Google ผุดโครงการ ตอกย้ำโอกาสที่เท่าเทียมกันในโลกดิจิทัล
จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ววันนี้ (14 พ.ย.) สำหรับงาน Google for Thailand ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้คนไทยทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมกันในโลกดิจิทัล (Leave No Thai Behind) พร้อมชูโครงการเพื่อช่วยให้คนไทยและภาคธุรกิจจำนวนมากขึ้น ได้มีส่วนร่วมผลักดันการเติบโตและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
โครงการของ Google ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ การสร้างโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี, การส่งเสริมทักษะดิจิทัล, การพัฒนาเนื้อหาและผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)
งาน Google for Thailand ปีนี้มีโครงการที่น่าสนใจมากมาย เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
Google Station
โครงการ Google Station เป็นโครงการที่ช่วยให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ฟรี ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากปี 2018 ที่มีจุดให้บริการ Google Station 10 จุด ซึ่งในปีนี้มีการขยายจุดให้บริการเพิ่มมากขึ้นเป็น 100 จุด ครอบคลุมทั้งตลาด ศูนย์การค้า สนามบิน และสถานีขนส่งมวลชนหลักของประเทศ ในขณะนี้ Google Station มีให้บริการแล้วใน 23 จังหวัดนอกเหนือจากกรุงเทพมหานคร
Grow with Google
โครงการ Grow with Google เป็นโครงการที่มุ่งเน้นให้ทุกคนเข้าถึงหลักสูตรการอบรม เครื่องมือ และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการฝึกสอนแบบตัวต่อตัวได้ฟรี เพื่อช่วยให้ผู้คนพัฒนาทักษะที่จำเป็นเพื่อเตรียมพร้อมรับโอกาสใหม่ ๆ เช่น การหางาน การสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ หรือการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต
โดยโครงการนี้มาพร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ตัว คือ
- แอปพลิเคชัน Primer แอปที่ Google ใช้ได้ฟรีและมาพร้อมบทเรียนสั้น ๆ เข้าใจง่าย สำหรับเจ้าของธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่ต้องการทำให้ธุรกิจเติบโต หรือเรียนรู้ทักษะด้านการตลาดดิจิทัล ซึ่งทาง Google ได้ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
- แพลตฟอร์ม Skillshop (ชื่อเดิม Academy for Ads) เป็นแพลตฟอร์มอีเลิร์นนิงเพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Google เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบนิเวศโฆษณาของ Google
Be Internet Awesome
ไมค์ จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย ได้เปิดตัวอีกหนึ่งโครงการเพื่อการส่งเสริมทักษะดิจิทัลนั่นก็คือ โครงการ Be Internet Awesome ที่ออกแบบมาเพื่อให้ความรู้กับเด็ก ๆ ตั้งแต่อายุ 6-13 ปี เกี่ยวกับการท่องโลกออนไลน์อย่างมั่นใจและปลอดภัย โดยโครงการนี้เป็นการให้ความรู้เด็ก ๆ ผ่านเกมออนไลน์ ทั้งผู้ปกครองและครูสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาเพื่อนำไปสอนเด็ก ๆ ได้ด้วยตนเองอีกด้วย ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ได้เปิดตัวโครงการ Be Internet Awesome ในภาษาของตัวเอง
ทั้งนี้โครงการ Be Internet Awesome มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างให้เยาวชนเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ดีและมีคุณภาพ
AI for Social Good
ในปีนี้ทาง Google ได้เปิดตัวโครงการใหม่คือ โครงการปัญญาประดิษฐ์เพื่อสังคม (AI for Social Good) ที่นำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในโรงพยาบาลและคลีนิกเพื่อช่วยเหลือจักษุแพทย์ไทยในป้องกันการตาบอดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคเบาหวานมากกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก โดย 1 ใน 3 มีภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา (Diabetic Retinopathy) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่อาจทำให้ตาบอดถาวรได้ แต่สามารถป้องกันได้หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ หากแต่ว่ามีผู้ป่วยโรคเบาหวานในไทยกว่า 4,500,000 คน แต่มีจักษุแพทย์เพียง 1,500 คนเท่านั้น
ทาง Google มองเห็นถึงปัญหานี้ จึงนำ AI เข้ามาใช้ โดย AI จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือจักษุแพทย์ในตรวจและคัดกรองภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา และด้วยศักยภาพของ AI ในการอ่านภาพเอ็กซ์เรย์ด้านหลังของดวงตาได้ในปริมาณมากกว่าจักษุแพทย์ และมีความแม่นยำสูงถึง 95% ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงมีโอกาสที่จะตาบอดถาวรลดน้อยลง
โครงการนี้ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาทดลอง โดยนำร่องศึกษาที่คลินิกบริเวณคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และกำลังขยายเพิ่มเติมไปยังจังหวัดเชียงใหม่
Google Arts & Culture
โครงการ Google Arts & Culture เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 8 ปีที่แล้ว โดยเป็นโครงการที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่ทำงานร่วมกับพิพิธภัณฑ์กว่า 2,000 แห่ง ใน 80 ประเทศทั่วโลก ในการช่วยให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้สัมผัสกับภาพวาด พระราชวังและงานศิลปะอื่น ๆ อีกหลายแขนง
แม้จะไม่ใช่โครงการใหม่ แต่ในปีนี้ทาง Google Arts & Culture ได้จัดนิทรรศการดิจิทัลเป็นครั้งที่ 5 ในประเทศไทย ซึ่งนิทรรศการดิจิทัลในครั้งนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้านั่นเอง
นิทรรศการดิจิทัลครั้งนี้ ทาง Google ได้ร่วมกับกรมศิลปากรและท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน ในการจัดแสดงนิทรรศการดิจิทัล โดยทาง Google ได้นำกล้อง Gigapixel กล้องบันทึกภาพความละเอียดสูงถึง 1 พันล้านพิกเซลมาบันทึกภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระราชวังบวรสถานมงคล ทำให้เราได้สัมผัสและมองเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังได้ใกล้กว่าที่เคย และนอกจากนี้ ภาพจากกล้องตัวนี้ยังทำให้มีการค้นพบลายเซ็นของผู้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังอีกด้วย ซึ่งทางกรมศิลปากจะดำเนินการศึกษาในลำดับต่อไป
Google My Business
โครงการ Google My Business แม้จะไม่ใช่โครงการใหม่ แต่ก็มีความร่วมมือที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้น โดยโครงการนี้จะช่วยให้ธุรกิจ SME ของไทยจำนวนมากขึ้น ได้มีตัวตนบนโลกออนไลน์ ซึ่ง Google ได้ประกาศความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อช่วยให้ธุรกิจ SME ที่เข้าร่วมโครงการธงฟ้าและเป็นสมาชิกเว็บไซต์ Thaitrade.com ให้ลงทะเบียนและยืนยันบัญชี Google My Business ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจปรากฏบน Google Search และ Google Maps โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ Google ยังได้ประกาศขยายความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เพื่อช่วยให้ธุรกิจ SME ลงทะเบียนใช้งาน Google My Business ผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy ได้ตั้งแต่สิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
สำหรับงาน Google for Thailand ในปีนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน ผู้อำนวยการโครงการการศึกษาสันนิษฐานรูปแบบพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) และสื่อความหมายด้วยเทคโนโลยี กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และผู้บริหาร Google นำโดย สเตฟานี่ เดวิส กรรมการผู้จัดการ Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย