[รีวิว] Samsung Galaxy Watch Active 2 นาฬิกาเพื่อคนรักสุขภาพ จะใส่คู่กับมือถือ หรือ ไม่มีมือถือก็ได้

กลับมาพบกับการรีวิวจากทีม sanook Hitech กันอีกครั้งในรอบนี้หลายจากที่ได้ Hands On นาฬิกาของ Samsung กันไปตอนนี้ได้เวลาที่จะรีวิวกันเต็มๆ กับ Samsung Galaxy Watch Active 2 รุ่น eSIM จะมาพร้อมกับรายละเอียดเป็นอย่างไร มาดูกันต่อไป 

รูปลักษณ์หน้าตาของ Samsung Galaxy Watch Active 2 

เริ่มต้นกันกับหน้าจอของ Samsung Galaxy Watch Active 2 มาพร้อมกับขนาด 40 – 46 มิลลิเมตร ซึ่งรุ่นที่ได้รีวิวคือขนาด 46 มิลลิเมตร ครอบด้วยกระจก Gorila Glass  ที่ทนทานสูง และขอบจอโค้งมนอย่างมาก ทำให้ขอบเครื่องสามารถใช้นิ้วรูดเรียกเมนูได้แทนการปัด 

 

รอบตัวเป็นสแตนเลส ควาจริงมีวัสุดคุณภาพสูงมาพร้อมกับฝั่งซ้าย มีลำโพงสนทนาของตัวเครื่อง ฝั่งขวามาพร้อมปุ่มสำหรับเข้าเมนู และ Back ออก ซึ่งจุดนี้จะมีปุ่มสำหรับกด Back ออก สังเกตว่าจะมีวงแหวนสีแดงบอกว่าเป็นรุ่น eSIM 

 

สายของนาฬิกามีขนาด 20 มิลลิเมตร สามารถใส่ของรุ่นแรกได้สำหรับคนที่ต้องการลุยเพราะสายหนังที่เห็นอาจจะยังไม่พอสำหรับคนที่ออกกำลังกายบ่อย 

 

ใต้เครื่องมาพร้อมกับระบบวัดชีพจรของเครื่องมีการฝั่งเซนเซอร์ 8 จุด และมาพร้อมกับระบบ Wireless Charge ชาร์จกับมือถือเครื่องอื่นได้ 

 

ภาพรวมการออกแบบ / น้ำหนัก / สีสัน 

สำหรับในภาพรวมเท่าที่เห็นถือว่าเป็นอีกนาฬิกาที่น่หนักเบาและสวมใส่ง่ายมากเลย แต่ว่าห่วงแค่เรื่องการเป็นรอยเพราะตัวเครื่องนั้นสวยและเงาวับเลยครับ 

Samsung Galaxy Watch Active 2 จะมีให้เลือก 2 รุ่นคือ Fashion ที่จะมีให้เลือกแบบหนังและตัวเครื่องเป็นสแตนเลส (มีขนาด 40 mm. และ 44 mm.) และ Fitness ที่เป็น อะลูมิเนียม และ สายเป็นแบบเรซิน (มีขนาด 44 mm.) ตัวเครื่องกันน้ำสาดได้แบบ 5 ATM ใส่อาบน้ำและลงน้ำได้ 

นอกจากนี้ ยังมีสีให้เลือกมาถึง 3 สีด้วยกันประกอบไปด้วย ชมพู เงิน, ดำ 

เปิดเครื่องลองฟีเจอร์ของ Samsung Galaxy Watch Active 2 

 

เริ่มต้นกับระบบปฏิบัติการของ Samsung Galaxy Watch Active 2 ยังคงได้ Tizen OS และครอบด้วย OneUI หน้าตานั้นออกแบบเฉพาะ และคล้ายกับ Galaxy Active รุ่นแรก  

จุดเด่นคือเรื่องการเชื่อมต่อ Bluetooth, WiFi, NFC, GPS และ eSIM (Number Pairing) วิธีการจับชีพจรใช้ LED ในการวัดชีพจรและความเข้มของแสง โดยเซนเซอร์รุ่นนี้เป็น 8 ดวง ทำให้แม่นยำกว่าเดิม รองรับการชาร์จไฟ และเชื่อมต่อง่ายผ่าน Apps Galaxy Wearable ทั้ง iOS และ Android 

สำหรับในเรื่องของความจำประกอบไปด้วย RAM 768MB สำหรับ Bluetooth และ 1.5GB สำหรับรุ่น eSIM

ฟีเจอร์สำหรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นมีดังนี้ 

Music Player พร้อมกับใส่เพลงได้, Steaming ผ่าน Spotify และยังต่อเชื่อมกับ Galaxy Buds ได้  

โทรเข้าออกได้สำหรับรุ่น eSIM แต่ถ้ารุ่นปกติจะรองรับ Bluetooth สั่งงานและเชื่อมต่อกับมือถือได้ (โทรได้แต่แนบหูไม่ได้)  

• สามารถใช้นาฬิกาดูรูปและถ่ายผ่าน Smart Watch ได้เลย  
• สามารถใส่ กับโปรแกรมโหลดเข้ามาได้ทั้ง แปลภาษา, จ่ายเงินผ่าน Samsung Pay และอื่นๆ อีกมากมาย  
• สามารถเปิดให้ขอบเครื่องเป็นปุ่มเลื่อนได้เหมือนกับวงแหวนของ Galaxy Watch ทั่วไป 

โปรแกรมการออกกำลังกาย ที่เพิ่มเข้ามาประกอบด้วย 

• Running Trainer ระบบจะให้คุณเลือกโปรแกรม และวิ่งแบบไหน เช่น Jogging เพื่ออกกำลังกาย แต่ก็จะมีการตั้ง Target เรื่องของการเลือกโซนได้ และเครื่องจะวัดการวิ่งของเรา และเชื่อมต่อกับหูฟังอย่าง Galaxy Buds รวมไปถึงถ้าวิ่งแล้วอัตราการเต้นของหัวใจสูงไป ระบบจะต้องเตือน รวมถึงระยะการก้าว ระบบทำงานอัตโนมัติ หรือ ตั้งค่าเองได้  
• Gym Tracker จะมีการต่อเชื่อมกับ Technogym Machine เมื่อเชื่อมต่อกับ NFC โดยการวิ่งบนลู่และดึงข้อมูลเข้านาฬิกาได้เลย เพิ่มความแม่นยำ  
• Sleep Tracker จะมีการวัดเรื่องของการนอนว่าลึกแค่ไหน และวัดการนอนได้ 4 Step ว่าหลังแบบไหน หลับกึงหลังกึ่งตื่น, หลับลึก, หลับฝัน และสามารถแจ้งเตือนว่าเราควรจะทำอย่างไร  
• Stress Manager ระบบการวัดความเครียด ซึ่งระบบนี้ยังไม่เปิดให้ใช้งาน เพราะเป็นเรื่องของทางการแพทย์  

• Heart Rate Alert จะแจ้งเตือนเรื่องของการออกกำลังกายว่า หัวใจคุณเต้นสูงหรือต่ำเกินไป ซึ่งจะทำให้การดูแลสุขภาพทำได้  
• Fall Detection จะมีการแจ้งเตือนอัตโนมัติ มีเซนเซอร์จับเรื่องของการล้มได้แต่ฟีเจอร์นี้ใช้ได้ในไตรมาส 1 ของปี 2020  
• โปรแกรม Activity ก็จะมีโปรแกรม 7 โปรแกรมในอการออกกำลังกาย คือเชื่อมกับเครื่องออกกำลังกายบางยี่ห้อ 
• สำหรับ Under Armour ที่นอกจากการตกตแต่งที่ดุดันแล้วยังมาพร้อมกับี ฟีเจอร์ MapMyRun และมาพร้อมกับสีสันที่นย่าใจ และมีรายละเอียดทั้งหมดในเรื่องของการออกกำลังกายของเราได้   

เมื่อลองใส่ออกกำลังกายอย่างจริงจังพบว่าฟีเจอร์ของนาฬิกาทั้งหมดประสานการทำงานได้อย่างดีเลยทีเดียวถือว่าเป็นอีก Smart Watch ตัวหนึ่งที่ใช้งานได้ดี แต่ถ้าลงน้ำอย่าลืมเปิดโหมดกันน้ำด้วยเพราะไม่งั้นหน้าจอจะสัมผัสตลอดเวลา

การเชื่อมต่อกับ eSIM / ดูภายใน Applicaion 

สำหรับบริการเชื่อมต่อ eSIM ของ Samsung Galaxy Watch Active 2 จะทำได้ 2 รูปแบบเด้วยกันประกอบไปด้วย 

• Number Pairing คือการนำเลขหมาย / ซิมการ์ดเดิม ไปผูกกับนาฬิกา เท่ากับเบอร์จะแยกออกมาเป็นอีกซิม แต่ทั้งคู่ใช้เบอร์เดียวกันเท่ากับเวลามีสายเรียกเข้าก็จะดังพร้อมกับ โดยค่ายที่ทำได้คือ dtac และ AIS 
• External Number คือการนำเบอร์ที่ไม่ใช่เบอร์มือถือของคุณไปผูก อาจจะยุ่งยากเพราะค่าลงทะเบียนซิมการ์ดแบบนี้ต้องจ่ายเงินแยกบิลเพราะถือว่าเปิดเบอร์ใหม่ 

การตั้งค่าทั้งหมดสามารถกดผ่าน Galaxy Wearable แต่สำหรับ iOS จะต้องเป็น Apps ชื่อว่า Galaxy Watch เมื่อโหลดมาติดตั้งได้ แต่การใช้งานอาจจะหายไปบางฟีเจอร์ อย่างไรก็ตามสำหรับของ Apps สามารถตั้งค่าปรับเปลี่ยนฟีเจอร์ และ โหลด Apps มาเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกัน 

แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ 

ด้วยขนาดแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy Watch Active 2 ให้มาในขนาด 340 mAh สามารถใช้งานได้นานสุดที่  61 ชั่วโมง และ 46 ชั่วโมงสำหรับ 40 mm. (247 mAh)  ส่วนระบบชาร์จไฟนั้นทำได้รวดเร็วมากเช่นเคย และชาร์จผ่านมือถือได้ 

สรุปหลังจากทีม sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน Samsung Galaxy Watch Active 2 มาสักระยะเวลาหนึ่ง 

พูดเลยว่าเป็นอีก Smart Watch ที่น่าใช้งานไม่น้อยและสามารถตอบสนองในเรื่องของการออกกำลังกายได้อย่างดีมากเลยทีเดียวและมีจุดเด่นอีกมากมายอย่างที่เห็นในรีวิว เรียกได้ว่าเป็นอีก Gadget ที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด เพียงแต่มันชาร์จไฟแล้วใชได้นานสุดแค่ 2 วันเท่านั้น 

ส่วนราคานั้นมีดังนี้ 

• Samsung Galaxy Watch Active 2 อะลูมิเนียม สายเรซิน (Bluetooth) ขนาด 44 mm. = 9,900 บาท  
• Samsung Galaxy Watch Active 2 Stanless สายหนัง (Bluetooth) ขนาด 40 mm. = 11,900 บาท  
• Samsung Galaxy Watch Active 2 Stanless สายหนัง (Bluetooth) ขนาด 44 mm. = 12,900 บาท 
• Samsung Galaxy Watch Active 2 eSIM Stanless สายหนัง ขนาด 40 mm. = 12,900 บาท  
• Samsung Galaxy Watch Active 2 eSIM Stanless สายหนัง ขนาด 44 mm. = 13,900 บาท << คือรุ่นที่นำมารีวิว 
• Samsung Galaxy Watch Active 2 Under Armour (Bluetooth)  ขนาด 40 mm. = 9,900 บาท  
• Samsung Galaxy Watch Active 2 Under Armour (Bluetooth)  ขนาด 40 mm. = 10,900 บาท   

เรียกได้ว่ามีตัวเลือกที่หลากหลายมากเลยทีเดียวใครที่สนใจอย่าลืมไปจับจองเป็นเจ้าของที่ Samsung Brand Shop หรือรุ่น eSIM สามารถซื้อกับตัวแทนจำหน่ายที่เป็นผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายได้เลยครับ