ติดเน็ตบ้านแรงๆ แล้วอุปกรณ์ที่ติดตั้งมันแรงพอหรือเปล่า ใช้ได้คุ้มไหม?

ติดเน็ตบ้านแรงๆ แล้วอุปกรณ์ที่ติดตั้งมันแรงพอหรือเปล่า ใช้ได้คุ้มไหม?

ติดเน็ตบ้านแรงๆ แล้วอุปกรณ์ที่ติดตั้งมันแรงพอหรือเปล่า ใช้ได้คุ้มไหม?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกวันนี้ ความเร็วเน็ตบ้านเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนนึงเพราะการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น เริ่มมีอุปกรณ์เข้ามาเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในบ้านมากขึ้น ผู้ให้บริการ (ISP) ก็ออกแบบแพ็กเกจความเร็วต่างๆ มาให้เหมาะสมกับการใช้งาน และราคาก็ลงมาอยู่ในระดับที่จับต้องได้ มีเหตุมีผลมากขึ้น ง่ายในการตัดสินใจปรับความเร็วให้สูงขึ้น ตามความคุ้มค่าของแต่ละแพ็กเกจที่ผู้ให้บริการจะนำเสนอ

ในปัจจุบันผู้ให้บริการรายใหญ่ต่างก็นำเสนอแพ็กเกจเน็ตบ้านความเร็วสูง ตั้งแต่ความเร็ว 50Mbps ไปจนถึง 1000Mbps (หรือ Gigabit) โดยมีอุปกรณ์ตั้งต้นพื้นฐานคือ Router Wi-Fi ตัวที่แถมมาในแพ็กเกจ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องขวนขวายหาอุปกรณ์มาใช้เอง

คลายข้อสงสัย ทำไมแต่ละคนได้เร้าเตอร์ไม่เหมือนกัน

ยี่ห้อของเร้าเตอร์ที่ผู้ให้บริการให้มาใช้นั้น ทางผู้ให้บริการ จะพิจารณาเลือกจากอุปกรณ์ต้นทาง (ตัวส่งสัญญาณ) ในแต่ละพื้นที่ เช่น พื้นที่ ก. ให้บริการโดยใช้อุปกรณ์ของ Huawei ก็จะให้อุปกรณ์ ONU / Router  ของ Huawei ถ้าพื้นที่ ข. ใช้อุปกรณ์ของทาง ZTE ก็ต้องใช้ ONU ZTE มารองรับ ดังนั้น อุปกรณ์ที่ลูกค้าได้รับในการติดตั้ง เบื้องต้นจึงมีความแตกต่างกัน อาจจะเป็นเรื่องสี เช่นบางแห่งเป็นสีขาว บางคนได้สีดำ ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละรายจะออกแบบมาให้แตกต่างกัน แต่ในด้านเทคนิคแล้วต้องเป็นไปตามสเปคที่ผู้ให้บริการกำหนด บางอันมี 4 เสาบางอันมี  6 เสา ความแตกต่างของเสาที่เพิ่มมาไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะอุปกรณ์บางรุ่นปล่อยคลื่นไวไฟ 2.4GHz โดยใช้สายอากาศที่ติดตั้งภายในทำให้สายอากาศที่เห็นภายนอกเหลือเพียง  4 เสา เพื่อใช้ปล่อยไวไฟคลื่น 5GHz ดังนั้นการแยกความแตกต่างระหว่าง 4 และ 6 เสาและตัวสีของอุปกรณ์นั้นไม่เพียงพอในการสรุปว่าอุปกรณ์ที่ได้รับนั้นดีหรือไม่ดี

แล้วจะทราบอย่างไรว่าอุปกรณ์ที่ได้รับนั้นดีพอหรือแรงพอในการใช้งาน?

จุดนี้เราต้องดูที่สเปคเครื่องของอุปกรณ์รุ่นที่เราได้รับมาใช้งาน อย่างเช่นในปัจจุบัน ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะใช้เร้าเตอร์รุ่นที่รองรับความเร็วสูงสุด ได้แก่ ตัวที่มี 4 เสาตามภาพ รุ่นนี้จะติดตั้งให้ลูกค้าทั่วไปที่สมัครความเร็ว 100-1000Mbps และรุ่นที่เป็น 2 เสา สำหรับลูกค้าที่ใช้ความเร็ว 1000Mbps โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ ระบุว่ารองรับ Wi-Fi เทคโนโลยี 5GHz AC1200 ซึ่งโดยหลักของ AC1200 นั้นจะแบ่งคลื่นที่ปล่อยออกมาเป็นความเร็ว 2.4GHz ที่ 300Mbps และ 5GHz ที่ 867Mbps รวมความเร็วทั้งหมดได้สูงสุด 1167Mbps จึงเรียกเหมารวมว่า AC1200

ในการใช้งานจริงแล้ว AC1200 เราจะใช้งานแพ็กเกจสูงสุดได้แค่ไม่เกิน 300-400Mbps ซึ่งเป็นความเร็วที่ได้จากการใช้อุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยีนี้ ดังนั้น AC1200 จึงเป็นอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะกับเน็ตบ้านที่มีความเร็วที่เกินกว่า 300Mbps ขึ้นไป (ถ้าติดเน็ต 1Gbps แต่ใช้รุ่น AC1200 จึงใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ)

หันมาดูในส่วนของอีกค่ายที่มี 6 เสากันบ้าง มากับแพ็กเกจที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด ราคาจับต้องได้ ด้วยความเร็วระดับ Gigabit (1000Mbps) โดยให้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Gigatex ตัวอุปกรณ์นี้จัดอยู่ในลักษณะ All-in-One ซึ่งเป็นการรวมทั้งตัว ONU + Router + AccessPoint ที่ใช้เทคโนโลยี Wi-Fi ระดับ AC2100

ตามความหมายของ AC2100 ในทางเทคนิค คือการส่งสัญญาณ Wi-Fi คลื่น 2.4GHz ออกมาที่ความเร็วสูงสุด 300Mbps และปล่อย Wi-Fi คลื่น 5GHz รองรับความเร็วสูงสุดที่ 1733Mbps และมีความสามารถเลือกช่องสัญญาณรองรับ DFS Channel ดังนั้น AC2100 จึงรองรับความเร็วสูงสุดที่ใช้งานได้พร้อมๆ กัน ถึง 300+1733 = 2033Mbps จึงเป็นความเร็วที่ตอบรับกับแพ็กเกจเน็ตบ้านได้อย่างดีเยี่ยม

ค่ายนี้ ระบุในสเปคการใช้งานว่า รองรับการใช้งาน Wi-Fi พร้อมๆกันได้ถึง 800Mbps นั่นหมายความว่า หากเรามีอุปกรณ์หลายอุปกรณ์ใช้งานในบ้านพร้อมๆกัน ทุกอุปกรณ์จะสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องหยุดรอกัน ความเร็วที่ได้รับก็ใช้งานได้ตรงตามแพ็กเกจที่เราสมัครได้มากที่สุด โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อรุ่นใหม่ๆ อย่าง SAMSUNG Galaxy NOTE10 , Huawei Mate 20Pro , Apple iPhone Xs Max หรือแม้กระทั่ง Mac Book Pro , iPadPro รุ่นต่างๆที่รองรับความเร็วไวไฟสูงสุดในท้องตลาด ก็สามารถนำมาเชื่อมต่อใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยที่เราไม่ต้องไปเสียเงินซื้ออุปกรณ์ AccessPoint ในราคาหลายพันหรือหลักหมื่นมาใช้ เพราะตัว Gigatex นั้นมีความแรงของสัญญาณครอบคลุมอุปกรณ์ทุกตัวที่นำมาเชื่อมต่อและส่งสัญญาณได้ในระยะทำการที่ดีในระดับของ Modem/Router ที่ขายกันตามท้องตลาดราคาหลักหมื่น พูดง่ายๆ คือให้ของดีมาเลยล่ะ

การติดตั้งเน็ตบ้านและเลือกใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอเราจึงต้องหันมาสนใจอุปกรณ์ที่ติดตั้งใช้งานด้วยว่าสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามความเร็วที่สมัครได้หรือไม่ การสมัครแพ็กเกจความเร็วอินเตอร์เน็ตไว้สูงๆ แต่อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณไม่มีประสิทธิภาพหรือความสามารถเพียงพออย่างผู้ให้บริการบางรายที่ยังให้อุปกรณ์ที่รองรับในเทคโนโลยียุคเริ่มต้นอย่าง AC1200 นั้นไม่มีความคุ้มค่า การเลือกใช้งานความเร็วสูงกว่า 300Mbps จึงควรใช้งานกับอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐานที่สูงขึ้น ที่รองรับความเร็วสูงสุดได้ระดับ Gigabit อย่างแท้จริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook