รีวิว Huawei nova 5T ไม่ต้องแพงก็มีสเปกเรือธงได้

Huawei nova 5T เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนระดับราคาหมื่นต้นๆ ที่ความสามารถโหดมากนะครับ เรียกว่าเข็นสเปกแบบนี้ ความสามารถขนาดนี้ ในราคาที่ทุบตลาด กดดันให้สมาร์ตโฟนค่ายอื่นๆ ต้องทำงานหนักเลยแหละ และนี่คือรีวิว Huawei nova 5T เต็มรูปแบบจากแบไต๋ครับ

สเปกของ Huawei nova 5T คือจุดเด่น

องค์ประกอบด้านเทคนิคของ Huawei nova 5T นั้นต้องเรียกว่าจัดเต็มด้วยสเปกระดับเดียวกับเรือธงเลยทีเดียวคือ

Kirin 980 Octa-core พร้อม GPU เป็น Mali-G76 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นเดียวกับเรือธงอย่าง Mate 20 Series และ P30 Series RAM: 8 GB หน่วยความจำ: 128 GB แต่ไม่สามารถเพิ่มความจุผ่าน MicroSD ได้ หน้าจอ IPS-LCD ขนาด 6.26 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2340 x 1080 pixel) กล้องหลัง 4 ตัว กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.8 (บันทึกภาพที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเป็นหลัก) กล้องมุมกว้าง 16 ล้านพิกเซล f/2.2 กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล f/2.4 กล้องวัดระยะ 2 ล้านพิกเซล f/2.4 กล้องหน้าเจาะรูอยู่ในหน้าจอแบบ Punch Display ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.0 Fixed Focus แบตเตอรี่ 3,750 mAh มาพร้อมหัวชาร์จ Huawei SuperCharge 22.5 W ระบบปฏิบัติการ EMUI 9.1 ครอบทับ Android 9 พร้อมบริการจาก Google เต็มรูปแบบ

เอาเป็นว่าใครเน้นเครื่องเร็ว ประสิทธิภาพดีในระดับท็อปของหัวเว่ย เจ้า Huawei nova 5T ไม่ทำให้ผิดหวังครับ แต่ประสบการณ์ด้านอื่นๆ จะดีเหมือนสเปกไหม เรามาเจาะลึกกันต่อครับ

ดีไซน์ของ Huawei nova 5T สวยงามมีเอกลักษณ์ของหัวเว่ย เครื่องขนาดพอดีมือ ใช้ได้คล่อง สีสันแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ตัวสแกนนิ้วปลดล็อกเครื่องอยู่ด้านข้าง และสแกนได้ไวระดับปีศาจ ต่อภาพออก HDMI จาก USB-C ไม่ได้ แต่ส่งสัญญาณภาพไร้สายไปออกจอได้

จุดแรกที่สะดุดตาเกี่ยวกับ Huawei nova 5T คือฝาหลังครับ มีโลโก้ nova ออกแบบใหม่อยู่ชัดเจนในฝาหลังนี้ และสีที่เราได้มารีวิวคือสีเอกของรุ่นนี้เลยคือ Midsummer Purple หรือสีม่วงสะท้อนแสง ซึ่งภายใต้ความแวววาวของสีม่วงนี้มีลวดลายโลโก้ใหม่ของ nova ซ่อนอยู่อย่างสวยงาม แต่ถ้าใครไม่ชอบสีม่วงที่สว่างสดใสขนาดนี้ ก็ยังมีอีก 2 ทางเลือกเป็นสีน้ำเงิน Crush Blue และสีดำสุดเข้มอย่างที่เราคุ้นเคยกัน

Click to view slideshow.

ด้านหลังเครื่องนี้ก็เป็นที่อยู่ของ Huawei AI Quad Camera หรือระบบกล้อง 4 เลนส์วางไว้มุมบนซ้าย ก็ตามสไตล์การออกแบบสมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ของหัวเว่ยครับ ซึ่งฝาหลังของ nova 5T นั้นไม่ได้ออกแบบให้โค้งรับกับฝามือนะครับ แต่มีขอบข้างแบบมนให้จับสบายแทน ส่วนด้านล่างก็มีพอร์ตชาร์จไฟเป็น USB-C ซึ่งสามารถเสียบอ่านอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง USB-C Hub เพื่ออ่านแฟลชไดรฟ์ได้ครับ แต่ไม่สามารถต่อ HDMI เอาภาพออกมาได้ออกไม่ได้ ต้องต่อภาพไร้สายอย่างเดียว แต่ด้วยความที่เป็น EMUI 9.1 จึงทำให้มี Desktop mode ที่ไม่ใช่แค่สะท้อนภาพในมือถือไปออกจอแบบไร้สาย แต่แสดงเป็นหน้าจอเหมือนคอมพิวเตอร์ให้ต่อเมาส์กับคีย์บอร์ด ใช้แทนคอมตัวใหญ่ได้เลยครับ พิมพ์เอกสาร หรือทำงานออฟฟิศได้สบายๆ เจ๋งตรงนี้

https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/09/nova5t-fingerspeed.mp4

สแกนลายนิ้วมือด้วยความเร็วระดับปีศาจ!

ดีไซน์ที่แปลกอีกอย่าง ไม่ได้เห็นในสมาร์ตโฟนมานานแล้วคือ ตัวสแกนลายนิ้วมือไปอยู่ด้านข้างเครื่องทางขวาครับ เป็นปุ่มเดียวกับปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง ล็อกจอครับ ซึ่งเจ้าสแกนนิ้วตัวนี้เรียกว่าสแกนเร็วระดับปีศาจ แตะนิ้วแล้วยกออกทันทีมันยังปลดล็อกจอได้! ซึ่งใช้แรกๆ อาจจะไม่ชินเท่าไหร่ เพราะบางทีแค่อยากเปิดจอดูการแจ้งเตือนก็ปลดล็อกให้แล้ว หรือเอามือจับเครื่อง เครื่องก็สั่นๆ เพราะมือไปโดนตัวเซนเซอร์สแกนนิ้วอันนี้ แต่ใช้ๆ ไปก็ชินครับ ก็เปลี่ยนไปใช้ระบบยกเครื่องให้จอเปิดเองก็จะอ่านการแจ้งเตือนได้ง่ายขึ้น

หน้าจอแบบ Punch Display สานต่อความสำเร็จจากรุ่นพี่ จอเจาะรูของ Huawei nova 5T นั้นก็ยังดีเหมือน nova 4 คือทำให้จอใช้พื้นที่ได้มากขึ้น และไม่รำคาญสายตา หน้าจอของ nova 5T ให้ความคมชัด และความสดใสได้ดี สามารถเล่น Youtube แบบ HDR ได้ด้วย แต่ไม่ใช่จอ OLED นะ

เมื่อปีที่แล้ว Huawei Nova 4 เป็นสมาร์ตโฟนหน้าจอเจาะรูหรือที่เรียกว่า Punch Display รุ่นแรกของหัวเว่ย และรุ่นแรกที่วางขายในไทยด้วย มาปีนี้ใน Huawei nova 5T ก็สานต่อหน้าจอแบบ Punch Display โดยรุ่นนี้ใช้หน้าจอ IPS-LCD ขนาด 6.26 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ และมีรูกล้องอยู่ทางบนซ้ายของหน้าจอครับ ซึ่งประสบการณ์การใช้งานเครื่องมานานหลายสัปดาห์ของเรา ก็ไม่รู้สึกหงุดหงิด รำคาญตากับหน้าจอแบบนี้ครับ รู้สึกว่ารูของหน้าจอมันไปหลบมุมในจุดที่ไม่เด่น และกินพื้นที่ในหน้าจอน้อยกว่ารอยบากตามปกติ ทำให้ใช้แล้วไม่ขัดสายตา เวลาเปิด Youtube ขยายเต็มจอที่แสดงภาพทับรูบนหน้าจอไปเลยก็ไม่รำคาญสายตาครับ ส่วนแอปอย่าง Netflix ก็จะแสดงผลหลบตัวรูนี้ครับ

แม้ว่าหน้าจอของ Huawei Nova 5T จะไม่ใช่จอ OLED เหมือนอย่างรุ่นเรือธง แต่ก็ให้ภาพได้สดใสคมชัดดีมาก แถมยังให้ภาพสีดำได้เข้มน้องๆ จอ OLED เลย แถมยังแสดงวิดีโอ HDR จาก Youtube ได้ด้วย ซึ่งก็เป็นจุดเด่นของจอ LCD ในมือถือหัวเว่ยรุ่นกลางๆ มาตลอดครับ และด้วย EMUI ก็ทำให้หน้าจอมีโหมดปรับความละเอียดอัตโนมัติระหว่าง 720p กับ 1080p เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ซึ่งบอกตามตรงว่าเราก็ดูไม่ค่อยออกว่าตอนไหนเป็น HD หรือ Full HD แต่ถ้าต้องการให้จอชัดที่สุดตลอดเวลาก็สามารถล็อกให้เป็น Full HD ไปตลอดได้ครับ ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ อย่างการตัดแสงสีฟ้า Eye Comfort ก็มีให้เปิดบน EMUI ครับ

กล้อง 5 ตัว พร้อม AI สุดเจ๋งของ Huawei กล้องหลัง 4 ตัวทำงานได้ดี ระบบ AI ช่วยทำให้ถ่ายรูปง่าย ถ่ายวิดีโอก็ไม่สั่น กล้องหน้าให้ภาพได้คมชัด แต่กล้องหลังไม่มีเลนส์ซูม

ระบบกล้องหลัง 4 ตัวพร้อม AI

Huawei nova 5T นั้นวางอยู่ในระดับต่ำกว่า P Series และ Mate Series นะครับ ก็ทำให้ไม่ได้ใช้แบรนด์และระบบประมวลผลภาพของ Leica มาด้วย แต่สมาร์ตโฟนตัวนี้ก็ยังให้ภาพที่ดีได้อยู่ดีด้วยกล้องหลัง 4 ตัวที่ประกอบไปด้วยกล้องหลัก, กล้องมุมกว้าง, กล้องมาโครและกล้องวัดระยะ พร้อมด้วยระบบ AI ของหัวเว่ยเองที่สามารถวิเคราะห์องค์ประกอบภาพเพื่อแยกออกมาได้ว่าซีนที่ถ่ายมานั้นเป็นซีนอะไร และปรับแต่งภาพให้ถูกต้อง อย่างพอเจอหน้าคนก็เปลี่ยนเป็นโหมด Portrait แล้วทำหน้าชัดหลังเบลอให้ทันที หรือเจอเป็นอาหารก็ปรับความสดของภาพให้ดูน่ากิน เอาเป็นว่าลองดูตัวอย่างภาพกันเลยดีกว่า

ภาพจาก Huawei nova 5T

ภาพจาก Huawei nova 5T

นอกจากนี้การที่ Huawei nova 5T มาพร้อมเลนส์มุมกว้างก็ทำให้ถ่ายภาพได้สนุกอีกเยอะ เพราะนอกจากจะถ่ายห้องแคบๆ ให้กว้างขึ้นได้แล้ว ยังสามารถเอามาเป็นเอฟเฟกถ่ายคนให้ดูมีแขนขาที่ยาวขึ้นได้ด้วย ซึ่งถ้าจัดดีๆ ก็สามารถถ่ายภาพให้หน้าดูเล็กได้ด้วย แต่เลนส์มุมกว้างก็ไม่เหมาะสำหรับการถ่ายในพื้นที่แสงน้อยนะครับ เพราะรูรับแสงแคบกว่า ไม่สามารถพื้นที่แสงน้อยได้ดีนัก ยังไงก็ควรใช้เลนส์หลักดีกว่า

ภาพจากเลนส์มุมกว้างของ Huawei nova 5T

แน่นอนว่า EMUI จาก Huawei นั้นสามารถถ่ายภาพ Night Mode ได้ ซึ่งผลงานที่ถ่ายออกมาได้ก็จัดว่าดูดีเลยครับ ให้รายละเอียดในที่แสงน้อยออกมาคมชัดดี

ภาพ Night Mode จาก Huawei nova 5T

ที่แปลกคือ nova 5T มาพร้อมเลนส์มาโครโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถเอากล้องไปใกล้วัตถุได้ในระยะ 4 cm ซึ่งก็ให้ภาพขยายของวัตถุในระยะใกล้ได้ดีพอสมควร เพียงแต่ว่าเลนส์ตัวนี้มีความละเอียดเพียง 2 ล้านพิกเซลเท่านั้น ก็ทำให้ไม่สามารถขยายภาพที่ถ่ายออกมาได้มากนัก และรายละเอียดภาพจากเลนส์ตัวนี้ยังไม่ค่อยดี ถ้าดูลวดลายในภาพดีๆ จะเห็นว่ามีการตกแต่งด้วยซอฟต์แวร์เยอะ ไม่ใช่รายละเอียดจริงๆ ของภาพ แม้จะจัดไฟถ่ายครับ

ภาพมาโครจาก Huawei nova 5T

ในส่วนของการถ่าย Portrait ก็ได้ผลงานที่ออกมาดูเนียนตาดี การตัดขอบบุคคลทำได้ดี ฉากหลังก็เบลอกำลังดีครับ ก็ถือว่ากล้องวัดระยะที่แยกออกมาอีกตัวหนึ่งสามารถทำงานได้ดีเลย

ภาพ Portrait จาก Huawei nova 5T

แต่จุดสังเกตของกล้องจาก Huawei nova 5T นั้นมีอยู่ 2 เรื่อง อย่างแรกคือมันไม่มีเลนส์ซูมจริงๆ ครับ การซูมคือใช้ภาพ 48 ล้านพิกเซลจากเลนส์หลักมาประมวลผลเท่านั้น ซึ่งก็ให้ผลงานออกมาดี แต่ถ้าเทียบกับมือถือที่มีเลนส์ซูมจริงๆ แบบซูม 3 เท่า 5 เท่า มันก็คงสู้กันไม่ได้ นอกจากนี้คุณภาพภาพก็บอกได้ว่ายังแตกต่างจากตระกูล Mate และ P ตัวท็อปแบบรู้สึกได้ ที่รุ่นพี่ที่ใช้ฮาร์ดแวร์กล้องดีกว่า ก็ให้ภาพที่มีรายละเอียดดีกว่าครับ

ภาพจาก Huawei nova 5T

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลังของ Huawei nova 5T

ส่วนการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลังนั้นสามารถทำได้ถึงระดับ 4K นะครับ แต่จะจำกัดความยาวที่ 10 นาทีต่อคลิป ส่วน Full HD 60 fps ถ่ายได้ไม่จำกัดความยาวครับ ซึ่งระบบป้องกันภาพสั่นไหวก็ถือว่าทำงานได้ดีเลยสำหรับ Huawei nova 5T ตัวนี้

กล้องหน้าของ Huawei nova 5T

กล้องหน้าของ Huawei nova 5T มีความละเอียดถึง 32 ล้านพิกเซล f/2.0 ซึ่งก็ให้ภาพที่มีความละเอียดสูงมาก สูงกว่ากล้องหลังในโหมดปกติอีก แถมยังมี HDR เพื่อจูนแสงด้านหลังให้สว่างพอดีอีกด้วย สังเกตจากรูปตัวอย่าง ในหน้าต่างที่สว่างมากๆ ด้านหลัง ก็ยังพอเก็บรายละเอียดของต้นไม้ออกมาได้ แม้ว่ากล้องหน้าตัวนี้จะไม่มีโฟกัสอัตโนมัติ แต่ก็ยังเก็บภาพบุคคลได้ชัดเจนในระยะวงแขนของเราครับ แถมยังสามารถถ่าย Night Mode ด้วยกล้องหน้าได้ด้วย

ภาพจากกล้องหน้า Huawei nova 5T

ส่วนการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้านั้นทำได้ที่ความละเอียด 1080p นะครับ ไม่สามารถถ่าย 4K ได้

ภาพจากกล้องหน้า Huawei nova 5T

ประสิทธิภาพของ Huawei nova 5T

อย่างที่เราบอกไปว่าแม้ nova 5T จะมีราคาแค่ 10,990 บาท แต่ได้สเปกระดับท็อปนะครับด้วย Kirin 980 พร้อม Ram 8 GB ซึ่งไม่พูดเยอะ เจ็บคอ ไปดูคะแนนทดสอบกันครับ

ซึ่งสรุปคะแนนของ Huawei nova 5T ได้ดังนี้ครับ

Geekbench 5 ตัวล่าสุด ได้คะแนน Multicore ไป 2,397 คะแนน (เลขดูน้อยเพราะเป็นคะแนนเวอร์ชั่นใหม่นะ) ซึ่งก็เป็นคะแนนระดับเดียวกับ Snapdragon 845 ครับ Antutu 7.2 กวาดไป 272,00 คะแนน 3Dmark ได้ 2,305 คะแนน ก็ถือเป็นคะแนนที่โอเคเลยสำหรับการเล่นเกม Androbench วัดความเร็วในการอ่านต่อเนื่องได้ 855 MB/s ก็ถือว่าเป็นหน่วยความจำแบบ UFS แหละ แม้จะไม่ใช่ UFS 3.0 ก็เถอะ

ส่วนการใช้งานจริง พวก facebook, LINE หรือท่องเว็บนี้ลื่นหมดครับ เราเลยจับไปเล่นเกมกราฟิกสวยอย่าง Shadowgun: Legend แล้วปรับกราฟิกไปสูงสุด ก็เล่นได้แบบมี Frame rate ตกบ้าง แต่ก็ยังเล่นจบเกมได้สบายๆ แต่ถ้าปรับกราฟิกเป็นระดับ Auto ให้เกมมันปรับเอง ก็ลื่นมากตลอดทั้งเกมครับ

สรุปประสบการณ์การใช้ Huawei nova 5T

เราใช้ Huawei nova 5T อยู่ประมาณ 2 สัปดาห์นะครับ ก็พอสรุปการใช้ได้ดังนี้

EMUI 9.1 ก็คือระบบปฏิบัติการที่ดีเหมือนเคย ฟังก์ชั่นมาครบเหมือนเรือธง ทั้งการแชร์สัญญาณ Wifi จาก Wifi หรือการต่อจอไร้สายเป็นหน้า Desktop หรือระบบ Huawei Share ที่สามารถแชร์ไฟล์ในเครื่องเข้าคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้ผ่าน Network Drive ระบบ GPS นำทางได้ดี ตำแหน่งไม่เด้งหลุดไปไหน ลำโพงมีตัวเดียวด้านล่าง แต่ให้เสียงได้ดังเหลือเชื่อ เปิดฟังในวงได้สบายๆ การสั่นของเครื่องน่าจะเป็นจุดอ่อนที่เราไม่ชอบที่สุด เพราะมันสั่นเบา บางทีใส่กระเป๋าก็ไม่รู้สึกตอนสั่น และสั้นย้วย จนไม่สามารถให้เครื่องสั่นพร้อมกดแป้นคีย์บอร์ดดีๆ ได้

ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 mm แล้ว ต้องต่อ Bluetooth หรือช่อง USB-C อย่างเดียว ใช้งานได้เกินวันจริงๆ แม้มีแบตแค่ 3,750 mAh เพราะ EMUI และชิป Kirin 980 สามารถจัดการพลังงานได้อย่างดี ชาร์จได้รวดเร็วด้วย Huawei SuperCharge 22.5 W สรุป Huawei nova 5T ราคา 10,990 บาทคุ้มมาก!

สรุปสั้นๆ สำหรับคนที่ต้องการมือถือที่ความสามารถรอบตัว ทั้งเครื่องเร็ว ถ่ายรูปสวย เสียงดัง ทำงานได้ดี nova 5T เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากครับ ไม่ต้องห่วงเรื่อง Android ด้วย เพราะเมื่อมี Google Service มาตั้งแต่ต้นแล้ว ก็ใช้งานต่อไปได้ยาวๆ ครับ

แชร์โพสนี้

The post รีวิว Huawei nova 5T ไม่ต้องแพงก็มีสเปกเรือธงได้! appeared first on #beartai.