[รีวิว] iPhone 11 การกลับมาของ iPhone รุ่นคุ้ม ค่าตัวถูก มีดีไม่แพ้รุ่นท็อป
กลับมาพบกับรีวิวมือถือและ Gadget จากทีม Sanook! Hitech อีกครั้งหนึ่ง สำหรับในบทความนี้ ใครที่รอคอยการมาของ iPhone 11 รุ่นธรรมดาอยู่ วันนี้เราจะมาเจาะลึกว่าในเมื่อมือถือรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้น 24,900 บาท ถือว่าถูกสำหรับ iPhone และเป็นครั้งแรกที่ iPhone ตั้งราคาถูกกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ และความสามารถยังเยอะขึ้น จะเป็นอย่างไรมารับชมกัน
แกะกล่อง iPhone 11
ภายในกล่องของ iPhone 11 จะมีรายละเอียดที่น่าสนใจและคนที่ซื้อควรรู้ตั้งแต่
- ตัวเครื่อง iPhone 11
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด
- คู่มือ / สติ๊กเกอร์
- หูฟัง EarPods
- สายชาร์จไฟ USB-A To Lightning Port
- ที่ชาร์จจิ๋วกำลัง 5W
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ iPhone 11
ในส่วนรูปร่างหน้าตาต้องบอกว่า iPhone 11 ถูกสร้างในพื้นฐานของ iPhone XR เดิมรายละเอียดต่างๆ จะคล้ายกัน เพื่อให้เห็นภาพทีม Sanook! Hitech ได้นำ iPhone XR มาเปรียบเทียบกัน เริ่มต้นจาก เริ่มต้นกับหน้าจอของ iPhone 11 จะมีขนาด 6.1 นิ้ว พร้อมกับ Notch ตรงกลางจอ โดยหน้าจอเลือกใช้แบบ IPS LCD ความละเอียดไม่ได้มาก ถ้าเทียบไปแล้วกด็เลย HD+ มานิดหน่อยเท่านั้น
ส่วนบนของเครื่องจะมาพร้อมกับ Notch ที่ติดตั้งระบบสแกนใบหน้า, เซนเซอร์ต่างๆ และรวมไปถึงกล้องหน้าของเครื่องมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
ล่างสุดเป็นขีดเพื่อปัดแทนการกลับหน้าหลัก (Home) หรือสไลด์ด้านข้างเพื่อเรียก Apps ก่อนหน้านี้
รอบตัวเครื่องจะใช้วัสดุอะลูมิเนียมพ่นสีทับ โดยสีที่เราได้มารีวิวคือ Product Red สีแดงร้อนแรง ปุ่มกดออกแบบไว้ตำแหน่งเดิม โดยฝั่งซ้ายจะมีปุ่มผลักเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า / ปุ่มปรับระดับเสียง
ฝั่งขวาจะมีปุ่ม Power แต่ถ้าเครื่องเปิดแล้วจะเป็นการเรียก Siri ถ้าจะปิดต้องกดปุ่ม Power และ ลดเสียงพร้อมกัน ล่างสุดมาพร้อมกับถาดใส่ซิมแบบ Nano SIM ที่ต้องเอาแถบสีทองขึ้นหันขึ้น
ส่วนบนปล่อยเรียบและโชว์สี แต่เส้นเสาอากาศจะไว้ด้านข้างไม่เหมือนรุ่นโปรที่จะมีเส้นอากาศด้วย
ส่วนล่างสุดมาพร้อมกับไมโครโฟน, ลำโพงตัวเครื่อง, ช่องเสียบ Lightning Port สำหรับเสียบอุปกรณ์ และชาร์จไฟ
ด้านหลังมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ ที่ไว้ตำแหน่งที่มีคนแซวว่าจะเป็น Minion, หรือชานมไข่มุก พร้อมกับไมโครโฟน และ LED Flash คู่ขนาดใหญ่กว่าเดิม และมีโลโก้ Apple และเฉพาะ สีแดง จะมีคำว่า Product Red แสดงขึ้นมา
ภาพรวมจากที่สัมผัส / น้ำหนัก / สีสัน
ในภาพรวมตัวเครื่องไม่ได้แตกต่างจาก iPhone XR เท่าไหร่ ดังนั้นถ้าใครมองว่ามันคือการเพิ่มกล้อง 1 ตัวและแตกต่างเลย ก็อาจจะผิดเพราะว่า iPhone 11 มีการเพิ่มแบตเตอรี่ ทำให้น้ำหนักของเครื่องมากกว่าเดิม เล็กน้อย ไม่ได้มีผลอะไรมากนัก แต่ยังคงเป็น iPhone ขนาดที่เหมาะมือ ใช้งานได้สบายๆ
ส่วนสีสันของ iPhone 11 จะเน้นความสดใส เพราะสีไม่ได้ฉูดฉาดมากนัก ประกอบไปด้วย สีม่วง Purple, สีขาว White, สีเขียว Green, สีเหลือง Yellow, สีดำ Black, และ สีแดง (PRODUCT) Red
เปิดเครื่องลองใช้ iPhone 11
รายละเอียดของ iPhone 11
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 150.9 x 75.7 x 8.3 มม.
- น้ำหนัก: 194 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : IP68 (ลงน้ำได้ 2 เมตร นาน 30 นาที)
- หน้าจอ: IPS LCD (Liquid Retina Display) ขนาด 6.1 นิ้ว
- ความละเอียดหน้าจอ 828 x 1792 พิกเซล ความหนาแน่น 326 ppi
- ชิปเซ็ต Apple A13 Bionic Hexa Core (ตัวแรง 2 Core + ทำงานปกติ 4 Core) + Apple GPU (4 Core)
- การเชื่อมต่อ : 4G LTE (Nano SIM + eSIM), WiFi 802.11 B/G/N/AC Dual Band, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 13.1 (Upgrade ได้)
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ (Face ID)
- กล้องหลัง / ตัว : 12 ล้านพิกเซล (f1.8,) + 12 ล้านพิกเซล (f2.4, Ultra-Wide)
- กล้องหน้า: 12 ล้านพิกเซล (f2.0)
- แบตเตอรี : 3,110 mAh + Fast Charge 18W (ซื้ออุปกรณ์แยก) / Wireless Charge
- แรม (RAM) : 4GB
- ความจำภายใน : 64/128/256GB
- ความจำภายนอก : -
- ช่องเสียบ : Lightning Port
- สี : สีม่วง Purple, สีขาว White, สีเขียว Green, สีเหลือง Yellow, สีดำ Black, และ สีแดง (PRODUCT) Red
จากสเปกของเครื่องที่ได้เห็นไม่ได้แตกต่างจากรุ่น iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max การทดสอบประสิทธิภาพผลที่ได้คะแนนอาจจะต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นถ้าใครจะเอามาเล่นเกม ยังคงสอบผ่านได้สบายๆ
การเชื่อมต่อ / ลองระบบนำทาง
การเชื่อมต่อทำได้ทั้ง LTE – Advance รองรับ Gigabit, WiFi 6 มาตรฐาน WiFi 6 ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม, Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 การนำทางถือว่าอึดขึ้นกว่าเดิมชัดเจน
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
ส่วนการแสดงผลนั้น ยังคงใช้หน้าจอ IPS LCD ความละเอียด 828 x 1792 ให้สีสันคมชัดในเกณฑ์ระดับต้นๆ ของ iPhone แต่ว่า ไม่ได้แกตต่างจาก iPhone XR เดิมเท่าไหร่
ลำโพงนั้น ให้มาทั้งหมด 2 จุด เป็นแบบ Stereo เหมือนกัน แต่ว่าสำหรับ iPhone 11 จะรองรับเทคโนโลยี Dolby ATMOS ทำให้เสียงดังและมีประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นเดิมก่อนหน้านี้พอสมควร มิติของเสียงดี แต่ว่าเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ / ระบบความปลอดภัย
สำหรับระบบปฏิบัติการของเครื่องยังคงเลือกใช้ iOS 13.1 ใหม่ล่าสุดที่ยังสามารถทำงานได้ดี ฟีเจอร์นอกเหนือจาก iOS 13 ที่ทำได้ก็มีเยอะเหมือนกันจนเรียกได้ว่า เป็นอีกระบบปฏิบัติการที่สาวกคนไหนถือ iPhone ก็ควรจะโหลดมาใช้
เนื่องจาก iPhone 11 Series ไม่มี 3D Touch อีกต่อไป Apple เลยใช้วิธีแก้ปัญหาแค่กดค้างเท่านั้น ก็สามารถเรียกฟังก์ชั่นฉุกเฉินมาใช้ได้ทันที
>> Apple ปล่อย iOS13 และ iPadOS เวอร์ชั่นให้คนทั่วไปได้ทดลองใช้กันอย่างเป็นทางการ
ส่วนระบบความปลอดภัยมาแค่ 1 ระบบคือ Face ID สแกนใบหน้าโดยใช้กล้องหลายตัว และสามารถสแกนในที่แสงน้อยได้ดีมากขึ้น
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
เมื่อราคาลดลงจาก iPhone 11 Pro พอสมควรทำให้กล้องของ iPhone 11 ลดจำนวนเหลือ 2 เลนส์ได้แก่
- กล้องระยะ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.8
- กล้องระยะ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
ภาพรวมของเลนส์นั้น ตัวหลักยังคงให้มุมมองกว้างกำลังดี แต่การได้ Ultra Wide ก็ทำให้มุมมองแตกต่างจาก XR ชัดเจน น่าเสียดายยังคงได้ Digital Zoom ได้ไกลสุด แค่ 5 เท่า
เมนูกล้อง / ฟีเจอร์การถ่ายภาพ
หน้าตาเมนูกล้องยังคงเหมือนกับ iPhone 11 Pro ที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ อาจจะมีความแตกต่างในเรื่องของปุ่มซูมภาพที่มีแค่เลข 1X แต่เราแตะแล้วเลื่อนระยะได้เหมือนกับ กล้องของ iPhone 11 Pro เพียงแต่มันสามารถถอยได้ 0.5X ใช้เลนส์ Ultra Wide และ ซูมได้สุดแบบ Digital Zoom 5 เท่า แต่โหมดการถ่ายภาพกลางคืนยังคงมีอยู่
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก iPhone 11
สำหรับภาพถ่ายที่ปรากฏออกมานั้น สีสันจะมีความคล้ายและใกล้เคียงกับ iPhone 11 Pro แต่บางภาพนั้นจะไม่ได้ติดเหลืองมาก ภาพออกมาจะดูธรรมชาติกว่า
การถ่ายภาพกลางคืนยังอยู่ในจุดที่ยอมรับได้มากกว่าเดิม ซึ่งรายละเอียดเก็บได้ดีกว่าเดิม ซึ่งถ่ายได้ทั้งเลนส์ปกติ และ Ultra Wide เพียงแต่ผมแนะนำว่า ไม่ควรใช้ Ultra Wide ถ่ายกลางคืน เพราะรูรับแสงมันน้อยจะทำให้ภาพไม่สมบูรณ์ (มี Noise)
การถ่ายภาพในรูปแบบอื่นๆ จะสามารถถ่าย Portrait Mode กับวัตถุได้แล้ว (iPhone XR ไม่สามารถถ่ายกับวัตถุได้) แต่ก็มีจุดอ่อนคือความคมชัดยังสู้ iPhone 11 Pro ไม่ได้แค่นั้นเอง
การถ่ายวิดีโอด้วย iPhone 11 เป็นอย่างไร
สำหรับรูปแบบการถ่ายวิดีโอของ iPhone 11 ยังคงรองรับ 4K 60 FPS เหมือนเดิม และ Slowmotion ความละเอียด 240 FPS เท่านั้น แต่จุดเด่นคือ ระบบกันสั่นที่นิ่งกว่า iPhone XR แบบเห็นได้ชัด และเมื่อใช้ถ่ายแบบเดียวกับ iPhone 11 Pro การเก็บรายละเอียดและกันสั่นทำได้ดีครับ
กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้ดีไหม
สำหรับการถ่าย Selfie ด้วยกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซลด้วย iPhone 11 ยังคงให้โทนสีใกล้เคียงกับ iPhone 11 Pro ละลายหลังได้เหมือนกันพร้อมกับ ฉากละลายหลังได้เหมือนกัน และถ่ายวิดีโอ Slofie ได้เหมือนกัน (แบบ 120 FPS)
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ iPhone 11 ให้มาเพียง 3110 mAh เท่านั้น อาจจะไม่ได้มากเหมือนกับรุ่นอื่น แต่เนื่องจากหลายปัจจัยของเครื่องกินไฟไม่มากเช่นหน้าจอ ทำให้ต่อให้ใช้งานหนักแค่ไหน ก็อยู่รอดระหว่างวันได้ แต่ว่าถ้าถ่ายรูปหนัก ต้องทำใจนะครับ
แต่ถ้าถามว่าอึดกว่า iPhone XR ที่ผู้เขียนใช้อยู่มากไหม คำตอบคือ อึดกว่า แต่ไม่ได้นานขนาดนั้น ยังให้ว่าพอๆ กับรุ่นเดิมจะดีกว่า
ในเรื่องของการชาร์จไฟยังคงรองรับที่ชาร์จกำลัง 18W เหมือนกับรุ่นบน และรองรับ Wireless Charge กำลัง 7.5W เท่าเดิม ข่าวร้ายคือ ตัวที่ชาร์จจะต้องซื้อเพิ่มเพราะในกล่องติดขนาด 5W มาให้ และสายก็ต้องซื้อแยกอีก โดยราคานั้นจะอยู่ที่
- สาย USB-C to Lightning Port 1 เมตร ราคา 690 บาท (ถ้า 2 เมตร 1,190 บาท)
- Adapter USB-C กำลังไฟ 18W ราคา 1,190 บาท
เมื่อรวมกันไปแล้วก็จะอยู่เริ่มต้นประมาณ 1,890 บาท ก็จะได้ที่ชาร์จกำลังสูงขึ้น หรือคำแนะนำคือ ใช้ของ Third Party ก็จะถูกลงกว่าเดิมครับ
สรุปหลังจากทีม Sanook! Hitech ทดลองใช้งาน iPhone 11 มาสักระยะเวลาหนึ่ง
เป็นมือถือรุ่นเล็กสุดที่น่าสนใจเพราะการให้สิ่งต่างๆ ของเครื่องถือว่าลงตัวแม้ว่าจะด้อยกว่ารุ่นบนในเรื่องของหน้าที่ละเอียดน้อยกว่า และ ที่ชาร์จตัวหลักไม่ได้ให้มา แต่แลกกับราคาถูกลงกว่าเดิม โดย iPhone 11 มีให้เลือกทั้งหมด 3 เกรดได้แก่
- ความจำ 64GB = 24,900 บาท
- ความจำ 128GB = 26,900 บาท
- ความจำ 256GB = 30,900 บาท
ถือว่าถูกลงกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ iPhone XR ในปีก่อนและได้ความสามารถแตกต่างในเรื่องของกล้อง ประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่า ถ้าใครอยากได้มือถือ iPhone ที่ไว้ใจได้และใช้นานๆ นี่เป็นอีกรุ่นที่แนะนำครับ และตอนนี้มีบริการซื้อ Apple Care+ จะประกันอุบัติเหตุได้ด้วย ใครที่จะใช้นานๆ อย่าลืมพิจารณาว่าจะซื้อด้วยหรือไม่นะครับ
จุดเด่น
- กล้องหลังมีระยะเลนส์กว้างให้แล้ว
- ประสิทธิภาพดีกว่าเดิม
- รองรับชาร์จไฟเร็ว
- กล้องหน้ามีลูกเล่นวิดีโอ Slofie
- อัปเดทได้นาน
- ราคาเครื่องคุ้มค่า
ข้อสังเกตุ
- ความอึดไม่ได้แตกต่างจาก iPhone XR เท่าไหร่
- หน้าจอความละเอียดน้อยไปหน่อย
- ไม่แถมที่ชาร์จกำลัง 18W มาในกล่อง
- บอดี้เสี่ยงต่อการลอก และ ถลอกได้ง่ายมาก
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ