Vivo S1 ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ กล้องชัด ถ่ายรูปสวย สแกนลายนิ้วมือเร็ว และแบตเตอรี่ใหญ่ใช้ได้ทั้งวัน
ทันทีที่ได้ Vivo S1 ซึ่งเปิดตัวมาในราคาเพียง 8,999 บาทมาอยู่ในมือ ก็เกิดความรู้สึกท้าทายว่าเจ้าเครื่องนี้จะสามารถเขยิบขึ้นมาเป็นเครื่องหลักที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ จึงขอหยิบมาทดสอบแบบยาวๆ ด้วยการลองใช้ตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็มเพื่อทำให้เห็นกันชัดๆ เลยว่าสมาร์ทโฟนราคาสบายกระเป๋าต่ำกว่าหลักหมื่นเครื่องนี้คุ้มค่ากับการลงทุนหรือแค่ไหน
อย่างแรกเลยที่ประทับใจ #สายลุย อย่างผมก็คือขนาดของหน้าจอที่มาพร้อมความกว้างถึง 6.38 นิ้ว ความละเอียด 2340x1080 พิกเซล ซึ่งด้วยความที่เป็นหน้าจอ Halo FullviewTM Display Super Amoled จึงให้ความคมชัดที่ค่อนข้างสูง
อีกทั้งยังมีโหมดการแสดงผลที่สามารถเลือกได้ว่าจะเป็น Dark Mode หรือ Reading Mode ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายตา ไม่ว่าจะเป็นเวลาหยิบขึ้นมาถ่ายรูป ดูหนัง รับส่งอีเมล์ เล่นเฟซบุ้ค เช็คอินสตาแกรม ดูฟีดส์ในทวิตเตอร์ หรือเข้าระบบแชทเพื่อคุยกับเพื่อน
ทดสอบประสิทธิภาพการสแกนนิ้วใต้จอกับครั้งแรกของสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่นที่มีฟังก์ชั่นนี้!
Vivo S1 เปิดตัวมาพร้อมกับสโลแกน “Unlock Your Style” ชูจุดเด่นในเรื่องของการสแกนนิ้วใต้จอ หรือ In-Display FingerPrint Scanning เพื่อปลดล้อคหน้าจอแบบง่ายๆ ไม่ต้องกดปุ่มหรือพิมพ์ตัวเลขให้ยุ่งยาก ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกของ Vivo ที่ปล่อยฟังก์ชั่นนี้ให้กับสมาร์ทโฟนที่ไม่ใช่เรือธงหรือรุ่นท้อป ซึ่งเมื่อได้ลองใช้ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบ เพราะมันทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น ที่สำคัญ Vivo S1 มาพร้อมเอ็ฟเฟ็กต์ในการปลดล็อคที่ล้ำมากๆ ทำให้ดูไม่น่าเบื่อ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือทุกการปลดล้อครวดเร็วและทันใจมาก
พิสูจน์ความคมชัดของกล้องหน้าและกล้องหลังกับโหมด AI แบบจัดเต็ม
กล้องหลังถือเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ Vivo S1 จัดเต็มมาให้แบบไม่มีกั๊ก ซึ่งตรงนี้ผมชอบมากกับราคาเพียง 8,999 บาทแต่ได้กล้องถึง 3 ตัว (AI Triple Camera ) แถมยังเป็นเซนเซอร์กล้อง Sony IMX499 ที่จะมอบประสบการณ์ถ่ายภาพกล้องหลังที่คมชัด และมีความละเอียดมากขึ้น พร้อมด้วย AI Portrait Framing ที่ช่วยจัดองค์ประกอบของภาพให้ได้สัดส่วนที่สมบูรณ์
- กล้องตัวแรกให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลถือเป็นกล้องหลัก มีคุณสมบัติเป็นเลนส์ Wide
- กล้องตัวที่สองให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์แบบ Ultra Wide
- กล้องตัวที่สามให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เป็นเลนซ์แบบ Depth Sensor
เมื่อกล้องทั้งสามตัวมารวมพลังกันทำให้ Vivo S1 ทำได้ทั้งการถ่ายภาพมุมกว้าง 120 องศา หมดข้อจำกัดของการถ่ายภาพแบบเดิมๆ เพราะคุณสามารถเก็บภาพบุคคลและทิวทัศน์ได้ครบ หรือถ้าถ่ายภาพหมู่รวมกันหลายคน กล้องก็จะสลับโหมดไปที่ Super Wide-Angle ทันทีเพื่อให้ได้ภาพที่กว้างกว่าเดิม
ส่วนของการถ่ายพอทเทรท Vivo S1 ก็ทำได้ดี ไม่ว่าจะในมุมปกติหรือเวลาจะต้องถ่ายย้อนแสงก็ตาม ผมถือว่าสามารถเก็บรายละเอียดได้ครบดีมาก และได้ภาพที่สมจริงแบบไม่หลอกตา โดยเฉพาะสำหรับตัวเองที่เป็นคนชอบเน้นหนักที่ภาพขาวดำ เครื่องนี้ก็ทำได้อย่างน่าประทับใจมาก
ส่วนใครที่ชอบถ่ายอาหาร Vivo S1 ก็สามารถปรับแสงและจัดองค์ประกอบภาพเพื่อเพิ่มความลงตัวที่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิมให้กับภาพได้อย่างอัจฉริยะ
Vivo S1 ยังคงเสิร์ฟความง่ายในการถ่ายภาพมาให้แบบครบครัน เราสามารถเลือกโหมดต่างๆ ได้แค่ปัดซ้าย ปัดขวา รวมถึงการเปลี่ยน Filter ปรับระยะโหมด Wide รวมถึงปิดเปิด Flash
กล้องหน้าของ Vivo มาพร้อมกับความละเอียด 32MP ซึ่งผมว่าน่าจะสนุกทีเดียวสำหรับคนชอบถ่ายเซลฟี่ เพราะความคมชัดระดับ Ultra HD จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและดูเป๊ะแบบไม่จำเป็นต้องผ่านแอปพลิเคชั่นอะไรเพิ่มเติม
นอกจากนี้ในโหมดของการเซลฟี่ ยังสามารถเลือกโหมด AI Face Beauty, Selfie Lighting, AR Sticker และ AI Filter เข้ามาเป็นลูกเล่นเพิ่มความสนุกได้
ความรู้สึกหลังจากลองเล่นกล้อง ผมถือว่า Vivo S1 ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งในเรื่องของสีสัน และความคมชัดของภาพ
ส่วนของแบตเตอรี่ Vivo S1 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4500mAh และ Dual Engine Fast Charging เทคโนโลยีสุดเฉพาะของ Vivo ที่ให้คุณชาร์จไฟได้ไว และเที่ยวเล่นได้ทั้งวันแบบที่ไม่ต้องพึ่งแบตเตอรี่สำรอง
สำหรับตัวเครื่อง Vivo S1 กับสี Diamond Black มาพร้อมกับการออกแบบตัวเครื่องที่สวยงามกว่าเดิม มีการใช้ดีไซน์แบบ Diamond Pattern ไล่ระหว่างเฉดสีน้ำเงินกับสีม่วงอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ตัวเครื่องดูเหมือนเพชรที่เปล่งประกาย ล้อมด้วยสีดำที่ให้อารมณ์ดิบเท่ดูเข้ากันอย่างลงตัว ซึ่งจากการทดลองใช้ ผมถือว่า Vivo S1 เครื่องนี้คุ้มค่าเกินราคาแน่นอนครับ ฟันธง!
(Advertorial)