รีวิว Nokia 9 PureView มือถือ 5 กล้องครั้งแรกของโลก และอัปเกรดได้ไกลกว่าใคร
กลับมาพบกับรีวิว Smart Phone และ Gadget จากทีม Sanook! Hitech กันอีกครั้ง สำหรับครั้งนี้ ทางทีมได้รับ Nokia 9 PureView มาลองใช้เป็นระยะเวลาหนึ่ง มาดูกันว่า เมื่อมือถือรุ่นนี้มีกล้องทั้งหมด 5 ตัวจะมีดีอย่างภาพ และคุ้มค่าหรือไม่
แกะกล่อง Nokia 9 PureView
ภายในกล่อง Nokia 9 PureView ให้อุปกรณ์มาครบครันดังต่อไปนี้
- ตัวเครื่อง Nokia 9 PureView
- เคสของ Nokia 9 PureView
- หูฟังแบบ USB-C
- ปลั๊กชาร์จไฟ
- สาย USB-C
- คู่มือ
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ Nokia 9 PureView
เริ่มต้นกับหน้าจอของ Nokia 9 PureView มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 5.99 นิ้ว อัตราส่วน 19:9 แบบ P-OLED จะมีขอบทั้งหด้านบนและล่างทำให้ดูเป็นโบราณไปสักหน่อย
ส่วนบนของหน้าจอจะมีกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล โลโก้ Nokia เซนเซอร์ต่างๆ และลำโพงตัวเครื่อง
ส่วนล่างจะมีการเว้นไว้เล็กน้อย มาพร้อมกับปุ่มกดสั่งงานของ Android เนื่องจากไม่สามารถเปลี่ยนได้ต้องใช้ในแบบ Android One ที่มีหน้าตาเหมือนกับ Pixel นั่นเอง
รอบตัวเครื่องเลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียมคุณภาพสูง ฝั่งซ้ายจะไม่มีปุ่มกดอะไรทั้งสิ้น
ฝั่งขวามีปุ่มสำหรับปรับระดับเสียง รวมไปถึง ปุ่มเปิดปิดตัวเครื่อง ขนาดกำลังดี ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป
ส่วนบนจะมีไมโครโฟนและช่องใส่ซิมการ์ด สำหรับรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยจะได้ถาดใส่ซิมแบบ Dual Nano SIM แต่เครื่องที่ได้รับมารีวิวยังเป็นแค่ Single SIM
ล่างสุดมาพร้อมกับช่องเสียบ USB-C ไมโครโฟนสนทนา และลำโพงตัวเครื่องที่ดูแล้วก็มีขนาดใหญ่พอสมควร
พลิกมาด้านหลัง จะมีกล้องหลังติดตั้งเลนส์ Zeiss ทั้ง 5 เลนส์ด้วยกันมาพร้อมกับ อินฟราเรด, LED Flash และ โลโก้ Nokia + Android One
ความรู้สึกที่ได้จับ / น้ำหนัก / สีที่จำหน่ายในประเทศไทย
จากที่เห็นและสัมผัส Nokia 9 PureView คุณภาพตัวเครื่องถือว่าดีมาก และเหมาะกับคนที่ต้องการมือถือที่ดูเรียบง่าย แต่การจัดวางกล้องหลัง บางคนบอกว่าไม่สวย เข้าใจนะครับว่ากล้องหลังค่อนข้างจะกระจายพอสมควร แต่ผมมองว่ามันเป็นเอกลักษณ์ดี น้ำหนักของเครื่อไม่หนักไปเพราะอยู่ที่ 172 กรัม เท่านั้น
เรื่องที่ต้องระวังคือรอยเพราะมันเกิดขึ้นได้ง่ายมาก ส่วนสีสันที่เข้ามาจำหน่ายคือสีเดียว Midnight Blue
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์ของ Nokia 9 PureView
เมื่อดูรูปลักษณ์หน้าตาของ Nokia 9 PureView กันไปแล้วตอนนี้เรามาดูฟีเจอร์ของ Nokia 9 PureView กันหน่อยว่า มันมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
รายละเอียด Nokia 9 PureView
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 155 x 75 x 8 มม.
- น้ำหนัก: 172 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : IP67
- หน้าจอ: IPS LCD ขนาด 5.99 นิ้ว ความละเอียด 2880x1440 พิกเซล
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdrago 845 + GPU Andeno 630
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC Dual Band, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie (Android One)
- ระบบความปลอดภัย
- ระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D
- ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
- กล้องหลัง : 12 ล้านพิกเซล 5 ตัว (MonoChrome 2 ตัว RGB 3 ตัว) + PDAF, LED Flash
- กล้องหน้า: 20 ล้านพิกเซล (f2.0)
- แบตเตอรี : 3320 mAh + Quick Charge 10W
- แรม/ความจุ : RAM 6GB/ ความจำ 128GB
- สี : Midnight Blue
คะแนนประสิทธิภาพ / ความรู้สึกเมื่อได้ลองเล่นเกม
ผลการทดสอบจาก AnTuTu ทำได้ที่ 276688 คะแนน
ส่วน Geekbench 4 แบ่งออกเป็น Single Core ทำได้ 2096 คะแนน และ Multi Core ทำได้ที่ 8376 คะแนน
ภาพรวมในการเล่นเกมถือว่าเป็นอีกมือถือที่ให้การตอบสนองในการทำงานได้อย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องของการเล่นเกม แม้ว่า CPU จะเป็น Snapdragon 845 อาจจะมองว่า มันไม่ได้ใหม่ก็ตาม แต่ก็ยังมีข้อสังเกตคือมันร้อนง่ายและร้อนไวไปหน่อย
การเชื่อมต่อ / ลองใช้นำทาง
การเชื่อมต่อของ Nokia 9 PureView รองรับ WiFi 802.11 AC Dual Band, Bluetooth 5.0 และ A-GPS, GPS ที่ทำงานได้ไว้ใจได้
การแสดงผล / ผลการฟังระบบเสียง
การแสดงผลของหน้าจอ P-OLED กลับทำให้มือถือรุ่นนี้ให้ผลงานที่น่าพอใจมาก โดยเฉพาะสีสันสดและสมจริง ความละเอียดของหน้าจอมากจนทำให้คุณดูหนังความละเอียดสูงได้สบายๆ
ส่วนระบบเสียงแม้ว่าจะให้ลำโพงตัวเดียวแต่ก็ให้เสียงดังกังวานได้อย่างดี
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
Nokia 9 PureView มาพร้อมกับระบบปฏิบัตการ Android 9 Pie มาพร้อมกับการเข้าโครงการ Android One ทำให้อัปเกรดระบบปฏิบัติการได้ 2 ปี และ Patch ความปลอดภัย 3 ปี และฟีเจอร์ Nokia เลือกทื่จะไม่ได้ติดตั้งอะไรเพิ่ม เอาที่จำเป็น เน้นความลื่นไหลมากกว่า
ส่วนระบบความปลอดภัยมาพร้อมกับระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D และระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอแบบ Optical ที่อยู่กลางเครื่องที่มีประสิทธิภาพการทำงานได้ดี
เปิดกล้องลองประสิทธิภาพ
กล้องหลังของ Nokia 9 PureView เป็นครั้งแรกที่ติดตั้งกล้องหลังทั้งหมด 5 ตัวความละเอียดทั้งหมด 12 ล้านพิกเซล แต่ความสามารถคือแบ่งเป็น RGB ทั้งหมด 3 เลนส์ และเลนส์ขาวดำ 2 เลนส์ จุดเด่นคือการทำงานในโหมด RAW File ขยายความละเอียดได้ 224 ล้านพิกเซล และสามารถเลือกลายหลังได้จากเมนูภายใน
หน้าตา Interface ในการถ่ายภาพ
สำหรับหน้าจอการควบคุมกล้องของ Nokia 9 PureView ที่เลือกพัฒนาเองมีจุดเด่นที่โหมดต่างๆ สามารถเลือกปรับได้ตามใจชอบผ่านการปัดไปมา และเมนูทั้งการปรับละลายหลัง, หน้าเนียน การเลือก โบตี้ ถ่ายภาพกล้องหน้าและหลังพร้อมกัน สามารถเลือกได้จากข้างบน แต่ถ้าปรับ RAW File ต้องเลือกปรับข้างใจ รวมถึงการเปิด ลายน้ำ
ภาพรวมเมนูกล้องยังคงความง่ายต่อการใช้งานอยู่ครับ
ทดลองถ่ายภาพจริง
ภาพแบบกลางวันต้องยอมรับว่าต้องมีการปรับ White Balanch เพื่อความสว่างบ้าง หรือเปิด HDR+ จะทำให้ภาพออกมากำลังดี
ภาพกลางคืน Nokia 9 PureView ให้สีสันที่ทำได้ดีเหมือนกัน และโอกาสเกิด Noise ค่อนข้างต่ำพอสมควร
ส่วนภาพแบบอื่นๆ ของ Nokia 9 PureView จะเน้นการละลายหลังและเลือกโฟกัสในหลายๆ แบบมากกว่า และถ้าถ่ายภาพ RAW File ก็สามารถเพิ่มความละเอียดระดับ 200 ล้านพิกเซลได้
การถ่ายวิดีโอด้วย Nokia 9 PureView
สำหรับกล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K 60FPS และ 4K 30FPS HDR ทำให้ภาพที่ออกมาถือว่าทำได้ดีพอสมควร และรองรับระบบเสียง OZO บันทึกเสียงได้รอบทิศ
กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซลของ Nokia 9 PureView เป็นอย่างไร
กล้องหน้าของ Nokia 9 PureView ให้ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล มีลูกเล่นในการทำให้หน้าคุณเนียน และถ่ายภาพแบบ กล้องหน้าและหลังในเวลาเดียวกันได้
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟกลับ
สำหรับแบตเตอรี่ของ Nokia 9 PureView ให้มาขนาด 3320 mAh แต่เมื่อทดลองใช้งานพบว่าหากใช้งานหนัก และรวมถึงทดลองประสิทธิภาพแบตเตอรี่อยู่ได้ 5 ชั่วโมงกว่า ทำให้รู้สึกว่ายังไม่ประหยัดไฟเท่าที่ควร แนะนำว่าควรพก Power Bank ไปด้วยจะดีที่สุด
ส่วนการชาร์จไฟกลับของ Nokia 9 PureView รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 10W ทำให้รับไฟได้ค่อนข้างรวดเร็ว
สรุปหลังจากทีม Sanook! Hitech ลองใช้งาน Nokia 9 PureView ในระยะเวลา 2 สัปดาห์
ถือว่าเป็นอีกมือถือรุ่นหนึ่งที่ยังให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีแม้ว่าอาจจะยังไม่ทันใจบ้างในบางเรื่องเช่นการเปลี่ยนโหมดของกล้องที่ยังรู้สึกว่าช้าไปหน่อย แต่ยังเป็นมือถือถ้าใช้งานปกติถือว่าดีอีกรุ่นหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม Nokia 9 PureView ได้เปิดราคาอยู่ที่ 18,900 บาท จากปกติ 21,900 บาท อาจจะมองว่าสูงไปนิด สำหรับคนที่มองหามือถือระดับไม่เกิน 2 หมื่นที่ได้สเปกดีแบบนี้ แต่ต้องอย่าลืมว่า Nokia เป็นมือถือยี่ห้อหนึ่งที่อัปเดต Android ได้นานและมี AI ทำให้การใช้งานลื่นไหล ก็ถือว่าเป็นอีกความโดดเด่นที่หาไม่ได้จากมือถือยี่ห้อไหน
สุดท้าย หากต้องการมือถือที่มีประสิทธิภาพมองข้ามเรื่องการทำงานช้าไปได้ นี่เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
จุดเด่น
- สเปกเครื่องถือว่าทันสมัยอยู่
- กล้องหลัง 5 ตัวดูล้ำและถ่ายภาพได้หลากหลาย
- แต่งภาพหลังเลนส์ได้ง่ายมาก
- อัปเดตได้นานและ Patch อัปเดตมีให้ตลอด
- ดีไซน์ของเครื่องถือว่าสวย
ข้อสังเกต
- การเปลี่ยนโหมดของกล้องช้า
- เครื่องไม่ได้ประหยัดไฟเท่าไหร่
- ด้านหลังเป็นรอยง่ายมาก
อัลบั้มภาพ 21 ภาพ