[Hands On] realme C3 มือถือใหม่ที่มีลูกเล่นครบเครื่อง แต่ราคาถูกกว่าที่คิด 

realme ได้เผยโฉมมือถือรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการอีกรุ่นที่เรียกไดว่าสร้างความตื่นเต้นในกลุ่มมือถือไม่เกิน 4,000 บาทอีกครั้งในรุ่น realme C3 มาดูกันว่ามือถือรุ่นนี้จะมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้าง

แรกเห็นรูปลักษณ์และดีไซน์ 

การออกแบบของ realme C3 เห็นได้ชัดว่าพัฒนาจากมือถือเดิมเช่น realme C2 อย่างชัดเจน เริ่มต้นกับหน้าจอทรงหยดน้ำขนาด 6.5 นิ้วและมีขอบที่ไม่ได้หนามากมายและสีสันของหน้าจอจัดว่าคมชัด มาพร้อมกับความละเอียด HD+ (1560x720 พิกเซล)  

รอบตัวเครื่องเป็นวัสดุจับแล้วไม่ลื่น ประกอบด้วยฝั่งซัายจะมีช่องใส่ซิมการ์ด 2 Slot พร้อมกับ MicroSD อีก 1 Slot และมีปุ่มปรับระดับเสียง, ฝั่งขวามาพร้อมกับปุ่มเปิด / ปิดตัวเครื่อง ด้านล่างมีช่องเสียบหูฟัง, ไมโครโฟน, MicroUSB และ ลำโพงตัวเครื่อง 

ด้านหลังของเครื่องมีการทำลวดดลายที่สวยงามและมีให้เลือกทั้งสีฟ้า และสีแดง องค์ประกอบมาครบทั้งกล้องหลัง 3 ตัวระบบสแกนลายนิ้วมือ realme ได้เปิดเผยว่า ตัวเครื่องกันละอองน้ำได้แต่ไม่สามารถตกน้ำได้นะครับ 

สเปก และ ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของมือถือรุ่นนี้ 

สเปกของ realme C3

• ขนาด: 164.4 x 75 x 9 มิลลิเมตร  
• หนัก: 195 กรัม  
• หน้าจอแสดงผล : LCD Display ความละเอียด FHD+  19:9 (1560x720พิเซล) ขนาดประมาณ 6.5 นิ้ว   
• ชิปเซ็ต : MediaTek Heilo G70 | GPU Mali G52 
• RAM : 3 GB     
• ROM : 32 GB     
• ความจำเสริม : Micro SD รองรับความจุสูงสุด 256GB ในกล่องมีให้ 32GB 
• ระบบปฏิบัติการ:  Android 10 ครอบบน realme UI 
• WiFi 802.11 B/G/N (Single Band)  
• Bluetooth 5.0    
• เครือข่ายมือถือ : 2G/3G/4G  
• กล้องหลัง 3 ตัว:      
  ตัวแรกเป็นของ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.8    
  ตัวที่สองเป็นเลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล,   
  สุดท้ายเป็นกล้อง 2 ล้านพิกเซล Marco เข้าใกล้ได้ 4 เซนติเมตร  
• กล้องหน้าเซลฟี่ :  ความละเอียดกล้องหลัก: 8 ล้านพิกเซล  
• รองรับ: สแกนใบหน้าแบบ 2D    
• รองรับ: สแกนนิ้วที่ด้านหลังเครื่อง 
• รองรับ : nano SIM Dual SIM + Micro SD 
• ช่องเสียบ : หูฟัง 3.5 mm. และ MicroUSB  
•  แบตเตอรี่ : Li-Po 5000 mAh  สามารถจ่ายไฟออกได้  
• สี : Frozen Blue, Blazing Red 

เมื่อเปรียบเทียบกับมือถือระดับเดียวกับ realme C3 จะมีจัดเด่นในเรื่องขุมพลังที่แรงกว่าเดิม เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ ตัวนี้สร้างความเร็วได้มากถึง 150% เทียบกับรุ่นที่แล้ว แต่ความจำยังคงให้ 32GB ถ้ามองในกลุ่มนี้ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องการจัดเก็บอะไรเพิ่มเติมแนะนำใส่การ์ด Micro SD เพิ่มไปจะดีกว่า 

นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังให้ขนาด 5000 mAh พร้อมกับระบบจ่ายไฟให้กับมือถือรุ่นอื่นได้ แต่ว่าจะต้องหาสาย Micro USB แล้วแปลงเป็นหัวแปลงปลายทาง แต่กำลังไฟอาจจะไม่ได้สูงเท่าไหร่นะครับ  

ในฟีเจอร์ของเครื่องในภาพรวมไม่ได้มีอะไร แต่ทีม sanook hitech สะดุดตากับระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่มาพร้อมกับการจัดการพลังงานได้ดีอยู่แล้ว แต่มีการครอบด้วย realme UI ครั้งแรกของมือถือในค่ายนี้ 

จุดเด่นในเรื่องของ 3 เรื่องได้แก่ 

• สีสันที่ออกแบบให้เรียบง่ายแต่ถ้าเบื่อสามารถเปลี่ยนสีได้ตามใจ 
• Icon ปรับเปลี่ยนได้ทั้งรูปทรง, ขนาด สีสัน และสามารถใส่ icon แทนได้เหมือนเดิม 
• ฟีเจอร์สั่งงานด้วยนิ้วมือเช่นการปรับให้สไลต์ด้วย 3 นิ้วก็สามารถ Capture หน้าจอ หรือจะมีโหมดสมาธิไว้สำหรับโฟกัสกับการทำอะไร ด้วยเพลงที่ทำให้เกิดสมาธิได้จริงๆ  

ส่วนกล้องของ realme C3 มาทั้งหมด 4 ตัวประกอบด้วย 

• กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.8, AF และมี LED Flash 
• กล้องหลังตัวที่ 2 ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล แบบ Portrait Mode 
• กล้องหลังตัวที่ 3 ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล แบบ Ultra Marco เข้าใกล้ได้ 4 เซนติเมตร 
• กล้องหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อม AI Beauty 

 

(ตัวอย่างภาพถ่ายจาก realme C3)

ที่แตกต่างจากมือถือรุ่นอื่นคือเมนูที่ปรับแต่งมาให้ใช้งานและโหมดต่างๆ สามารถเลือกเพิ่มจากการกด More นอกจากนี้ยังได้ในเรื่องของการปรับแต่งได้ตามใจ ส่วนวิดีโอถ่ายด้วยความละเอียด 1080P มาให้เหมือนเดิม ถ้าเสียดายอะไรกับกล้องรุ่นนี้คือ Night Mode ไม่ได้ติดตั้งมาให้ 

สรุปหลังลองใช้และราคาของ realme C3 

เรียกได้ว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าประทับใจเพราะออกแบบลงตัวและสีสันของเครื่องสวยงามกับระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดในมือถือระดับเริ่มต้น ทำให้ realme C3 ดูน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ แม้ว่าอาจจะมีการลดทอนบางอย่างเช่นความจำ ที่จะต้องเสริมด้วย MicroSD ในกล่องความจุรวมกันของเครื่องจะอยู่ที่ 64GB ถือว่าเพียงพอกับคนทั่วไป 

ส่วนราคาของ realme C3 เปิดตัวที่ 3,999 บาท และสามารถซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ สำหรังช่องทางออนไลนก็จะได้ของแถมได้แก่ realme Power Bank และ หูฟัง realme Buds 1 แบบมีสาย แต่ถ้าอยากได้ราคาถูกกว่านั้นก็สามารถซื้อกับผู้ให้บริการทั้ง 3 ราย โดยราคาเริ่มต้น 1,499 บาทเท่านั้น 

วันจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะเริ่มวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ทั้งหน้าร้านและผู้ให้บริการอย่าง dtac นี้ และ 3 มีนาคมกับผู้ให้บริการ Truemove H และ AIS