[Hands On] Samsung Galaxy Note 10 มือถือตัวท็อปเพื่อคนทำงาน และ Life Style ที่ไม่หยุดนิ่ง
ในที่สุดสมาร์ทโฟนเรือธงสเปกแรงระดับไฮเอนด์อย่าง Samsung Galaxy Note 10 และ Samsung Galaxy Note 10+ ก็เผยโฉมดีไซน์อันสุดแสนพรีเมียมน่าสัมผัสให้เราได้เห็นอย่างเป็นทางการไปแล้วในค่ำคืนที่ผ่านมา
>> เปิดราคา Samsung Galaxy Note 10 ในประเทศไทย พร้อมโปรโมชั่นทุกช่องทาง
และแน่นอนว่าทางทีมงาน Sanook! Hitech ก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสื่อไอทีที่ได้มีโอกาสสัมผัสและทดลองเล่น Samsung Galaxy Note 10 เป็นกลุ่มแรกๆ ของเมืองไทย เรียกได้ว่าได้เล่นพร้อมกับคณะสื่อมวลชนที่เดินทางไปร่วมงานเปิดตัวที่ นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว
วันนี้เราเลยอยากมาเล่าประสบการณ์หลังจากได้เห็น Samsung Galaxy Note 10 และ Samsung Galaxy Note 10+ ว่ามันมีความรู้สึกอย่างไรเมื่อได้จับของจริง มาดูกันเลย
แรกเห็นรูปลักษณ์ของ Samsung Galaxy Note 10 / Samsung Galaxy Note 10+
เริ่มต้นกับดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note 10 และ Note 10+ ภาพรวมตัวเครื่องจะมีหน้าจอใหญ่ขึ้น โดย Samsung Galaxy Note 10 จะมีขนาดหน้าจอ 6.3 นิ้ว แต่ว่าเครื่องจะมีมิติที่คล้ายกับ Galaxy S10 คือตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่เกินไป เพื่อให้คนที่อยากได้มือถือขนาดไม่ใหญ่นักอยากครอบครอง Note มากขึ้น พร้อมกับย้ายตำแหน่งสแกนลายนิ้วมือให้สูงขึ้น และวงกว้างมากขึ้นเล็กน้อย
ส่วน Samsung Galaxy Note 10+ จะมีหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว ใหญ่กว่า Note 9 ชัดเจน แต่ตัวเครื่องกลับมีขนาดไล่ๆ กับของเดิม และยังน้ำหนักเบากว่าเดิม โดยทั้งคู่ยังได้รับตำแหน่ง Galaxy Note ที่ตัวเครื่องบางพอๆ กับ Galaxy S10 อีกด้วย
รอบตัวเครื่องทำจากวัสดุเป็นอะลูมิเนียมเกรด 7,000 เหมือนเดิม แต่มีการตัดขอบให้ดูเรียบและสวยงามมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน คราวนี้ Samsung ได้วางตำแหน่งช่องเสียบ USB-C ไว้ข้างล่าง พร้อมกับลำโพง และไมโครโฟนทั้งหมด 3 ตัว โดยจะอยู่ข้างบน 2 ตัว และข้างล่าง 1 ตัว ส่วนช่องเก็บปากกา S Pen อยู่ข้างล่าง และด้านบนมาพร้อมกับช่องใส่ซิมการ์ด โดย Galaxy Note 10 จะเป็น Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง ส่วน Samsung Galaxy Note 10+ จะได้ใช้ Nano SIM และ Hybrid Slot สามารถใส่ได้ทั้ง Nano SIM หรือ Micro SD ได้เช่นกัน
ปุ่มกดจะอยู่ข้างซ้ายเพียงอย่างเดียว แบ่งออกเป็น ปุ่ม เปิด / Stand By ที่เรียกแบบนั้นเพราะ เมื่อกดค้างจะเป็นการปลุก Assistant อย่าง Bixby ให้ตื่นขึ้นมาเท่านั้น วิธีปิดเครื่องเราสามารถเลื่อน Notification แล้วกด Power แล้วเลือก Turn Off ถึงจะปิดเครื่องได้ และปุ่มปรับระดับเสียง อีกฝั่งจะปล่อยให้โล่ง ไม่มีปุ่มอะไรทั้งสิ้น
ด้านหลังจะมาพร้อมกับกระจก Gorilla Glass 6 เหมือนกับด้านหน้า และมีกล้องหลัง 3 ตัว และถ้าเป็น Samsung Galaxy Note 10+ จะมีการเพิ่ม Sensor ToF แต่สำหรับ Note 10 รุ่นปกติจะมี Flash มาให้เท่านั้น และไม่มีระบบวัดชีพจรที่ตัวเครื่องอีกต่อไป การวางกล้องเป็นแบบแนวตั้ง โลโก้ Samsung วางแบบแนวนอน เหมือนกับ Galaxy S10 และ Samsung ทุกตัว
แต่สังเกตไหมว่าทำไมมาพูดเรื่องช่องเสียบหูฟังเป็นสิ่งสุดท้าย นั่นเพราะ Samsung ตัดออกไป ด้วยเหตุผล 3 ประการ ได้แก่
- ตัดออกแล้วดีไซน์ของเครื่องจะบางลง และดีไซน์สวยขึ้น
- เพิ่มแบตเตอรี่ของเครื่องได้มาก แต่ว่าน้ำหนักไม่ได้แตกต่างจากเดิม
- ตำแหน่งของ Haptics (มอเตอร์ระบบสั่น) จะตอบสนองได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม
สีสันของ Samsung Galaxy Note 10 จะมีให้เลือกคือ Aura Pink ปากกาสีชมพู, Aura Black ปากกาสีดำ, Aura Glow ปากกาสีน้ำเงิน (สีออกเป็นรุ้งผสมกับสีที่เหมือนกับกระจก)
ส่วน Samsung Galaxy Note 10+ จะมีให้เลือกคือ Aura White ปากกาสีขาว, Aura Black ปากกาสีดำ, Aura Glow ปากกาสีน้ำเงิน (สีออกเป็นรุ้งผสมกับสีที่เหมือนกับกระจก)
สเปก / ฟีเจอร์ของ Samsung Galaxy Note 10
รายละเอียดของ Samsung Galaxy Note 10
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 151 x 71.8 x 7.9 มม.
- น้ำหนัก : 168 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : IP68 ลงน้ำได้ 1.30 เมตร นานสุด 30 นาที
- หน้าจอแสดงผล : Dynamic AMOLED HDR+ แบบ Infinity O ขนาด 6.3 นิ้ว อัตราส่วน 19:9
- ความละเอียดหน้าจอ : 2280 x 1080 พิกเซล (FHD+) ป้องกันรอยด้วยกระจก Gorilla Glass 6
- ชิปเซ็ตประมวลผล : Exynos 9825 + Mali G76
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX (WiFi 6), Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie + One UI
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนนิ้วบนหน้าจอแบบอัลตราโซนิค (พร้อมเทคโนโลยีสแกน 3 มิติ)
- ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว : 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f2.4, Telephoto + 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f1.5, Wide + 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f2.2, Ultra-Wide
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า : 10 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f2.2
- แบตเตอรี่ความจุ : 3,500 mAh + Fast Charge 25W (ภายในกล่องแถมที่ชาร์จกำลัง 25W), Wireless Charge 15W, Wireless Power Share 2.0
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ : USB Type-C
- หน่วยความจำแรม (RAM) : 8 GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) : 256 GB
- หน่วยความจำภายนอก : -
- สี : Aura Pink ปากกาสีชมพู, Aura Black ปากกาสีดำ, Aura Glow ปากกาสีน้ำเงิน (สีออกเป็นรุ้งผสมกับสีที่เหมือนกับกระจก)
รายละเอียดของ Samsung Galaxy Note 10+
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 163.2 x 77.2 x 7.9มม.
- น้ำหนัก : 196 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : IP68 ลงน้ำได้ 1.30 เมตร นานสุด 30 นาที
- หน้าจอแสดงผล : Dynamic AMOLED HDR+ แบบ Infinity O ขนาด 6.8 นิ้ว อัตราส่วน 19:9
- ความละเอียดหน้าจอ : 3040 x 1440 พิกเซล (QHD+) ป้องกันรอยด้วยกระจก Gorilla Glass 6
- ชิปเซ็ตประมวลผล : Exynos 9825 + Mali G76
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX (WiFi 6), Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie + One UI
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนนิ้วบนหน้าจอแบบอัลตราโซนิค (พร้อมเทคโนโลยีสแกน 3 มิติ)
- ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว : 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f2.4, Telephoto + 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f1.5, Wide + 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f2.2, Ultra-Wide, ToF Sensor
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า : 10 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f2.2
- แบตเตอรี่ความจุ : 4,300 mAh + Fast Charge 45W (ภายในกล่องแถมที่ชาร์จกำลัง 25W), Wireless Charge 15W, Wireless Power Share 2.0
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ : USB Type-C
- หน่วยความจำแรม (RAM) : 12 GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) : 256 GB / 512 GB
- หน่วยความจำภายนอก : MicroSD เพิ่มได้สูงสุด 1TB
- สี : Aura White ปากกาสีขาว, Aura Black ปากกาสีดำ, Aura Glow ปากกาสีน้ำเงิน (สีออกเป็นรุ้งผสมกับสีที่เหมือนกับกระจก)
สำหรับฟีเจอร์ของ Samsung Galaxy Note 10 มีเยอะและหลากหลายมาก เริ่มต้นจาก
ขุมพลังของเครื่องใหม่ล่าสุด Exynos 9825 ที่มีขนาด 7 นาโนเมตร เมื่อเล็กลงก็จะทำให้การจัดการพื้นที่ดีมากขึ้น และการทำงานของเครื่องจะเร็วมากขึ้น พร้อมกับ RAM แบบ LDDR4 ที่มีความจำเยอะขึ้น ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าเครื่องจะเร็วขึ้นแค่ไหน คะแนนทดสอบต่างๆ ทีมงานขอแปะไว้ตอนทำรีวิวค่อยว่ากันอีกที
ส่วนระบบชาร์จไฟนั้น Samsung Galaxy Note 10 สำหรับรุ่นปกติรองรับแบบสาย 25W และชาร์จไฟไร้สายได้กำลัง 15W เท่ากับแบบสายของ Samsung Galaxy S10
แต่สำหรับ Galaxy Note 10+ จะได้กำลังมากสุด 45W สามารถชาร์จไฟเต็มในเวลา 65 นาที และ 30 นาที สามารถได้ไฟ 65% แต่ต้องซื้อเพิ่ม
ระบบ Wireless Power Share ยังมาพร้อม แต่ว่าในรอบนี้สามารถแสดงผลว่าแบตเตอรี่อุปกรณ์ที่เราชาร์จไฟจ่ายไปเท่าไหร่ และมือถือเสียพลังงานไปแล้วเท่าไหร่ได้ด้วย
การแสดงผลยังคงเหมือนกับ Samsung Galaxy S10 และ S10+ เพียงแต่ว่ากล้องหน้าจะมีขนาดเล็กลงและไว้ตรงกลางเพื่อให้เกิดความ Balance และทำให้ถ่ายภาพ Selfie ได้ดีมากขึ้น จอที่ว่านั้นยังคงเป็น Dynamic AMOLED รองรับการแสดงผล HDR10+ และเทคโนโลยีเกี่ยวกับภาพที่ดีมากขึ้น
ระบบปฏิบัติการของ Samsung Galaxy Note 10 ยังคงเลือกใช้ Android Pie และมาพร้อมกับการตกแต่งเมนูที่ Samsung เรียกว่า OneUI ใหม่ล่าสุดที่ปรับแต่งได้น่าประทับใจ แต่มีฟีเจอร์ภายในที่เปลี่ยนแปลงมากมายไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
ระบบความปลอดภัย
- สแกนนิ้วแบบ Ultra Sonic
- สแกนใบหน้า 2D
- และ Samsung KNOX มีให้เหมือนเดิม
Game Launcher
จะเพิ่มการต่อกับ Discord ต่อเชื่อมกับห้องสนทนาได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าเกม และยังมี item รองรับกับ 3 เกม ได้แก่ Call of Duty, Candy Crush, Harry Potter ที่อนาคตจะสามารถใช้ S Pen สั่งงานได้
S Pen ใน Samsung Galaxy ใหม่ มีอะไรบ้าง
แม้ว่าหน้าตาของปากกายังคงเหมือนเดิม แต่ว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงจะมีดังนี้
- Air Action ทำงานได้มากขึ้นและเพิ่มการทำงานของ Gyroscope สามารถเลื่อนเป็นกล้องหน้าหรือกล้องหลังได้ และสามารถใช้แบบ Zoom In หรือ Zoom Out ได้
- ควบคุมเพลงด้วยการตวัดเปลี่ยนเพลง หรือ เพิ่ม ลด เสียงเพลงได้
- ฟีเจอร์ Air Action สามารถใส่ฟีเจอร์ให้กับ Apps ได้ ไม่ว่าจะเป็น Chrome, YouTube เป็นต้น
- แปลงลายมือเป็นตัวอักษร รอบนี้สามารถแปลงประโยคยาวๆ และ ลากยาวๆ ก็ได้เช่นเดียวกัน โดยไม่ต้องพิมพ์ในกรอบข้างล่างเหมือนกับที่แล้วมา และแชร์ไปยัง Word, PDF, โปรแกรมสำนักงาน
- เขียนหน้าจอได้ทันทีโดยไม่ต้องเลือกแชร์หน้าจอ ทำให้ใช้งานได้ง่ายดาย (ใน S Pen)
- Screen Off Memo สามารถเปลี่ยนสีได้ไม่ว่าจะเป็นตัวไหน
- Live Message แบบวิดีโอ เขียนภาพผ่านวิดีโอได้ จะเป็นวิดีโออะไรก็ได้ 15 วินาที และเลือก Crop ได้
- Screen Recorder สามารถกดเปิดอัดหน้าจอและเปิดกล้องหน้าในเวลาที่เราต้องการใช้งานได้สะดวกมากขึ้น โดยเปิดไมค์ก็ได้ และรองรับความละเอียด Full HD
- Pen Sound จะใช้เสียงต่างๆ เลือกเปิด-ปิดได้ และมีให้เลือกถึง 6 แบบ ตามปากกาจริง
- Ad Doodle สามารถเขียนแต่งหน้าคนแล้วบันทึกเป็นแบบวิดีโอ และมันจะจำหน้าของคนนั้นไปเลย แต่จะลบออกเองเมื่อออกจากโปรแกรม และไม่จำอีก
Samsung Dex
ปกติ Samsung Dex จะมาพร้อมกับการเชื่อมต่อสาย USB-C to HDMI ออกหน้าจอ แต่สำหรับใน Samsung Galaxy Note 10 จะแตกต่างออกไปเพราะ คราวนี้สามารถต่อออกหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้โดยตรงผ่านการเสียบ USB เข้าเครื่องไปได้ โดยสามารถใช้ Mouse และ Keyboard ของคอมพิวเตอร์ควบคุมได้ ความสามารถทำได้ทั้งย้าย File ระหว่างมือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ได้ทั้งขาเข้าและออก, อ่าน Message, เปิดโปรแกรม ส่วนมือถือยังรับสายหรือเปิดดูหนังแยกไปเลยก็ได้
ฟีเจอร์ดังกล่าวสามารถรองรับ Windows 7, 10, Mac OS 10.3 ขึ้นไป
นอกจากนี้ยังรองรับ Link Your Phone ของ Microsoft ได้โดยจะสามารถถ่ายโอนรูป 25 ภาพล่าสุด, ข้อความในมือถือ, ส่งภาพ (Mirroring) ของหน้าจอมือถือเข้าคอมพิวเตอร์ได้ และ ดู Notification ได้
Bixby
แม้ปุ่ม Bixby จะไม่อยู่แล้ว ถ้าต้องการปลุกให้ตื่นเราสามารถกดปุ่ม เปิดเครื่องค้างไว้ ก็จะทำงาน โดยครั้งนี้สามารถให้ bixby voice ตั้งค่าเครื่อง เช่น บอก Good Night เครื่องจะลดความสว่าง, ตั้งปลุก, และเปิดห้ามรบกวนได้ และฟีเจอร์ดังกล่าวทำได้มากกว่า Google Assistant แต่ความจริงเป็นการดึง Bixby Routine มาใช้งานนั่นเอง
กล้องถ่ายภาพ
ในเรื่องของกล้องของ Samsung Galaxy Note 10 และ Note 10+ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แตกต่างอะไรจาก Samsung Galaxy S10 ยกเว้นรุ่น Note 10+ ที่ได้ ToF Sensor ทำให้กล้องคล้ายกับ Galaxy S10 5G จึงทำให้ศักยภาพของกล้องดีขึ้น และกล้องหน้าของ Samsung Galaxy Note 10 ทั้งคู่ขนาด 10 ล้านพิกเซล F2.2
ฟีเจอร์ถ่ายภาพปกติ รองรับ Shot Suggestion จับความผิดปกติ เช่น หลับตาหรือภาพเบลอ, Scene Optimizer เรียนรู้การถ่ายภาพ ปรับโหมดและสีได้มากถึง 30 แบบ
Super Steady ที่ปรับมาใช้เลนส์ปกติ และสามารถซูมได้ 1 ระดับ ก็ยังคงความนิ่งอยู่เหมือนเดิม และภาพคราวนี้จะไม่แตกเหมือนเก่า และมีการทำงาน AI เพิ่มเข้ามาด้วย
Live Focus Video เป็นฟีเจอร์เพิ่มเติมจาก S10 เดิม ความสามารถคือจะถ่ายวิดีโอละลายหลังได้ แต่การทำงานจะแบ่งออกเป็นการทำงานด้วย Software สำหรับ Galaxy Note 10 และ ToF Sensor สำหรับ Galaxy Note 10+ ความแตกต่างมีเล็กน้อย สามารถเลือก Effect ตั้งแต่ละลายหลัง, ดูดสี, ทีวีสมัยก่อนได้ เป็นต้น และใช้ได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง
Audio Zoom สามารถซูมเสียงเข้าไปใกล้ได้ โดยสามารถซูมได้ 3 เท่า จากระยะที่คุณยืนอยู่
การเพิ่มไมค์ตัวที่ 3 ของ Samsung Galaxy Note 10 จะทำให้การ ถ่ายวิดีโอกล้องหน้า ลดเสียงรบกวนได้พอสมควร โดยไม่ต้องเสียบไมค์ต่อ แต่ถ้าเสียงดังมากก็จะเอาไม่อยู่นะครับ
ด้วยความแรงของ Samsung Galaxy Note 10 ก็เลยสามารถใส่ฟีเจอร์ตัดต่อวิดีโอขนาดย่อม โดยสามารถแทรกวิดีโอได้หลากหลาย และเลือกรูปแบบการข้าม, ตัดช่วงเวลา, เพิ่มความเร็ว, แทรกข้อความ, เลือก Effect ได้ แต่ถ้าไม่พอคุณสามารถโหลด Adobe Premiere Rush ที่ลูกเล่นเยอะกว่า โดยเครื่องมีส่วนลด 20% ด้วย
ฟีเจอร์ต่างๆ ถือว่าเยอะมากสำหรับมือถือเรือธง แต่ถ้าละเอียดกว่านี้คงต้องติดตามต่อในรีวิวเร็วๆ นี้นะครับ
สรุปหลังได้สัมผัส Samsung Galaxy Note 10 และ Note 10+ ในระยะเวลาสั้นๆ
ในเวลา 2 ชั่วโมงเท่านั้นที่ได้จับตัวเครื่องรุ่นนี้ แต่พูดได้เลยว่าฟีเจอร์ต่างๆ ที่ออกมาเยอะมากนั้นเหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการมือถือไว้ทำงานเพราะ Samsung Galaxy Note 10 Series ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการทำงานได้ทุกที่ และใช้สมาร์ทโฟนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
และการออกแบบมาทั้งหมด 2 ขนาดเพื่อให้ตรงกับโจทย์ที่คนอยากได้ Note แต่กลัวเรื่องขนาดที่ใหญ่จนขึ้นชื่อ หรือรุ่นใหญ่ที่มีฟีเจอร์ครบครัน
ส่วนราคาของ Samsung Galaxy Note 10 มีดังนี้
- Samsung Galaxy Note 10 RAM 8GB / ความจำ 256GB = 31,900 บาท
- Samsung Galaxy Note 10+ RAM 12GB / ความจำ 256GB = 37,900 บาท
- Samsung Galaxy Note 10+ RAM 12GB / ความจำ 512GB = 40,900 บาท
สามารถดูโปรโมชั่นได้ที่นี่
>> เปิดราคา Samsung Galaxy Note 10 ในประเทศไทย พร้อมโปรโมชั่นทุกช่องทาง
สำหรับคนที่สนใจใน Samsung Galaxy Note 10 และ Note 10+ สามารถสั่งจองกันได้ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมนี้
อัลบั้มภาพ 63 ภาพ