[รีวิว] Xiaomi Mi 9 Lite มือถือตระกูลท็อป ลดสเปกนิดหน่อย แต่ตั้งราคาจับต้องได้
กลับมาพบกับรีวิวมือถือและ Gadget จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง ในรอบนี้มาพบกับ Xiaomi Mi 9 Lite ที่จัดว่าเป็นน้องเล็กสุดในตระกูล Mi 9 Series ในปีนี้ มาดูกันว่า สเปกเครื่องจะดีไหม และความน่าสนในของรุ่นนี้เป็นอย่างไร
แกะกล่อง Xiaomi Mi 9 Lite
ภายในกล่องของ Xiaomi Mi 9 Lite ก็ยังมีอุปกรณ์ด้งนี้
- ตัวเครื่อง Xiaomi Mi 9 Lite
- เข็มจิ้มเปิดถาดใส่ซิมการ์ด
- คู่มือ
- สายชาร์จ USB-C
- ที่ชาร์จกำลัง 18W
- เคสใส
รูปลักษณ์ และ ดีไซน์ของ Xiaomi Mi 9 Lite
สำหรับดีไซน์ ถ้าใครคุ้นเคยกับ Xiaomi Mi 9 Series อาจจะบอกว่ารุ่นนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรจากรุ่นก่อนหน้านี้ รวมไปถึง Xiaomi Mi A3 เช่นเดียวกัน เพราะดีไซน์ของเครื่องมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว (ใหญ่กว่า A3) ความละเอียดสูง และดูกลมกลืน
ส่วนบนสุดมาพร้อมกับ Notch ทรงหยดน้ำ และมีเซนเซอร์ติดตั้งโดยรอบ และใครอยากปิด Notch ขอแสดงความเสียใจไว้ ณ ตรงนี้ว่าทำไม่ได้ครับ (จนกว่าจะอัปเป็น MIUI 10.4)
ส่วนล่างของหน้าจอ เป็นส่วนควบคุมหน้าจอ โดยสามารถสั่งทั้ง Recent สลับ Apps, Home กดเข้าหน้าจอ, และ Back สำหรับย้อนกลับ
รอบตัวเครื่องเปลี่ยนมาใช้วัสดุอะลูมิเนียมเกรดดีใช้ได้ทำให้รู้สึกจับแล้วดูมั่นใจ และเสริมให้เครื่องดูหนักขึ้นเล็กน้อย ด้านข้างประกอบไปด้วยฝั่งซ้ายมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM และอีกช่องเป็น microSD สลับกับ Nano SIM เรียกอีกอย่างว่า Hybrid Slot
ฝั่งขวามาพร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียงที่อยู่ด้านบนและล่างสุดเป็น ปุ่มสำหรับเปิด / ปิดตัวเครื่อง
บนสุดมาพร้อมกับช่องเสียบหูฟัง, ไมโครโฟนตัวที่ 2, ช่องสัญญาณ Infared
ล่างสุดมาพร้อมกับช่องเสียบ USB-C ไว้ตรงกลางมาพร้อมกับลำโพงฝั่งขวา และ ไมโครโฟนฝั่งซ้าย
พลิกมาด้านหลัง มาพร้อมกับโลโก้ Xiaomi ที่โดดเด่นและติดตั้ง LED ไว้เมื่อสถานะแจ้งเตือนทำงานก็จะทำให้ไฟติดขึ้นมา, บนสุดมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวด้วยกันพร้อมกับ LED Flash การออกแบบเหมือนกับ Xiaomi Mi A3 ที่ได้รีวิวก่อนหน้านี้
ภาพรวมของดีไซน์ / น้ำหนัก / สีสันที่จำหน่าย
การออกแบบตัวเครื่องเนื่องจากมีการอิงจากรุ่นเดิมและรุ่นเล็กก็เลยทำให้ภาพรวมของการออกแบบเครื่องสวยงามและมีขนาดไม่ได้เล็กหรือใหญ่เกินไป การวางตำแหน่งต่างๆ ถือว่าเหมาะสม ยกเว้นไฟแจ้งเตือนที่ไว้ตำแหน่งที่ต้องเอาคว่ำหน้าถึงจะเห็นไฟ อาจจะมองยากไปหน่อย นำหนักเครื่องแม้จะรู้สึกหนักนิดๆ แต่ก็ให้ความมั่นใจเหมือนกัน แต่ก็ยังแนะนำว่าควรใส่เคส เพราะ เลนส์กล้องนั่นเอง
สำหรับสีสันที่จำหน่ายในประเทศไทยมาพร้อมกัน 3 สีคือ ขาว, ดำ, น้ำเงิน
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์ของ Xiaomi Mi 9 Lite
สเปกของ Xiaomi Mi 9 Lite
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 156.8 x 74.5 x 8.7 มม.
- น้ำหนัก: 179 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : -
- หน้าจอ: Super AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด 2340x1080 พิกเซล
- ชิปเซ็ตQualcomm Snapdragon 710 Octa Core 2.0GHz + GPU Adreno 616
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie + MIUI 10.3
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
- ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า
- กล้องหลัง 3 ตัว : 48 ล้านพิกเซล (f1.8 Main) + 8 ล้านพิกเซล (f2.4, Ultra-Wide) + 2 ล้านพิกเซล Depth Sensor
- กล้องหน้า: 32 ล้านพิกเซล (F2.0)
- แบตเตอรี : 4030 mAh Fast Charge 18W
- แรม RAM 6GB
- ความจำภายใน 128GB
- ความจำภายนอก Micro SD 256GB
- สี : ขาว, ดำ, น้ำเงิน
การทดสอบประสิทธิภาพ / ลองเล่นเกม
การทดลองประสิทธิภาพผ่าน AnTuTu ทำได้ที่ 200,810
การทดสอบประสิทธิภาพผ่าน Geekbench 5 ทำได้ที่ Single Core = 364 คะแนน และ Multi Core 1463 คะแนน
เมื่อเห็นคะแนนแบบนี้ภาพรวมของการทำงานและเล่นเกมยังคงการตอบสนองที่ดีและลื่นไหลอย่างมาก ดังนั้นใครที่จะซื้อมาเล่นเกม ก็หมดห่วงได้ระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่ดีเท่ากลุ่มของ Snapdragon 800 Series นะ
ลองใช้เชื่อมต่อ และ ระบบนำทาง
การเชื่อมต่อยังคงทำได้ครบเพราะ WiFi เป็นแบบ Dual Band รองรับมาตรฐาน WiFi AC และ Bluetooth 5.0 ส่วนการนำทางยังคงได้ A-GPS และ GPS มาบอกพิกัดช่วยทำให้แม่นยำมากขึ้น
การแสดงผลภาพ และ เสียง
การแสดงผลของ Xiaomi Mi 9 Lite รุ่นนี้ให้หน้าจอขนาด 6.39 นิ้วแบบ AMOLED ให้การตอบสนองที่ดีเหมือนเดิม และ สีสันคมชัดพร้อมกับปรับเปลี่ยนมาเป็นโหมดถนอมสายตาได้ด้วย
ส่วนระบบเสียงให้ลำโพงตัวเดียวอยู่ด้านล่าง ปรับแต่งได้เล็กน้อย ข้อดีคือมี FM Radio มาให้นะครับ
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ / ระบบความปลอดภัย
สำหรับระบบปฏิบัติการของ Xiaomi Mi 9 Lite ยังคงเลือกใช้ Android Pie เวอร์ชั่น 9 ถือว่าล่าสุด และมาพร้อมกับ MIUI 10 เวอร์ชั่น 10.3.6 รุ่นล่าสุดที่มีการปรับปรุงหน้าตา UI ให้ใช้งานได้ง่าย มีความยืดหยุ่นในการทำงานและสามารถเปลี่ยน Theme ได้ ส่วนการทำ Spilt Screen หรือ ใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอทำได้แค่ กดปุ่ม Split Screen แล้วเลื่อน Apps หนึ่งไปด้านบน > เลือก Apps แสดงผลข้างล่างก็จะแสดงผลพร้อมกัน 2 หน้าจอ
ฟีเจอร์ของเครื่องยังคงเหมือนกับมือถือจาก Xiaomi นั่นคือมี เครื่องมือทั้ง เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ, ระบบดูแลรักษาเครื่อง และอื่นๆ รวมไปถึง Mi Remote ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบใช้มือถือคุมอุปกรณ์ไร้สายได้ และยังมีฟีเจอร์ Dual Apps, การดูแลรักษาสุขภาพของเครื่อง
ส่วนระบบความปลอดภัย มีให้เลือก 2 ระบบ คือ ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอแบบ Optical ที่ปรับปรุงการทำงานให้เร็วและทัชติดได้ง่าย และอีกระบบคือการสแกนใบหน้าที่ยังทำงานได้เร็วและทั้งคู่ยังสามารถปลดล็อคเพื่อเข้าสู่ ฟีเจอร์ Second Space ได้
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
สำหรับกล้องหลังของ Xiaomi Mi 9 Lite รุ่นเล็กแบบนี้ยังคงให้กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวที่เน้นการทำงานร่วมกันได้อย่างดีประกอบด้วย
- กล้องตัวแรกความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (f1.8 Main)
- กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f2.4, Ultra-Wide)
- กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล Depth Sensor
มาพร้อมกับระบบ Auto Focus และ LED Flash ทั้งหมดยังคงทำงานได้ดี แต่ว่าไม่มี Tele photo มาให้
ส่วนควบคุมกล้อง / ฟีเจอร์ต่างๆ
สำหรับลูกเล่นของ Xiaomi Mi 9 Lite ในเรื่องของกล้องแทบจะยกมาจาก Xiaomi Mi 9 มาทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ดังนั้นการทำงานต่างๆ ไม่ได้แตกต่างกันมา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ AI Scene ซึ่งแบ่งได้ทั้งหมด หลากหลายรูปแบบทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง และมี Effect ให้เลือกมากมาย และมีโหมดขยายพิกเซลถึง 48 ล้านพิกเซลได้
ตัวอย่างภาพถ่าย
ภาพกลางวันยังคงเก็บรายละเอียดได้และสวยงามเช่นเคยไม่ต้องลุ้น แต่ก็มีโหมดที่ปรับได้เช่น Pro Mode
ภาพกลางคืนเนื่องจากเลนส์หลักรูรับแสงกว้างทำให้ภาพที่ออกมาสวยงาม และถ้าเข้า Night Mode ก็จะทำภาพออกมารับแสงได้มากขึ้น
ส่วนโหมดอื่นๆ ก็จะมี Effect, การถ่ายภาพอาหารที่ให้สีสันสวยงาม และยังมีโหมด ถ่ายภาพบุคคล รองรับการถ่ายภาพสิ่งของได้ด้วย
การถ่ายวิดีโอด้วย Xiaomi Mi 9 Lite
ยังคงทันสมัยเหมือนเดิมเพราะ Xiaomi Mi 9 Lite รองรับการถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุด 4K แบบ 60 FPS เหมือนเดิม มีระบบกันสั่นมาให้แต่จะทำงานได้ดีในแบบ 30 FPS เท่านั้น ส่วนกล้องหน้ารองรับแบบ Full HD นะครับ
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซลถ่ายภาพเป็นอย่างไร
เรื่องการถ่ายภาพแบบ Beauty Modeสามารถปรับระดับได้ และมาพร้อมกับความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าสาวๆ ทั้งหลาย มันถ่ายภาพได้ดีอยู่นะ
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟกลับ
สำหรับแบตเตอรี่ของ Xiaomi Mi 9 Lite อัปเกรดจากเดิมพอสมควร ให้ถึง 4030 mAh ถือว่าใหญ่เอาเรื่องเหมือนกัน และเมื่อใช้งานปกติ ถือว่า อึดใช้ได้ แล้วภาคการทดสอบจากทีม Sanook Hitech โดยใช้ PC Mark รันต่อเนื่องผลที่ได้ออกมาอยู่ได้ที่ 14:36 ชั่วโมง ถือว่าอึดเอาเรื่องเลย (การทดสอบจากแบตเตอรี่เต็ม 100% ลดเหลือ 19% )
ส่วนระบบชาร์จรองรับกำลังไฟ 18W และให้ที่ชาร์จ 18W ติดกล่องมาด้วยถือว่าน่าชื่นชมมากครับ
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน Xiaomi Mi 9 Lite มาสักระยะเวลาหนึ่ง
ภาพรวมหลังจากที่ได้ลอง ยอมรับว่า Xiaomi Mi 9 Lite เป็นอีกมือถือรุ่นคุ้มค่าและสเปกถือว่าจัดมาหนักพอสมควร และให้ฟีเจอร์ครบเครื่อง ในราคาที่จับต้องได้โดยไม่ต้องไปถึงรุ่นบน แต่ว่า ยังมีเรื่องที่ต้องปรับปรุงเช่นการให้ CPU ที่ยังแรงน้อยไปหน่อย
Xiaomi Mi 9 Lite มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกันประกอบด้วย
- Xiaomi Mi 9 Lite RAM 4GB / ความจำในตัว 64GB ราคา 7,999 บาท
- Xiaomi Mi I Lite RAM 6GB / ความจำในตัว 128GB ราคา 8,999 บาท
เรียกได้ว่าเลือกรุ่นไหนก็คุ้มค่าเหมือนกัน แต่ในใจผู้เขียนอยากเชียร์ให้ไปรุ่นท็อปจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม นี่เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการมือถือที่สเปกดีราคาประหยัด แต่คู่แข่งเยอะ เลือกให้ดีนะครับ
จุดเด่น
- ได้ระบบปฏิบัติการใหม่
- การจัดวางส่วนต่างๆ ของเครื่องเหมาะสม
- การทำงานภาพรวมใช้ได้
- กล้องถ่ายภาพสวย
- แบตเตอรี่อึดใช้ได้
ข้อสังเกต
- CPU ไม่ได้แรงมากอย่างที่คิด
- ไฟแจ้งเตือนอยู่ด้านหลังมองยาก
- การออกแบบดูซ้ำกับรุ่นที่ขายอยู่แล้ว
อัลบั้มภาพ 20 ภาพ