จากห้างสรรพสินค้า สู่ ออนไลน์ช้อปปิ้ง พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนักช้อป
โลกพัฒนา พฤติกรรมคนก็เปลี่ยน เดี๋ยวนี้ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต้องมีแอปพลิเคชั่นออนไลน์ชอปปิ้งติดเครื่องอย่างน้อยหนึ่งแอปฯแหละ โดนป้ายยามาบ้าง ตามมาจากโฆษณาบ้าง มาเพราะโปรโมชั่น หรือบางคนเป็นลูกค้าประจำไปแล้ว
ด้วยความสะดวกสบายหลายอย่าง ทำให้ลูกค้าจำนวนไม่น้อยเลือกใช้บริการออนไลน์ช้อปปิ้งเพื่อประหยัดเวลาในการออกไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือประหยัดค่าเดินทางในการออกไปข้างนอก หักลบไปหักลบมา เสียค่าส่งนิดหน่อย บวกกับเวลาที่รอของมาส่ง ก็อาจจะพอ ๆ กัน
แถมแอปพลิเคชั่นเหล่านี้ขยันมีโปรโมชั่นดึงดูด ล่อตาล่อใจผู้บริโภคได้ทู๊กกกวัน จนบางคนถึงกับเป็นทาสการตลาด ของออนไลน์ช้อปปิ้งเหล่านี้ไปแล้ว
ด้วยความพัฒนาแบบก้าวกระโดดของเทคโนโลยีนี้เองทำให้ห้างสรรพสินค้า หรือซูเปอร์มาเก็ตต่าง ๆ ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเซ็นทรัล เดอะมอลล์ บิ๊กซี ฯลฯ หรือร้านแบรนด์ของใช้ต่าง ๆ ก็พัฒนาเว็ปหรือแอปพลิเคชั่นเพื่อรองรับลูกค้าในแพล็ตฟอร์มนี้กันทั้งนั้น
แล้วอะไรทำให้คนหันไปช้อปปิ้งในออนไลน์มากขึ้น ? ประหยัดเวลา ประหยัดเงิน
เวลาใช้บริการออนไลน์ช้อปปิ้ง สิ่งที่ผู้ใช้บริการโอดครวญมากที่สุดก็คือค่าส่ง ซึ่งบางทีการต้องออกจากบ้านไปเพื่อซื้อของเข้าบ้านอาจจะเสียเงินค่าเดินทาง และเสียเวลามากกว่าด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นเมื่อลองมาหักลบกันแล้ว การที่เราเสียค่าส่งประมาณ 50-60 บาท กับเวลาที่อาจจะต้องรอซัก 2-3 วัน แต่ถ้าเป็นของที่เราไม่จำเป็นต้องรีบใช้ขนาดนั้น ความสะดวกสบายนี้คุ้มกับเวลาและเงินแน่นอน ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่หันมาสั่งสินค้าออนไลน์ให้มาส่งที่บ้านซะเลย
ออนไลน์ ขยันจัดโปรโมชั่น
เป็นการตลาดที่ได้ผลแทบจะ 100% กับการขยันจัดโปรโมชั่นทุก ๆ วัน ทำให้การซื้อของในออนไลน์คึกคักอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่าง Shopee แอปฯซื้อ-ขายของออนไลน์ที่มีการจัด Flash Sale วันละ 4 รอบ หรือการแจกโค้ดส่วนลด โค้ดส่งฟรี โค้ดช้อปแล้วได้เงินคืน ยิ่งทำให้ขาช้อปตื่นเต้นกันทุกวัน จนบางทีก็ซื้อของที่อาจจะไม่ได้อยากได้ขนาดนั้น แต่มันลดก็เลยซื้อ มีอิทธิพลเหมือนเวลาเราเห็นป้าย SALE ในห้างสรรพสินค้าเลยทีเดียว
ขนาดวันธรรมดายังขยันจัดโปรโมชั่น วันเทศกาลต่าง ๆ หรือวันสำคัญแอปพลิเคชั่นเหล่านั้นก็มีโปรมาแข่งกันจนคนเลือกซื้อไม่ถูก
ราคาถูกกว่าร้านทั่วไป
ลองสังเกตในแอปพลิเคชั่นแต่ละยี่ห้อ สินค้ามักจะมีราคาถูกกว่าตามร้านสะดวกซื้อ หรือแม้แต่ตามตลาด ทำให้หลาย ๆ คนยอมที่จะเสียค่าส่งนิดหน่อยและรอของมาส่งสองสามวัน เพราะถ้าซื้อเยอะ ๆ จะคุ้มกว่า และมีตัวเลือกให้เลือกเยอะกว่าด้วย
สามารถเปรียบเทียบราคาสะดวก รวดเร็ว
เวลาเราไปห้างสรรพสินค้า หรือไปเดินตลาด กว่าเราจะรู้ว่าที่เราซื้อมานั้นมันถูกหรือแพง เจ้าอื่นขายกันเท่าไร ก็เดินกันขาลาก หรือไม่ก็อาจจะเปรียบเทียบไม่ได้ แต่เมื่ออยู่ในออนไลน์ เสิร์ชแปปเดียวก็รู้แล้วว่าเจ้าไหนถูกที่สุด ซื้อแล้วคุ้มที่สุด มีตัวเลือกให้เปรียบเทียบเยอะ เป็นอีกเหตุผลที่นักช้อปแฮปปี้ที่จะซื้อในออนไลน์
เมื่อการค้าขายในออนไลน์คึกคักขึ้นในช่วงนี้ องค์กรที่คึกคักตามมาก็คือบริการส่งพัสดุ มีบริษัทส่งของเจ้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเต็มไปหมด เมื่อมีตัวเลือกมาขึ้น แต่ละเจ้าก็ต้องแข่งกันด้วยโปรโมชั่นหรือการบริการที่ดีขึ้นเพื่อมัดใจลูกค้า ถือเป็นกำไรอย่างหนึ่งของผู้บริโภค
และการช้อปปิ้งออนไลน์ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศเท่านั้น จากแต่ก่อนที่เราอาจจะต้องพึ่งพาร้าน Pre-Order จากต่างประเทศเพื่อจะซื้อของที่ถูกกว่า แต่เมื่อเทคโนโลยีและการขนส่งข้ามประเทศพัฒนาขึ้นก็มีราคาถูกลงจนผู้บริโภคสามารถเอื้อมถึง เมื่อคำนวณแล้วคุ้มราคาก็ทำให้มีร้านตัวเลือกในการซื้อของมากขึ้น
นี่เป็นเพียงปัจจัยตัวอย่างที่เรายกมาเพื่อให้เห็นว่าวิถีชีวิตเรากำลังเปลี่ยนไปแล้ว บางคนที่เห็นว่าคนไปเดินห้างอย่างเดียวแต่ไม่ค่อยมีคนซื้อ เราอาจจะตัดสินจากภาพเหล่านั้นไม่ได้ทั้งหมด เพราะกำลังซื้ออาจจะเท่าเดิม แต่เขาแค่เปลี่ยนช่องทางให้มันสะดวกขึ้นแค่นั้นเอง ให้ลองสังเกตดู เดี๋ยวนี้ไม่ว่าห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าทั่วไปก็มีร้านในออนไลน์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ Facebook Instagram Twitter หรือร้านในแอปพลิเคชั่น
เหมือนกับที่คนชอบบ่นว่าทำไมร้านหนังสือเงียบจัง ไม่ค่อยมีคนเข้า ไม่ค่อยมีคนซื้อหนังสือแล้ว แต่เราก็ไม่สามารถตัดสินได้ทั้งหมด เพราะสำนักพิมพ์ต่างๆ หรือร้านหนังสือเองก็บุกตลาดโซเชียลมากขึ้น และมีคนจำนวนไม่น้อยที่สั่งหนังสือจากออนไลน์ให้ไปส่งที่บ้าน ไม่ต้องออกมาเดินช้อปเองอีกต่อไป
เดี๋ยวนี้ใครสะดวกสุดก็ชนะแหละเนอะ