดแต่ละข้างสามารถตรวจจับว่าคุณกำลังสวมเอียร์บัดข้างเดียวหรือทั้งสองข้างและปรับการเล่นเสียงอย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ถอดเอียร์บัดออก 1 ข้างแล้วเพลงจะหยุดเล่นชั่วคราวทั้ง 2 ข้างโดยอัตโนมัติมันจะทำการหยุดเล่นเพลงชั่วคราวและทำการเล่นต่อเมื่อใส่เอียร์บัดเพลงจะเล่นต่อโดยอัตโนมัติ
เริ่มด้วยหูฟังข้างซ้ายจะมีความสามารถในการควบคุมระบบตัดเสียงรบกวน
ส่วนหูฟังข้างขวาสำหรับควบคุมเสียงเพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น การ Pairing หูฟังรุ่นนี้ต้องแปะหูฟังทั้งซ้ายและขวา เพื่อให้ดังคำว่า "Pairing" ก็จะสามารถเชื่อมต่อกับหูฟังผ่าน Bluetooth ได้ทันที
จะเห็นได้ว่าแม้ตัวของหูฟังจะเป็นสีดำทั้งหมด แต่ทาง Sony เขาก็ได้ใส่อะไรเล็กๆ น้อยๆ ลงไปเหมือนกัน อย่างอักษร L และ R หากใครสังเกตจะเห็นได้ว่าอักษรทั้ง 2 ตัวมีสีแตกต่างกันนั้นคือสีแดงที่ R และสีขาวที่ L
ตัว WF-1000XM3 มาพร้อมกับกล่องแม่เหล็กสำหรับชาร์จที่ใช้สะดวก ใส่หูฟังป้องกันเสียงรบกวนกลับเข้าไปในกล่องชาร์จ หูฟังจะยึดวางได้พอดีเนื่องจากภายในกล่องที่เป็นแม่เหล็ก และมี NFC สามารถแตะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทั้งมือถือได้เลย
ด้านล่างเป็นส่วนของพอร์ต USB Type-C ที่มาพร้อมกับระบบ Quick Charge ที่สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้นานถึง 90 นาที เมื่อชาร์จไฟเพียง 10 นาทีเท่านั้น โดยสายชาร์จจะเป็นแบบ USB Type C รุ่นใหม่
ซึ่งสายเคเบิล USB-C ช่วยให้คุณชาร์จตัวกล่องได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย พร้อมสำหรับการใช้งานในอีกวัน
Sony WF1000xm3 กับ Noise Cancelling ฟังก์ชันขจัดเสียงรบกวนที่ดีไม่แพ้รุ่นไหนในโลกทำให้มัน
หูฟังไร้สายแบบ Truly Wireless ในตระกูล 1000X รุ่นล่าสุด “WF1000XM3”ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน รอบข้างได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ในการฟังเพลงอย่างเต็มอรรถรสไปอีกขั้นด้วย หูฟังไร้สายที่มีคุณภาพสูงที่สามารถถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงเพลงได้เต็มศักยภาพเทียบเท่ากับหูฟังตัดเสียงรบกวนขนาดใหญ่เป็นครั้งแรก
เด็ดด้วย Google Assistant
เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่สมบูรณ์ที่สุดแล้วในตอนนี้ เพราะมันมาพร้อมกับ Google Assistant5 ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิง เชื่อมต่อกับเพื่อนๆ รับข้อมูลข่าวสาร ฟังเพลงและการแจ้งเตือน ตั้งการเตือน และอื่นๆ ด้วย Google Assistant คุณทำเพียงแค่ถาม
ขั้นตอนการใช้งานซึ่งเป็นการนำ True Wireless Sony WF-1000XM3 ไปจับคู่กับสมาร์ทโฟนนั้นเองครับ
สมาร์ทโฟนที่รองรับ NFC เพียงแค่เปิดฝากล่องชาร์จขึ้น แล้วนำมาแตะกับด้านหลังของสมาร์ทโฟนได้เลย ส่วนสมาร์ทโฟนรุ่นที่ไม่ได้รองรับ NFC ก็สามารถเปิด Bluetooth ก็สามารถทำการเชื่อมต่อได้ทันที
แต่หลักๆ แล้วนอกจากการเชื่อมต่อที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่อยากให้โหลดแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Headphone Connect มาติดตั้งในมือถือก่อน เพราะมันคือแอปพลิเคชั่นที่ช่วยในการปรับแต่งเสียงของ True Wireless Sony WF-1000XM3 ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การฟังของแต่ละคน และแน่นอนว่ามันสามารถปรับได้หลากหลายสุดๆ
ควบคุมด้วยระบบสัมผัสได้ที่ตัวทั้งควบคุมเพลงรวมไปถึงรับเสียงจากภายนอกโดยไม่ต้องถอดออกเพียงแค่แตะค้างไว้แบบเดียวกับในรุ่นใหญ่อย่างซีรีส์ WH ควบคุมรับสายวางสาย พร้อมไมโครโฟนสำหรับสนทนาในตัวรับเสียงได้อย่างคมชัด ใส ไม่พลาดในทุกการติดต่อ และยังมีเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่เปิดปิดโดยอัตโนมัติเมื่อเราสวมใส่หรือถอดออก ควบคุมและตั้งค่าได้เพิ่มเติมเมื่อใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชั่น Sony | Headphones Connect รองรับทั้ง iOS และ Android รวมไปถึงฟังก์ชั่นปรับเสียงโดยอัตโนมัติตามกิจกรรมและสถานที่ ณ ตอนนั้น เรียกได้ว่าสะดวกแบบสุด ๆ บอกได้เลยว่าจัดเต็มจริง ๆ
ด้วยแอปพลิเคชั่น Sony | Headphones Connect การควบคุมเสียงรอบข้างจะทำให้คุณสามารถปรับระดับเสียงรบกวนรอบข้าง และทำให้คุณสามารถเลือกว่าต้องการได้ยินเสียงเท่านั้นหรือไม่ ขณะที่อีควอไลเซอร์จะช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งระดับเสียงให้เหมาะกับเพลงของคุณได้
และยังควบคุมของ Ambient Sound หรือเปิดให้เสียงเข้ามาได้ตามรูปแบบที่เราต้องการ หรือ Focus On Voice จะทำให้คุณฟังเสียงสนทนาได้ และมีการปรับให้สัญญาณ Bluetooth ได้ทั้งแบบคุณภาพเสียงดี หรือจะเป็นการผ่านคลื่นความถี่ได้เยอะมากขึ้น แต่คุณภาพก็จะดรอบลงด้วย
คุณภาพเสียงของหูฟังรุ่นนี้ จัดว่าเป็นอีกหูฟังคุณภาพที่ให้เสียงที่ดีและสามารถปรับรูปแบบของเสียงได้ดี ถ้าคุณชอบฟังเพลงแนวละมุนหน่อยจะแนะนำให้ปรับ EQ ตามรูปแบบของเพลงได้ แต่ไม่แนะนำให้นำดูฟังรุ่นนี้ไปออกกำลังกายเพราะมันไม่ได้ออกแบบให้ทนทานกับเหงื่อ แต่ถ้าใช้ในยามเดินทาง ถือว่าสร้างความเพลิดเพลินได้อย่างมากเลยทีเดียวครับ
แบตเตอรี่ก็สำคัญ เพราะมันยาวนานกว่าที่เคยจะอึดแค่ไหนมาดูกัน...
เมื่อชาร์จเต็ม หูฟังจะสามารถใช้งานได้นาน 6 ชั่วโมงและกล่องชาร์จที่แสนสะดวกช่วยให้ชาร์จได้อีกถึง 3 รอบเพื่อให้คุณใช้งานได้ตลอดวัน ซึ่งเท่ากับการฟังแบบปราศจากเสียงรบกวนนาน 24 ชั่วโมง เมื่อปิดการป้องกันเสียงรบกวนจะทำให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้นถึง 8 ชั่วโมงเมื่อชาร์จเต็ม รวมกับการชาร์จอีก 3 รอบจากกล่องชาร์จจะให้การเล่นเพลงนานถึง 32 ชั่วโมง
การชาร์จอย่างรวดเร็วเมื่อคุณต้องการ บางครั้ง คุณอาจต้องการฟังเพลงในทันที ดังนั้นถ้าแบตเตอรี่หูฟังของคุณใกล้หมด การชาร์จอย่างรวดเร็ว 10 นาทีในกล่องชาร์จจะทำให้คุณเล่นเพลงได้นานถึง 90 นาที
สรุปการใช้งาน True Wireless Sony WF-1000XM3 ส่วนตัวหลังได้ทดลองเล่นมาสักระยะ
รูปทรงที่สวยงามสวมใส่ง่าย สบายและกระชับหู แม้จะเคลื่อนไหวแรงๆ เรียกได้ว่า Sony WF-1000XM3 รุ่นล่าสุดจะเป็นหูฟังอินเอียร์รุ่นแรกของ Sony ที่ทำให้หลายคนหลงรักได้ไม่ยาก เพราะปกติแล้วหูฟังแบบหูฟังอินเอียร์ไม่ได้เหมาะกับหูของทุกคน แต่รุ่นนี้ถือว่าทางโซนี่ทำการบ้านมาดีมากๆ ผู้หญิงใส่ได้ ผู้ชายใสดี
ต่อกันด้วยความรู้สึกเมื่อได้ลองเชื่อมต่อเพื่อดู WeTV, Netflix รวมไปถึงการฟังเพลงผ่าน JOOX ก็สามารถทำออกมาได้ดีมีการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 ทำให้การทำงานเสถียรไม่ดีเลย์เสียงและภาพไปพร้อมกัน ทำให้ Sony WF-1000XM3 เหมาะสำหรับรายการทีวี ภาพยนตร์ และอื่นๆ
ทั้งยังควบคุมง่ายผ่านระบบสัมผัส ใช้รับสายสนทนาได้ และรวมไปถึงแบตเตอรี่ในตัวใช้งานได้นานถึง 24 ชั่วโมงอีกด้วย ทำให้รุ่นนี้ถือเป็นอีกรุ่นที่แบตเตอรีสามารถใช้งานได้ยาวนานแบบหายห่วงไม่ต้องคอยกังวลเรื่องแบตหมด
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่เกริ่นไปข้างบนแล้วคือ Sony WF-1000XM3 ถือเป็นรุ่นแรกของหูฟัง Sony แบบ In-Ear รุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบ ที่สามารถตัดเสียงรบกวนเหลือแค่เสียงเพลงให้คุณได้สัมผัสจริงๆ รวมไปถึงรองรับ Google Assistant อย่างสมบูรณ์แบบ และมีการปรับให้กล่องชาร์จใช้สาย USB-C ตามยุคสมัย แต่คนใช้ iPhone คงไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นนี้หรอกครับ
แต่...จะอย่างไรก็แล้วแต่ความคิดเห็นส่วนหนึ่งจากประสบการณ์ของบทความนี้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนที่ได้ทำการทดลองใช้งาน Sony WF-1000XM3 มาสักระยะหนึ่ง บทความนี้จึงเป็นแค่เรื่องบอกเล่าความรู้สึกส่วนตัวที่ได้ทดลองการใช้งานจริงๆ ดังนั้นความชอบใช้แล้วดีหรือไม่ดีจากบทความนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวเท่านั้น
ดังนั้นหากใครกำลังมองหาหูฟังรุ่นใหม่ไว้ใช้งานก็สามารถนำบทความนี้ไปเป็นข้อมูลประกอบได้หรือหากมีเวลาก็อยากแนะนำให้ลองไปทดสอบเล่นกันดูนะครับ
Sony WF-1000XM3 เปิดตัวที่ราคา 8,990 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ มีสองสีให้เลือกคือสีดำ และสีเงิน