HyperX เปิดตัวสวิทช์ HyperX Aqua สำหรับคีย์บอร์ด และผลิตภัณฑ์ชาร์จไฟแบบไร้สายที่ได้การรับรอง Qi
HyperX ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือ สวิทช์ HyperX Aqua สำหรับคีย์บอร์ดแบบแมคคานิคอลที่งาน Gamescom ที่ออกแบบมาสำหรับคีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบแมคคานิคอลอย่าง HyperX Alloy OriginsTM
นอกจากนี้ HyperX ยังได้เปิดตัว Cloud Alpha S หูฟังสำหรับการเล่นเกมรุ่นล่าสุดของ HyperX รวมถึงชุดผลิตภัณฑ์ชาร์จไฟไร้สายที่ได้การรับรองตามมาตรฐาน Qi รวมไปถึงชุดหูฟังไร้สาย HyperX Cloud FlightTM S สำหรับเกมมิ่ง, เมาส์เกมมิ่งแบบไร้สาย HyperX Pulsefire Dart และผลิตภัณฑ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย HyperX ChargePlayTM ที่ได้รับการพัฒนาตามมาตรฐาน Qi
“ลักษณะการใช้งานอุปกรณ์ร่วมกันแบบไร้สาย เป็นสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน และ HyperX ก็มีความตั้งใจที่จะผลักดันผลิตภัณฑ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย ที่ได้การรับรองจาก Qi ออกมา” Mark Leathem ประธานผู้บริหาร HyperX กล่าว “HyperX ตระหนักถึงเทคโนโลยีแบบไร้สายที่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้นอย่างมาก และต้องการนำเสนอให้ผู้ใช้งานมีอิสระในการเล่นเกมได้อย่างอิสระ สะดวกสบาย และเต็มอิ่มไปกับประสบการณ์ในการเล่นเกม”
คีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบแมคคานิคอล HyperX Alloy Origins: HyperX Alloy Origins คีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบสวิทช์แมคคานิคอลรุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับ สวิตซ์ HyperX แบบแมคคานิคอลสีแดง (linear) ที่เปิดตัวไปในงาน Computex โดยสวิตซ์ HyperX Aqua ได้รับการจัดอยู่ในกลุ่มของสวิตซ์แบบ tactile ด้วยคุณสมบัติที่ใช้น้ำหนักในการกดเพียง 45 กรัม มีระยะในการกดสั้นกว่าและมีความทนทานต่อการกดได้ถึงกว่า 80 ล้านครั้ง ซึ่ง Alloy Origins จะมีแสงไฟสว่างที่ปุ่มสวิตซ์ตลอดเวลา ด้วยแสง LED ที่ตัวสวิตซ์ ซึ่งให้ความสว่างและสีสันในแบบของ RGB ที่ยอดเยี่ยมกว่าที่เคย โดยคีย์บอร์ดแมคคานิคอล Alloy Origins จะสามารถปรับแสงไฟได้ถึง 3 รูปแบบ สามารถบันทึกรูปแบบการใช้งานไว้บนหน่วยความจำของคีย์บอร์ดได้โดยตรง สำหรับการปรับแสงไฟและการตั้งค่ามาโคร1 ในระหว่างที่ใช้งานได้ รวมถึงยังทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY ที่มีตัวเลือกในการปรับแต่งแสงไฟ1 LED และสีไฟ RGB ของแต่ละปุ่มได้อีกด้วย
หูฟังเกมมิ่งแบบไร้สาย HyperX Cloud Flight S: HyperX Cloud Flight S มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานนานสุดถึง 30 ชั่วโมง2 และการตั้งค่าระบบเสียงรอบทิศทาง HyperX 7.1 มาพร้อม mixer สำหรับปรับแต่งระดับเสียงสนทนาและเสียงเกมในตัว เชื่อมต่อโดยใช้สัญญาณไร้สาย 4 GHz นอกจากนี้ Cloud Flight S ยังมีปุ่มสำหรับควบคุมในการปรับเอฟเฟกต์แสงไฟ LED, ปิดไมโครโฟน, ปุ่มเพาเวอร์ และปุ่มปรับระดับเสียง อีกทั้งรองรับช่องเสียบแอนาล็อกสามช่องทาง และเข้ากันได้กับอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายที่ได้การรองรับ Qi อีกด้วย
เมาส์เกมมิ่งไร้สาย HyperX Pulsefire Dart: HyperX Pulsefire Dart เป็นเมาส์เกมมิ่งแบบไร้สายรุ่นแรกจาก HyperX ทำงานโดยใช้คลื่นความถี่ที่ 4 GHz และใช้ตัวเซ็นเซอร์แสง Pixart 3389 พร้อมค่าพรีเซ็ต DPI ได้ถึง 3 รูปแบบ พร้อมแสง LED บอกสถานะ (800/1600/3200 DPI) และให้ค่า DPI ที่แท้จริงได้ถึง 16000 DPI ปุ่มคลิ๊กของเมาส์ขวาและซ้ายเลือกใช้สวิตซ์ Omron สำหรับการตอบสนองที่รวดเร็ว ให้อัตราการคลิ๊กได้ถึง 50 ล้านคลิ๊กต่อสวิตซ์ รองรับการปรับเอฟเฟกต์แสงไฟ RGB ขั้นสูง ตั้งโปรแกรมและปุ่มมาโครได้ถึง 6 ปุ่ม ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY โดย Pulsefire Dart สามารถชาร์จไฟแบบไร้สาย ร่วมกับอุปกรณ์ชาร์จที่ได้การรองรับ Qi และให้ระยะการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานสูงสุดถึง 50 ชั่วโมงต่อการชาร์จครั้งเดียว4
แท่นชาร์จไฟแบบไร้สายมาตรฐาน Qi HyperX ChargePlay: HyperX ChargePlay แท่นชาร์จไฟไร้สายที่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ได้หลากหลายรูปแบบ และสามารถชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่นที่รองรับมาตรฐาน Qi ได้ถึง 2 อุปกรณ์พร้อมกันที่ระดับ 10 วัตต์ต่อแท่นชาร์จ5 นอกจากนี้ ChargePlay Base ยังมีไฟบอกสถานะแบตเตอรี่ เพื่อให้สะดวกต่อการตรวจเช็คสถานะการชาร์จของอุปกรณ์อีกด้วย
ชุดหูฟังเกมมิ่งHyperX Cloud Alpha S: หูฟัง Cloud Alpha S รุ่นใหม่ล่าสุด โดดเด่นด้วยการเพิ่มตัวปรับระดับเสียงเบส ที่สามารถปรับได้ถึง 3 ระดับ รวมถึงยังสามารถปรับแต่งระบบเสียงรอบทิศทาง HyperX 7.1 ได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน6 นอกจากนี้ยังสามารถปรับระดับเสียงในเกมและเสียงการสนทนาผ่านชุดควบคุมที่ติดตั้งมาในตัวอีกด้วย ชุดหูฟัง Cloud Alpha S มาพร้อมเทคโนโลยี Dual Chamber ที่ช่วยยกระดับของเสียง ทั้งในด้านความแม่นยำของทิศทาง ให้ช่วงเสียงที่กว้าง โทนเสียงที่ลงตัว อีกทั้งยังช่วยให้การแยกเสียงเบสออกจากเสียงกลางและเสียงสูงเป็นไปได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เพิ่มไดนามิกให้กับเสียง เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ด้านเสียงที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะจากการเล่นเกม การฟังเพลง และการชมภาพยนตร์ได้อย่างเต็มอรรถรส และสมจริงกว่าที่เคยมีมา
ผลิตภัณฑ์ HyperX จะถูกจัดแสดงและสาธิตการใช้งานที่งาน Gamescom ในบูธของ HyperX (ห้องโถงฮอลล์ F08N สแตนด์ A-010, บริเวณด้านนอกด้านหลังห้องโถงฮอลล์ 8) ตั้งแต่วันที่ 20 – 24 สิงหาคมนี้