[รีวิว] HUAWEI Watch GT2 (Elite Edition) Smart Watch พันธุ์แกร่ง พร้อมสายเหล็กที่ไม่แพง
กลับมาพบกับรีวิว Gadget และ มือถือจาก ทีม sanook hitech กันอีกครั้งแล้ว ในคราวนี้จะมาสัมผัสกับ Smart Watch รุ่นใหม่จาก HUAWEI ในรุ่น Watch GT2 แต่รุ่นที่ทีมได้รับมาคือตัวท็อปที่สุดคือ Elite Editon สายเหล็กนั้นเอง มาดูว่าแตกต่างจากรุ่นปกติอย่างไร
แกะกล่อง HUAWEI Watch GT2 (Elite Edition)
เริ่มตันกับการแกะกล่องกันก่อน กับ Smart Watch รุ่นนี้มีอุปกรณ์ติดกล่องให้ครบดังนี้
- ตัวเรือน HUAWEI Watch GT2
- สายยางคล้ายกับรุ่นปกติ
- ที่ชาร์จไฟ
- สาย USB-C
- คู่มือการใช้งาน
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ HUAWEI Watch GT2
เริ่มต้นด้วยหน้าจอของ HUAWEI Watch GT2 จะมีขนาด 42 มิลลิเมตร และ 46 มิลลิเมตร รองรับการทัชสกรีนได้ แต่ความละเอียดของทั้งคู่จะทำได้ที่ความละเอียด 360x360 พิกเซลทั้ง 2 รุ่นถือว่าขนาด แต่ขนาด 46 มิลลิเมตรจะแตกต่างกับรุ่น 42 มิลลิเมตร ที่ขีดบอกเวลา ที่สามารถบอกได้ถึง 24 ชั่วโมง
รอบตัวเครื่องจะออกแบบให้ดูแข็งแรงกว่า 42 มิลลิเมตร ซึ่งถ้าเป็นรุ่น Sport จะเป็นสีดำ, ส่วนรุ่น Classic สายหนัง จะเป็นสีเงิน และ Elite สายเหล็กจะเป็นสีสแตนเลส ดูแพงสุด ฝั่งซ้ายมีไมโครโฟนสำหรับใช้สนทนา
ฝั่งขวามาพร้อมกับปุ่ม 2 ปุ่ม โดยปุ่มบนจะทำทำหน้าที่เข้าเมนู, ยกเลิก ปุ่มล่าง จะเข้าเมนูด่วนเช่นการออกกำลังกาย และเป็นปุ่ม Enter เข้าสูเมนูต่างๆ หรือ เริ่มออกกำลังกาย พร้อมกับข้างใต้จะมาพร้อมกับลำโพงตัวเครื่อง (42 มิลลิเมตรจะไม่มีลำโพง)
สายสามารถเปลี่ยนได้ง่าย โดยขนาดของสายอยู่ที่ 22 มิลลิเมตรสามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยรุ่น Elite Edition ให้มาทั้งสายเหล็กและสายเรซิน
ใต้นาฬิกา จะมาพร้อมกับ Port Charge เป็นแม่เหล็กดูเข้าไป นอกจากนี้ยังมี Heart Rate Sensor มาให้ด้วย
ความรู้สึกเมื่อได้เห็นดีไซน์และได้ลองสวมใส่
ถ้าใครเคยใช้ HUAWEI Watch GT รุ่นแรก คงพูดออกมาว่า ทำไมหน้าตาคล้ายกับเดิมจังเลย ใช่ครับส่วนมากของรุ่นใหม่จะยังคงเเหมือนกับรุ่นแรก แต่ว่าสิ่งที่แตกต่างชัดเจนคือขอบหน้าจอโค้งมนขึ้น ช่วยทำให้มันดูดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม และยังแข็งแรงเพราะทนน้ำและฝุ่นได้อย่างดี รวมถึงเรื่องการกันน้ำที่ทนทานระดับ 5ATM หรือลงน้ำได้ 100 เมตร แต่เมื่อลองใส่พบว่ารุ่นนี้เบากว่าเดิมชัดเจน และมีขนาดหน้าจอมากกว่าเดิมทำให้มองได้สะดวกมากขึ้น และมีเอกลักษณ์เพราะสามารถเลือกตกแต่งได้ทั้งหมด 3 รูปแบบได้แก่
- Sport สายเรซิน ตัวเรือนสีดำเน้นความสดใส
- Classic สายหนัง และตัวเรือนจะดูสีเงิน ดูหรูหรา
- รุ่นสายโลหะประกอบด้วย
- Elite (เฉพาะ 46 มิลลิเมตร) เป็นรุ่นที่ตกแต่งดีที่สุด
- Elegrand (เฉพาะ 42 มิลลิเมตร) สายโลหะเหมือนกับ Elite แต่จะเน้นสีโทนสว่างและดูหรูหราเช่นสีทอง เป็นต้น
ลองใช้งานกับฟีเจอร์ต่างๆ ใน HUAWEI Watch GT2
การแสดงผลหน้าปัดนาฬิกา
HUAWAI Watch GT2 ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการเหมือนกับรุ่นแรกทุกประการ ดังนั้นภาพรวมการใช้งานสามารถยึดตามรุ่นเดิมได้เลย เช่นการเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา, Widget ในรูปแบบต่างๆ และรวมไปถึงเมนูการตั้งค่าที่มีการปรับให้ Font ขนาดใหญ่มากขึ้น และแจ้งเตือนได้ทั้งภาษาอังกฤษ และ ภาษาไทย (แต่ยังไม่มีเมนูภาษาไทย)
และยังมีอีกจุดเด่นสำคัญสำหรับรุ่น 46 มิลลิเมตรคือสามารถรับสายแล้วคุยสายผ่านนาฬิกา เหมือนกับหูฟัง Bluetooth ได้โดยตรง
ประสิทธิภาพของ CPU Kirin A1
จุดนหนึ่งที่ HUAWEI Watch GT2 แตกต่างจากรุ่นแรกโดยสิ้นเชิงคือ การติดตั้งขุมพลังสำหรับอุปกรณ์พกพาอย่าง Kirin A1 ที่ติดตั้งอยู่ในหูฟัง FreeBuds 3 แต่เมื่อเป็นนาฬิกา จะทำให้การทำงานแตกต่างกัน สามารถประมวลผล ได้รวดเร็วมากขึ้น และนอกจากนี้สามารถต่อเชื่อมกับหูฟัง FreeBuds ทุกรุ่นได้และเล่นเพลง ผ่านตัวนาฬิกา ได้คล้ายกับรุ่นเดิม แต่จะเพิ่มฟีเจอร์การออกกำลังกายได้มากกว่าเดิม
แถมชิปตัวนี้เป็นการทำงานลักษณะ Dual-Chip ช่วยประหยัดไฟมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม เคลมว่าใช้ได้ 2 สัปดาห์ แต่จะจริงไหม ไว้ดูในส่วนของการทดลอง แบตเตอรี่ ต่อไป
เมื่อชิปฉลาดขนาดนี้ก็เป็นไปได้ว่าอนาคตจะมีการติดตั้ง Application เข้าไปทำให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์การออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพ
สำหรับฟีเจอร์ในเรื่องการออกกกำลังกายของ HUAWEI Watch GT2 จัดมาให้เต็มที่ในรูปแบบต่างๆ เช่น
- โปรแกรมออกกำลังกายทั้งหมด 15 รายการ แบ่งทั้งการวิ่งในร่ม, วิ่งกลางแจ้ง, ว่ายน้ำ, ปีนเขา, การเดิน, ใช้วัดตามเครื่องออกกำลังกาย, ไตรกีฬา และอื่นๆ
- สำหรับคนที่อยากฝึกก็จะมีโปรแกรมสอนการวิ่งแบบคอร์ส มีทั้งหมด 13 รายการ รองรับการจับสัญญาณ GPS ในการบอกแผนที่
- HUAWEI TruSeen เวอร์ชั่น 3.5 ช่วยวัดชีพจรตลอดเวลาและวัดประมวลผลระหว่างวัน รวมถึง TruSleep วันการนอนได้ละเอียด มากขึ้น และ TruRelax โปรแกรมวัดการผ่อนคลาย
- ระบบเตือนให้มีการขยับร่างกายื หากนั่งอยู่กับที่นานๆ
- ข้อมูลสรุปการกออกกำลังกาย, แสดง Oxygen ในเลือด Vo2Max และ บอกว่าควรจะหยุดพักกี่ชั่วโมงก่อนจะออกกำลังกายครั้งต่อไป
เรียกได้ว่าข้อมูลในจการใช้ออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพของ HUAWEI Watch GT2 มาเต็มและมาครบอย่างมากเลยทีเดียว เพราะตัวเครื่องมีเซนเซอร์มากมายเช่น
- เซ็นเซอร์แบบ Accelerometer (เซ็นเซอร์ความเร่ง)
- เซ็นเซอร์แบบ Gyroscope (เซ็นเซอร์ไจโรสโคป)
- เซ็นเซอร์แบบ Geomagnetic (เซ็นเซอร์ตรวจวัดแม่เหล็ก)
- เซ็นเซอร์แบบ Optical heart rate (เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล)
- เซ็นเซอร์แบบ Ambient Light (เซ็นเซอร์วัดแสง)
- เซ็นเซอร์แบบ Air pressure (เซ็นเซอร์ความดันอากาศ)
- เซ็นเซอร์แบบ Capacitive
เชื่อมต่อกับ Application HUAWEI Heath บอกข้อมูลอะไรบ้าง
การเชื่อมต่อกับ HUAWEI Watch GT2 จะต้องเชื่อมต่อระหว่าง Smart Phone ก็ยังเชื่อมต่อกับโปรแกรม HUAWEI Health อยู่เหมือนเดิม เราสามารถดูข้อมูลอย่างละเอียดในการออกกำลังกาย, ฟีเจอร์ TruSleep และ วัดน้ำหนักร่างกายผ่านอุปกรณ์ชั่งน้ำหนักได้
ขณะที่การบอกข้อมูลของการเชื่อมออุปกรณืสามารถจัดการหน้าปัดนาฬิกาทั้ง โหลดเพิ่ม, เปลี่ยนรูปแบบ, ลบแบบที่เราไม่ต้องการ, โหลดเพลงได้ เข้าไปในเครื่อง, เลือการแจ้งเตือนของนาฬิกา, ตั้งค่าต่างๆ และรวมไปถึง Update Firmware เป็นต้น
Apps ดังกล่าวมีให้โหลดทั้ง iOS และ Android แต่การทำงานบางสิ่ง iOS อาจจะยังทำไม่ได้นะครับ
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
ด้วยชิปประมวลผล Kirin A1 หากไม่ได้ใช้งานหนักมากนักจะสามารถใช้งานได้นานถึง 2 สัปดาห์ได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าเป็นคนที่ออกกำลังกายบ่อยและมีการใช้งานการเชื่อมต่อยเอะ แบตเตอรี่อาจจะอยู่ได้เพียง 1 สัปดาห์กว่าๆ ก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ
สำหรับเรื่องการชาร์จไฟด้วย USB-C นั้นสามารถต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ไหนก็ได้ สามารถชาร์จไฟได้รวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานแบตเตอรี่เต็มแล้ว
สรุปหลังจากทีม sanook hitech ทดลองใช้ HUAWEI Watch GT2 มาสักระยะเวลาหนึ่ง
เป็น 2 สัปดาห์ที่น่าประทับใจกับการทดลองใช้งาน HUAWEI Watch GT2 ขนาด 46 mm. เพราะถือเป็น Smart Watch ที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบในชีวิตประจำวัน และยังสามารถใช้ออกกำลังกายอย่างหนัก, วัดการนอน, รับสายแล้วคุยได้ทันที แถมฟังเพลงผ่านนาฬิกา โดยไม่ต้องพกมือถือไปไหนมาไหนได้
อาจจะมีจุดอ่อนในเรื่องของระบบช่วยแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุของคุณ เท่านั้นที่ไม่ได้ติดตั้งมาให้ เท่านั้นเอง
แต่ราคาของ HUAWEI Watch GT2 มีให้เลือก 6 รุ่นด้วยกันประกอบด้วย
- 46 mm. Sport Edition = 6,490 บาท
- 46 mm. Classic Edition = 6,990 บาท
- 46 mm. Elite Edition = 7,990 บาท
- 42 mm. Sport Edition = 5,990 บาท
- 42 mm. Classic Edition = 6,490 บาท
- 42 mm. Elegant Edition = 7,990 บาท
เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างดี สุดท้ายขอสรุปว่า ถ้าคุณมองหา Smart Watch ครบทุกฟีเจอร์ในราคาไม่แรงมากอาจจะเก่งรู้ทุกเรื่องใน Android มากกว่า iOS และราคาไม่แรงเกินไป HUAWEI Watch GT2 เป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ
จุดเด่น
- การออกแบบดูแพงและเป็นนาฬิกามากขึ้น
- ทนทาน แต่ยังคงได้หน้าจอสัมผัส
- การทำงานเครื่องรวดเร็ว
- แบตเตอรี่อึดมาก
- ตัวเลือกของรุ่นมีให้เลือกเยอะมาก
- โปรแกรนออกกำลังครบ
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย
- ไม่มีโหมดปิดทัชสกรีน นอกเหนือจากโหมดออกกำลังกายแบบว่ายน้ำ
- ขนาด 42 mm. ไม่มีลำโพงทำให้รับสายแล้วพูดคุยผ่านนาฬิกาไม่ได้