ผลสำรวจชี้คนอเมริกันเปิดใจมากขึ้นให้กับ “รถไร้คนขับ”
สำนักข่าวรอยเตอร์ อ้างรายงานจาก Adobe Analytics ในช่วงเดือนตุลาคม ที่ระบุราว 40% ของคนอเมริกันมีแนวโน้มที่จะซื้อรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคต โดยสำรวจจากชาวสหรัฐฯ ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 1,040 คน
พวกเขาหวังว่าจะได้กินขนม พิมพ์ตอบแชท ดูรายการโปรด หรือส่งอีเมล์ ขณะที่รถเคลื่อนตัวไปแบบไร้คนขับ ซึ่งพื้นที่ในรถจะกลายเป็นเสมือนบ้านหรือออฟฟิศขนาดย่อม
บริษัทเทคโนโลยีและบริษัทยานยนต์ชั้นนำระดับโลกได้ลงทุนนับพันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ แต่ในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในแวดวงยนตรกรรมกลับเห็นว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี กว่าที่อุตสาหกรรมรถยนต์จะพัฒนาไปถึงจุดที่ปราศจาการควบคุมโดยมนุษย์แบบ 100%
ในเดือนตุลาคม บริษัทฮุนได ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยแผนการลงทุนในรถไร้คนขับและระบบที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าไล่ตามอีกหลายบริษัทที่ได้พัฒนาไปก่อนหน้า อย่างเช่น บริษัท GM หรือ General Motors บริษัท Uber บริษัท Lyft และบริษัท Apple ซึ่งการขับเคี่ยวนี้ยังยากที่จะบอกว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ
รายงานปีที่แล้วจากหน่วยงานภาครัฐในแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า โครงการอย่างเช่น Waymo ของ Alphabet และ GM Cruise ที่ได้รับเงินลงทุนจากกองทุน $100 billion Vision Fund ที่มีบริษัทข้ามชาติ SoftBank Group ให้การสนับสนุน ได้ทดสอบสมรรถนะรถไร้คนขับไปมากกว่า 2 หมื่น 5 พันกิโลเมตร
ทางด้านบริษัท BMW ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศเยอรมันนีก็ได้จับมือกับบริษัท Tencent Holdings ผู้ผลิตเกมส์ออนไลน์รายใหญ่สัญชาติจีน ร่วมพัฒนาศูนย์คอมพิวเตอร์ในประเทศจีน
กลุ่มมิลเลนเนียลส์ (Millennials) คือคนที่ให้การตอบรับรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์เชื่อมต่ออินเตอร์เนต (connected car) มากที่สุด จากผลการสำรวจนี้ ยังระบุอีกว่า แนวโน้มของผู้ขับขี่ในสหรัฐฯให้การสนับสนุนรถยนต์ไร้คนขับเพิ่มขึ้นกว่า 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดยผู้ซื้อรถในอเมริกาจำนวนมากมักจะสอบถามว่า รถมีระบบตัวช่วยอย่างคุณสมบัติขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ (self-driving features) หรือไม่ รวมทั้งมีผู้ที่ให้ความสนใจกับรถที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เนตได้เป็นจำนวนมากแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน