[Hands On] สัมผัสแรก Fitbit Versa 2 รุ่นใหม่ที่ยกระดับ Smart Watch ไปอีกขั้น
Fitbit เปิดตัว Versa 2 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการพร้อมกับจุดเด่นที่สามารถใช้งานได้หลากหลายและมีสายให้เปลี่ยนเยอะมากเหมือนเดิม ซึ่งทีม Sanook! Hitech ได้ไปจับมาเล่าให้ฟังแบบสั้นๆ ก่อนรีวิวเร็วๆ นี้ พร้อมแล้ว มาชมกันเลย
รูปลักษณ์ของ Fitbit Versa 2
หน้าตาของ Fitbit Versa 2 ยังมาพร้อมกับหน้าตาที่เรียบง่าย แต่ยังดูดีเหมือนเดิม โดยหน้าจอรองรับทั้ง Touch Screen และมีหน้าจอที่คมชัดสู้แสงได้ดี และใหญ่กว่าเดิม พร้อมกับการทำงานได้รวดเร็ว
รอบตัวเครื่องเป็นวัดสุอะลูมิเนียมที่สัมผัสแล้วรู้สึกดี ไม่หนาและไม่บางเกินไป พร้อมกับปุ่มกด้านข้างขวา และมีไมโครโฟนด้านข้างซ้าย ใต้เครื่องจะมาพร้อมกับระบบวัดชีพจรในตัว ช่วยบอกการเต้นของหัวใจได้
ในภาพรวมถึงแม้ว่าจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากรุ่นที่แล้วแต่ด้วยการเพิ่มขนาดหน้าจอเล็กน้อยทำให้มันมีความแตกต่างและน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว แถมปรับเปลี่ยนสีของสายได้ตามใจขอบเช่นเคย ส่วนฟีเจอร์ของเครื่องจะมีอะไรบ้าง มาดูกันต่อเลยครับ
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Fitbit Versa 2
สำหรับ Interface ของ Fitbit Versa ยังคงเหมือนเดิม สามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับการออกกำลังกาย, บอกเวลา หรือจะนับถอยหลังได้ รวมถึงฟีเจอร์ Smart ต่างๆ ทั้ง Fitbit Pay จ่ายเงินผ่าน Fitbit, ควบคุมเพลงผ่าน Spotify และ แจ้งเตือนในเรื่องต่างๆ ผ่านมือถือ (ยังไม่รองรับภาษาไทย) พร้อมกับทำงานได้เร็วขึ้นการสั่งงานต่างๆ ยังทำได้รวดเร็ว
นอกจากนี้ Fitbit Versa 2 รุ่นใหม่ล่าสุดมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องต่างๆ เช่น
- Sleep Score: ผู้ใช้สามารถดูคะแนนด้านการนอนหลับได้ในแอปพลิเคชัน Fitbit เพื่อตรวจสอบข้อมูลด้านคุณภาพการนอนของตนเอง โดยคะแนนเหล่านี้จะมาจากการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ (ระดับการพักผ่อนและนอนหลับ) ความกระสับกระส่ายในช่วงเวลานอน เวลาที่ตื่นและระดับการนอนหลับ หรือ Sleep Stage
- Smart Wake: สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทวอทช์ทุกรุ่นเร็วๆ นี้ โดยฟีเจอร์ Smart Wake นี้ จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยปลุกคุณให้ตื่นเมื่อถึงเวลาตื่นที่เหมาะสม เมื่ออยู่ในช่วง Light หรือ REM ของการนอนหลับ โดยจะปลุกจากการตั้งค่าและจะเว้นช่วงครั้งละ 30 นาที เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นได้
- Sleep Mode: เมื่อตั้งการใช้งานในโหมดนี้ เครื่องจะหยุดการทำงานของการแสดงค่าบนหน้าจอและปรับการตั้งค่าเตือนให้อยู่ในโหมดเงียบ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ถูกรบกวนตลอดคืน Sleep Mode ยังสามารถใช้งานได้ ทุกๆ ครั้งที่ผู้ใช้ไม่ต้องการการรบกวน เช่นเมื่อกำลังประชุมหรือออกกำลังกาย
- Estimated Oxygen Variation Graph: อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะสามารถให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ เป็นกราฟแสดงผลที่ช่วยให้ผู้ใช้เห็นระดับอ็อกซิเจนในเลือดของตนเอง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกวัดด้วยเซ็นเซอร์เรดและอินฟราเรดที่อยู่ด้านหลังของเครื่อง การรู้ค่าอ็อกซิเจนในเลือดในระยะสั้นจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเรื่องการหายใจขณะนอนหลับได้มากขึ้น
- Always On Display ติดตั้งมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายมากขึ้น
- ติดตั้งไมโครโฟนไว้สำหรับการโต้ตอบกลับข้อความได้ (รองรับเฉพาะ Android)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับบริการใหม่อย่าง Fitbit Premium จะมีการข้อมูลและคำแนะนำในการทำให้คุณมีสุขภาพที่ดี ด้วยข้อมูลรอบด้านทั้งการออกกำลังกาย, การกิน, การนอน และมีวิธีในการทำอาหารให้ถูก โภชนาการได้ โดยมีค่าสมาชิก 300 บาทต่อเดือน หรือ 2,500 บาท ต่อปี
ความแตกต่างระหว่างที่ใช้โปรแกรม Fitbit Premium คือจะมีการแจ้งเตือนข้อมูลเพิ่มขึ้นสำหรับบุคคลนั้นโดยเฉพาะ, ดูข้อมูลการออกกำลังกาย, ทั้งวิ่ง, การเดิน การยกน้ำหนัก ไม่ต้องใช้บริการเทรนเนอร์แล้ว เป็นต้น ส่วนแบตเตอรี่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ที่ 6 วัน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการเปิดตัว Fitbit Aira Air ระบบชั่งน้ำหนัก มีขนาดกลางๆ และมาพร้อมกับความสามารถที่ใช้ได้ทุกคน ในราคา 1,890 บาท ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน
สรุปหลังจากได้สัมผัส Fitbit Versa 2 ในระยะเวลาสั้นๆ
เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาที่น่าสนใจ เพราะ Fitbit Versa 2 แค่ตัวเครื่องบางเบา สามารถใส่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ หรือจะเป็นการเพิ่มบริการทำให้คุณต้องการ นาฬิกามาบอกข้อมูลเรื่องการออกกำลังกาย รวมไปถึงบริการอย่าง Fitbit Premium เช่นกัน
สำหรับราคาของ Fitbit Versa 2 จะมีราคาอยู่ที่ 7,990 บาท โดยสามารถหาซื้อได้ทั้งออนไลน์, ตัวแทนจำหน่าย Fitbit ทั่งประเทศ
รายละเอียดและการเจาะลึก Fitbit Versa 2 เป็นอย่างไร ต้องรอชมรีวิวเร็วๆ นี้ครับ